หลอดเลือดโป่งพอง (Aneurysm)

สารบัญ บทความที่เกี่ยวข้อง

บทนำ

หลอดเลือดโป่งพอง(Aneurysm)คือภาวะ/โรคที่เกิดจากมีความผิดปกติที่ผนังหลอดเลือด พบเกิดได้กับหลอดเลือดทุกหลอดเลือดในร่างกาย ทั้งกับหลอดเลือดแดง หรือกับหลอดเลือดดำ แต่ทั่วไปมักเกิดกับหลอดเลือดแดง โดยเนื้อเยื่อทุกชั้นของผนังหลอดเลือดจะเกิดการอ่อนแอจนเกิดการโป่งพอง/ขยายถ่างกว้างออก จนมีลักษณะเป็นกระเปาะหรือเป็นรูปกระสวย ซึ่งในกรณีที่การโป่งพองเป็นมากจะส่งผลให้ผนังหลอดเลือดนั้นๆบางจนเกิดการแตกของหลอดเลือด ส่งผลให้เกิดการตกเลือดทันที ซึ่งถ้าเกิดกับหลอดเลือดแดงขนาดใหญ่ เช่น ท่อเลือดแดงในช่องท้อง(Abdominal aortic aneurysm) หรือท่อเลือดแดงในช่องอก(Thoracic aortic aneurysm) จะส่งผลให้ผู้ป่วยเสียชีวิตได้ทันที

หลอดเลือดโป่งพอง เป็นภาวะพบน้อย ซี่งถ้าผนังหลอดเลือดไม่ปริ/หรือแตก ผู้ป่วยมักไม่มีอาการ และโรค/ภาวะนี้ก็มักไม่สามารถตรวจได้จากการตรวจร่างกาย หรือจากการตรวจด้วยเอกซเรย์ธรรมดาก็มักตรวจไม่พบ จึงส่งผลให้การวินิจฉัยโรคนี้เป็นไปได้ยากมาก ทั่วโลกจึงยังไม่มีสถิติการเกิดโรคนี้ที่แน่นอน

โรคหลอดเลือดโป่งพองพบได้ในทุกอายุ แต่ส่วนใหญ่มักพบในผู้ใหญ่วัยกลางคนขี้นไป พบในผู้ชายสูงกว่าในผู้หญิงประมาณ 2-3เท่า ในเด็ก วัยรุ่น วัยหนุ่มสาวมักมีสาเหตุจากผนังหลอดเลือดบาง/อ่อนแอจากสาเหตุทางพันธุกรรม เช่น ในโรค Marfan syndrome (โรคทางพันธุกรรมพบยาก ที่ทำให้มีเนื้อเยื่อเกี่ยวพันอ่อนแอ) ซึ่งทั่วไป ประมาณ 95%ของโรคหลอดเลือดโป่งพองจะพบในผู้ใหญ่

หลอดเลือดโป่งพองส่วนใหญ่ มักเกิดกับหลอดเลือดแดงขนาดใหญ่ โดยเฉพาะท่อเลือดแดงในช่องอก หรือท่อเลือดแดงในช่องท้อง แต่พบได้กับหลอดเลือดแดงในอวัยวะต่างๆ(พบได้น้อยมาก)ทุกอวัยวะ ที่พบได้บ่อย คือ หลอดเลือดแดงใน สมอง ไต ผนังหัวใจ ม้าม ขา หลอดเลือดแดงของเนื้อเยื่อในช่องท้อง(Mesenteric artery aneurysm)

ส่วนหลอดเลือดดำโป่งพอง พบได้น้อย น้อยกว่าหลอดเลือดแดงโป่งพองมาก จนทั่วไป เมื่อกล่าวถึง “หลอดเลือดโปงพอง” จะหมายถึง “หลอดเลือดแดงโป่งพอง” โดยหลอดเลือดดำโป่งพอง มักเกิดกับหลอดเลือดเลือดดำของเนื้อเยื่อที่อยู่ในส่วนลึกๆของร่างกาย เช่น เนื้อเยื่อส่วนลึกของขา หรือ เนื้อเยื่อ /อวัยวะในอุ้งเชิงกราน แต่ก็มีรายงานประปรายที่พบเกิดกับหลอดเลือดดำที่อยู่ตื้นๆใต้ผิวหนัง

อนึ่ง หลอดเลือดโป่งพอง แบ่งได้เป็น 2 ชนิดหลัก

  • โดยถ้าเป็นการโป่งพองของหลอดเลือดที่เกิดจากความอ่อนแอของเนื้อเยื่อทุกชั้นของผนังหลอดเลือด(ทั่วไปหลอดเลือดจะมีเนื้อเยื่อผนัง 3 ชั้น) จะเรียกว่า “True aneurysm”
  • แต่ถ้าหลอดเลือดโป่งพองเกิดจากมีความเสียหายของเนื้อเยื่อผนังหลอดเลือด ที่ส่งผลให้เกิดเลือดไหลเข้าไปอยู่ในผนังชั้นต่างๆของหลอดเลือดหรือเข้าไปอยู่ในเนื้อเยื่อรอบๆหลอดเลือด(หลอดเลือดเกิดเป็นรูทะลุ)จะเรียกว่า “False aneurysm หรือ Pseudoaneurysm/หลอดเลือดโป่งพองไม่แท้” ซึ่งเป็นภาวะที่เสี่ยงต่อหลอดเลือดแตก/ตกเลือดสูงกว่า True aneurysm มาก ซึ่งเกิดได้หลายสาเหตุ โดยสาเหตุที่พบบ่อยมักเกิดจาก อุบัติเหตุต่อหลอดเลือด หรือมีการอักเสบของหลอดเลือด เช่น จากติดเชื้อแบคทีเรียที่รุนแรง หรือมีการอักเสบที่รุนแรงของบางอวัยวะส่งผลต่อเนื่องถึงการอักเสบของหลอดเลือด(เช่น ตับอ่อนอักเสบรุนแรง) หรือการอักเสบของหลอดเลือดจากโรคออโตอิมมูน ซึ่งหลอดเลือดโป่งพองชนิดนี้พบน้อยมาก มักเป็นการรายงานผู้ป่วยเป็นรายๆไปตามแต่ละสาเหตุ

หลอดเลือดโป่งพองมีสาเหตุ/ปัจจัยเสี่ยงจากอะไร?

หลอดเลือดโป่งพอง

สาเหตุเกิดหลอดเลือดโป่งพองที่แท้จริงยังไม่ทราบ แต่ปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดหลอดเลือดโป่งพอง ได้แก่

ก. ปัจจัยเสี่ยงเกิดผนังหลอดเลือดแดงอ่อนแอ ได้แก่

  • โรคซิฟิลิสระยะที่3/ระยะสุดท้าย
  • วัณโรคปอดที่รอยโรคเกิดใกล้หลอดเลือดแดงปอด
  • โรคทางพันธุกรรมที่ทำให้ผนังหลอดเลือดอ่อนแอ เช่น โรคหลอดเลือดสมองโป่งพอง โรคถุงน้ำหลายถุงของไต โรค Marfan syndrome
  • โรคหลอดเลือดแดงแข็ง
  • โรคความดันโลหิตสูง
  • สูบบุหรี่จัด
  • โรคอ้วน
  • ผู้สูงอายุ
  • หลอดเลือดอักเสบ เช่น หลอดเลือดอักเสบติดเชื้อ(Mycotic aneurysm หรือ Microbial arteritis หรือ Infected aneurysm)
  • ผนังหลอดเลือดฉีกขาด หรือบาดเจ็บจากอุบัติเหตุที่เกิดกับหลอดเลือดนั้นๆ เช่น อุบัติเหตุรถยนต์ โดนยิง โดนแทง การตกจากที่สูง

ข. ปัจจัยเสี่ยงเกิดผนังหลอดเลือดดำอ่อนแอ ได้แก่ ภาวะความดันในหลอดเลือดดำสูง เช่น จากการตั้งครรภ์ที่ครรภ์กดทับหลอดเลือดดำใหญ่ในช่องท้องอย่างเรื้อรัง โรคอ้วน

หลอดเลือดโป่งพองมีอาการอย่างไร?

อาการของหลอดเลือดโป่งพอง ได้แก่

ก. อาการหลอดเลือดแดงโป่งพอง โดยทั่วไป ผู้ป่วยโรคหลอดเลือดแดงโป่งพองไม่มีอาการเฉพาะโรค และมักไม่มีอาการผิดปกติ

  • แต่ถ้าเกิดกับหลอดเลือดฯที่อยู่ตื้นๆ อาจคลำได้เป็นก้อนเนื้อผิดปกติ เช่น ที่ข้อพับเข่า เป็นต้น
  • แต่ส่วนใหญ่ ผู้ป่วยจะเกิดอาการเมื่อผนังหลอดเลือดฯเกิดปริ/แตก ซึ่งจะมีอาการเกิดได้หลายอาการพร้อมกัน เช่น อาการปวดรุนแรงในตำแหน่งของหลอดเลือดฯ ซึ่งเป็นอาการปวดจากหลอดเลือดปริ/แตก เช่น
    • ถ้าเกิดกับหลอดเลือดสมอง จะมีอาการปวดศีรษะรุนแรงทันที
    • ถ้าเกิดกับหลอดเลือดในท้อง ก็จะปวดท้องมากทันที
  • และอาการอื่นๆที่เป็นอาการจากร่างกายเสียเลือด/ตกเลือด/เลือดออกรุนแรง เช่น
    • ผิวหนังทั้งตัว ซีด และเย็น
    • คลื่นไส้ อาเจียน
    • หัวใจเต้นเร็ว
    • ความดันโลหิตต่ำ
    • ภาวะช็อก และอาจเสียชีวิตทันที

ข. อาการหลอดเลือดดำโป่งพอง ทั่วไปไม่พบอาการผิดปกติ ยกเว้นคลำได้เป็นก้อนกรณีเกิดจากหลอดเลือดดำที่อยู่ตื้นๆโป่งพอง เช่น ที่ข้อพับเข่า เป็นต้น แต่กรณีของหลอดเลือดดำโป่งพอง มักมีลิ่มเลือดเกิดขึ้นในหลอดดำด้วย ผู้ป่วยเกือบทั้งหมดจึงมักมีอาการจากภาวะลิ่มเลือดอุดกั้นหลอดเลือดปอด(อ่านเพิ่มเติมอาการโรคนี้ได้ในเว็บ haamor.com บทความเรื่อง “ลิ่มเลือดอุดกั้นหลอดเลือดปอด”)

เมื่อไหร่ควรพบแพทย์

เมื่อมีอาการดังกล่าวในหัวข้อ “อาการฯ”

  • กรณีคลำได้ก้อนเนื้อ ควรรีบพบแพทย์/ไปโรงพยาบาล
  • แต่ถ้าเป็นอาการอื่นๆ ต้องรีบพบแพทย์/ไปโรงพยาบาลทันที

แพทย์วินิจฉัยโรคหลอดเลือดโป่งพองได้อย่างไร?

หลอดเลือดโป่งพองเป็นโรคที่วินิจฉัยได้ยากที่สุดโรคหนึ่ง อย่างไรก็ตาม แพทย์วินิจฉัยโรคนี้ได้ ดังนี้ เช่น

  • การซักถามประวัติทางการแพทย์ของผู้ป่วย ที่สำคัญ เช่น ประวัติอาการ ประวัติโรคประจำตัว ประวัติโรคนี้ในครอบครัว ประวัติอุบัติเหตุ
  • การตรวจร่างกาย
  • การตรวจภาพอวัยวะ/หรือหลอดเลือดที่สงสัยว่าเป็นโรคนี้ด้วย เอกซเรย์ ร่วมกับ อัลตราซาวด์ และ/หรือเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ และ/หรือเอมอาร์ไอ
  • และอาจมีการตรวจสืบค้นอื่นๆเพิ่มเติมตามตำแหน่งอวัยวะที่แพทย์สงสัยว่ามีหลอดเลือดโป่งพอง เช่น
    • กรณีสงสัยหลอดเลือดสมองโป่งพอง อาจต้องมีการเจาะหลังเพื่อตรวจน้ำไขสันหลัง

รักษาโรคหลอดเลือดโป่งพองอย่างไร?

การรักษาภาวะ/โรคหลอดเลือดโป่งพอง เป็นการรักษาทางศัลยกรรมหลอดเลือดที่ยุ่งยากซับซ้อนโดยศัลยแพทย์เฉพาะทางหลอดเลือดที่มีหลายวิธีผ่าตัด ขึ้นกับ

  • ชนิดของหลอดเลือดโป่งพอง
  • ความรุนแรงของความผิดปกติของหลอดเลือด
  • ตำแหน่งอวัยวะที่เกิดหลอดเลือดโป่งพอง

ทั้งนี้ การรักษาต้องทำในโรงพยาบาลขนาดใหญ่ที่มีเครื่องมือทางการแพทย์พร้อมสำหรับการผ่าตัดรักษาโรคนี้ เช่น โรงพยาบาลที่เป็นโรงเรียนแพทย์

แต่ในบางกรณีที่ผู้ป่วยยังไม่มีอาการ อายุมาก และมีปัจจัยเสี่ยงต่อการเสียชีวิตจากการผ่าตัด แพทย์จะปรึกษาผู้ป่วยและญาติเพื่อการเฝ้าติดตามอาการโรคเป็นระยะๆ

หลอดเลือดโป่งพองมีผลข้างเคียงอย่างไร?

ผลข้างเคียงจากหลอดเลือดโป่งพอง คือ

  • การปริ/แตกของหลอดเลือดฯที่มักนำมาซึ่งการตกเลือดรุนแรงซึ่งจะเป็นเหตุให้เสียชีวิตทันที

หลอดเลือดโป่งพองมีการพยากรณ์โรคอย่างไร?

การพยากรณ์โรคในหลอดเลือดโป่งพอง พบว่าหลอดเลือดดำโป่งพองจะมีการพยากรณ์โรคที่ดีกว่าหลอดเลือดแดงโป่งพอง แต่ทั้งนี้ แพทย์ต้องให้การพยากรณ์โรคเป็นกรณีๆไป โดยขึ้นกับหลายปัจจัย เช่น

  • สาเหตุ
  • ตำแหน่งของโรค
  • ขนาดของหลอดเลือดส่วนที่โป่งพอง
  • ชนิดของหลอดเลือดโป่งพอง
  • ความรุนแรงของอาการ

ซึ่งดังกล่าวในหัวข้อต้นๆว่า ถ้าเป็นการแตกของหลอดเลือดแดงขนาดใหญ่ ผู้ป่วยมักเสียชีวิตก่อนได้รับการรักษา และถึงแม้ผู้ป่วยจะถึงแพทย์/โรงพยาบาลแล้ว อัตราการเสียชีวิตก็ยังสูงมากจากการรักษาที่มักได้ผลต่ำ

ดูแลตนเองอย่างไร?

เมื่อทราบว่ามีโรคหลอดเลือดโป่งพอง การดูแลตนเอง เช่น

  • ปฏิบัติตนตามคำแนะนำของ แพทย์ พยาบาล อย่างเคร่งครัด ซึ่งจะแตกต่างกันในผู้ป่วยแต่ละราย ขึ้นกับหลายปัจจัย ที่สำคัญ ได้แก่
    • สาเหตุ
    • ชนิดของหลอดเลือดโป่งพอง
    • ตำแหน่งของโรค
    • อาการผู้ป่วย
    • โรคประจำตัวต่างๆของผู้ป่วย
    • และอายุ
  • พบแพทย์/มาโรงพยาบาลตามแพทย์นัดเสมอ

พบแพทย์ก่อนนัดเมื่อไร?

เมื่อทราบว่ามีหลอดเลือดโป่งพอง ควรรีบพบแพทย์/มาโรงพยาบาลก่อนนัด เมื่อ

  • เริ่มมีอาการผิดปกติต่างๆ หรืออาการที่ผิดไปจากเดิม โดยเฉพาะอาการปวด/เจ็บในบริเวณรอยโรค/ตำแหน่งหลอดเลือดที่โป่งพอง

*และต้องรีบพบแพทย์/มาโรงพยาบาลทันที/ฉุกเฉิน เมื่อ

  • มีอาการรุนแรงขึ้น โดยต้องแจ้งแพทย์/พยาบาล/บุคคลากรทางการแพทย์เสมอว่า ตนเป็นโรคหลอดเลือดโป่งพอง

ป้องกันหลอดเลือดโป่งพองได้อย่างไร?

เนื่องจากสาเหตุหลอดเลือดโป่งพองยังไม่ทราบแน่ชัด จึงไม่สามารถป้องกันโรคนี้ได้100% แต่โรคนี้มีปัจจัยเสี่ยง ซึ่งการหลีกเลี่ยง/ป้องกันปัจจัยเสี่ยงดังกล่าวในหัวข้อ”ปัจจัยเสี่ยงฯ”จะช่วยลดโอกาสเกิดโรคนี้ลงได้ เช่น

  • การไม่สำส่อนทางเพศ ร่วมกับการใช้ถุงยางอนามัยชายเมื่อมีเพศสัมพันธ์ เพื่อลดโอกาสติดโรคซิฟิลิสที่เป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์
  • การควบคุมอาหาร หวาน เค็ม ไขมัน ร่วมกับการออกกำลังกาย และไม่สูบบุหรี่เพื่อลดโอกาสเกิด โรคอ้วน โรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง และโรคหลอดเลือดแดงแข็ง
  • ระมัดระวังการเกิดอุบัติเหตุต่างๆ ที่อาจส่งผลต่อการบาดเจ็บเสียหายต่อหลอดเลือด
  • รักษาสุขอนามัยพื้นฐาน(สุขบัญญัติแห่งชาติ)เพื่อให้ร่างกายมีสุขภาพแข็งแรง ลดโอกาสติดเชื้อรุนแรงต่างๆ

บรรณานุกรม

  1. https://www.heart.org/en/health-topics/aortic-aneurysm/what-is-an-aneurysm [2019,Feb16]
  2. https://en.wikipedia.org/wiki/Aneurysm [2019,Feb16]
  3. https://medlineplus.gov/ency/article/001122.htm [2019,Feb16]
  4. https://www.nhlbi.nih.gov/health-topics/aneurysm [2019,Feb16]
  5. https://www.hindawi.com/journals/tswj/2012/386478/ [2019,Feb16]
  6. https://radiopaedia.org/articles/false-aneurysm [2019,Feb16]