หมอสมศักด์ชวนคุยชุดที่2 ตอน 15 ตอน ไม่เอายาได้เปล่า แพงมาก

หมอสมศักด์ชวนคุยชุดที่2 ตอน ไม่เอายาได้เปล่า แพงมาก

การรักษาในโรงพยาบาลเอกชน หรือคลินิกเอกชนนั้นจะมีค่าใช้จ่ายที่สูงกว่าการรักษาในโรงพยาบาลรัฐอย่างมาก แต่ผู้ป่วยก็ยังมีความต้องการ เพราะมีความมั่นใจในการรักษากับแพทย์เฉพาะทางที่ผู้ป่วยต้องการรักษาด้วย แต่การที่มีค่าใช้จ่ายที่สูงมาก ประกอบกับผู้ป่วยสามารถเบิกค่ารักษาพยาบาลในโรงพยาบาลรัฐได้ หรือสามารถหาซื้อยาได้จากร้านยาที่มีเภสัชกรประจำได้ ดังนั้นเมื่อตรวจรักษากับแพทย์เรียบร้อย พอถึงขั้นตอนที่ต้องไปรับยา ก็จะมีการขอรับยาเพียงจำนวนเล็กน้อย เพื่อนำยาไปเป็นตัวอย่างแล้วหาซื้อเองหรือไปรับยาที่โรงพยาบาลของรัฐต่อ จะได้ประหยัดค่าใช้จ่ายได้ ผมมีความเห็นในประเด็นนี้ ดังนี้ครับ

  1. การตรวจกับแพทย์ที่โรงพยาบาลเอกชน หรือคลินิกแล้วจัดหายาเองภายหลัง ทำได้หรือไม่ ผมมีความเห็นในฐานะแพทย์ผู้ให้การรักษาผู้ป่วยนั้น ผมว่าทำได้ครับ เพราะถ้าได้รับยาตามที่หมอสั่ง ไม่ว่าได้ยาจากไหนก็รักษาได้เหมือนกัน ดังนั้นการรักษาก็เสียค่าธรรมเนียมแพทย์ และค่าบริการของโรงพยาบาลให้โรงพยาบาลเอกชน
  2. ควรมีการสอบถามหรือบอกความต้องการตั้งแต่แรกกับหมอ หรือเจ้าหน้าที่ เพื่อให้มีการรับทราบความต้องการตั้งแต่แรก ทางโรงพยาบาล คลินิกจะได้ดำเนินการตามที่ต้องการของผู้ป่วยได้ ไม่เกิดปัญหาในการบริการ
  3. ค่าใช้จ่ายในการตรวจรักษาที่โรงพยาบาลเอกชน คลินิกเอกชนประกอบด้วยค่าตรวจรักษา ค่าธรรมเนียมแพทย์ ค่าบริการของโรงพยาบาล ค่ายา ค่าตรวจเลือด เอกซเรย์ อื่นๆ ดังนั้นผู้ป่วยสามารถสอบถามค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นได้ และระบุว่ามีความต้องการรับยาของโรงพยาบาล คลินิกหรือไม่
  4. ผู้ป่วยสามารถขอรายการยาจากแพทย์ หรือเภสัชกรได้ เพื่อให้มั่นใจว่าได้รับยาชนิดเดียวกันแน่ๆ เนื่องจากบางครั้งการนำตัวอย่างยาไปซื้อจากร้านยา อาจไม่รู้จริงๆ ว่าเป็นยาชนิดใด ถ้าทราบชื่อยา ขนาดย่อมดีกว่าแน่นอน
  5. กรณีเป็นข้าราชการ หรือมีสิทธิในการรักษาของโรงพยาบาลรัฐแล้วต้องการใช้สิทธิการรักษา ผมแนะนำว่าควรบอกกับหมอผู้ตรวจรักษาตั้งแต่ต้น เพื่อที่หมอจะได้ให้คำแนะนำที่เหมาะสมว่าควรทำอย่างไร

ผมมีความเห็นว่าการรักษาในโรงพยาบาลรัฐ และใช้สิทธิการรักษาที่มีอยู่นั้น เป็นการรักษาที่เหมาะสม แต่ถ้าท่านต้องการรักษากับแพทย์ที่โรงพยาบาลเอกชน แล้วต้องการประหยัดค่าใช้จ่าย ก็ควรแจ้งความประสงค์ตั้งแต่ต้น แต่ก็ต้องยึดถือแนวทางปฏิบัติของแต่ละโรงพยาบาลเอกชนนั้นด้วย