สิวข้าวสาร (Milia)
- โดย พญ. ธนัฐนุช วงศ์ชินศรี
- 12 ธันวาคม 2564
- Tweet
สารบัญ
- บทนำ: คือโรคอะไร? พบบ่อยไหม?
- อะไรเป็นสาเหตุ/ปัจจัยเสี่ยงให้เกิดสิวข้าวสาร?
- สิวข้าวสารติดต่ออย่างไร?
- สิวข้าวสารมีอาการอย่างไร?
- แพทย์วินิจฉัยสิวข้าวสารได้อย่างไร?
- ควรพบแพทย์เมื่อไหร่?
- รักษาและป้องกันสิวข้าวสารอย่างไร?
- สิวข้าวสารมีการพยากรณ์โรคอย่างไร?
- สิวข้าวสารก่อผลข้างเคียงอะไรบ้าง?
- ดูแลตนเองอย่างไร?
- บรรณานุกรม
บทความที่เกี่ยวข้อง
- โรคผิวหนัง (Skin disorder)
- เด็ก: โรคเด็ก (Childhood: Childhood diseases)
- สิว (Acne)
- สิวในทารกแรกเกิด (Acne neonatorum)
- สิวผู้สูงอายุ หรือ สิวแดด (Senile comedones หรือ Solar comedones)
- สิวในทารก (Infantile acne)
บทนำ: คือโรคอะไร? พบบ่อยไหม?
สิวข้าวสาร หรือ สิวหัวข้าวสาร หรือ สิวหัวขาวข้าวสาร หรือ สิวหิน (Milia หรือถ้าเกิดเป็นรอยโรคเดียวเรียกว่า Milium) คือ ซีสต์ (Cyst) ขนาดเล็กที่อยู่ในผิวหนังชั้นตื้นๆ ส่วนประกอบภายในซิสต์เป็นสารเคอราติน (Keratin) พบโรคนี้ได้ในชายหญิงเท่าๆกัน ในทุกวัยแต่มักพบในทารกแรกเกิด(มีรายงานพบได้ประมาณ50%) และชื่ออื่นๆของโรคนี้ คือ Milk spot, Oil seed
อะไรเป็นสาเหตุ/ปัจจัยเสี่ยงให้เกิดสิวข้าวสาร?
ปัจจุบันยังไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัดของการเกิดสิวข้าวสาร แต่จากการศึกษาเชื่อว่าเกิดจาก
- การที่ต่อมขนและต่อมไขมัน (Pilosebaceous Unit) ถูกรบกวน เช่น ในช่วงทารกที่ต่อมไขมันยังมีการพัฒนาไม่เต็มที่จึงทำให้พบสิวข้าวสารได้บ่อย
- หรือในเด็กโตและในผู้ใหญ่ที่เกิดมีการบาดเจ็บของผิวหนัง
- หรือมีการขัดถูเสียดสีซ้ำๆของผิวหนังบริเวณนั้น
- หรือมีรอยโรคที่ผิวหนังจากสาเหตุต่างๆที่ทำให้เกิดการรบกวนต่อมขนและต่อมไขมันซึ่งจะทำให้พบเกิดสิวข้าวสารได้บ่อยขึ้น เช่น
- ผิวหนังอักเสบระคายเคือง
- โรคผิวหนังกลุ่มที่เป็นตุ่มน้ำ เช่น จากการแพ้ยา หรือ แพ้เครื่องสำอาง
สิวข้าวสารติดต่ออย่างไร?
สิวข้าวสารมิใช่โรคติดต่อไม่ว่าจะทางใดๆที่รวมถึงการสัมผัส คลุกคลี และ/หรือการใช้ของ ใช้ร่วมกัน
สิวข้าวสารมีอาการอย่างไร?
สิวข้าวสารจะไม่มีอาการ แต่อาจเกิดขึ้นในพื้นของผิวหนังที่มีรอยโรคอื่น เช่น ผิวหนังแดง อักเสบระคายเคือง, หรือบนรอยโรคผิวหนังกลุ่มที่เป็นตุ่มน้ำต่างๆดังกล่าวแล้วใน’หัวข้อสาเหตุฯ’
ทั้งนี้ ตัวสิวข้าวสารจะมีลักษณะเป็นซีสต์ตื้นๆ แข็งๆ ขนาดเล็กมักไม่เกิน 1 - 2 มิลลิเมตร มีสีขาวๆถึงเหลืองคล้ายไข่มุก
แพทย์วินิจฉัยสิวข้าวสารได้อย่างไร?
โดยทั่วไปแพทย์วินิจฉัยสิวข้าวสารได้จาก
- ประวัติอาการ
- และจากการตรวจดูลักษณะของสิวข้าวสารที่เป็นซีสต์ตื้นๆ แข็งๆ ขนาดเล็กมักไม่เกิน 1 - 2 มิลลิเมตร มีสีขาวๆถึงเหลืองคล้ายไข่มุก
- ทั้งนี้ ทั่วไปไม่จำเป็นต้องมีการตรวจอื่นๆเพื่อการสืบค้นเพิ่มเติม เช่น การตรวจทางห้องปฏิบัติการ หรือ การตัดชิ้นเนื้อจากรอยโรคเพื่อการตรวจทางพยาธิวิทยา
ควรพบแพทย์เมื่อไหร่?
สำหรับตัวสิวข้าวสารเองนั้น ไม่ได้มีความจำเป็นจะต้องรักษาหรือกำจัดออก เพียงสร้างความ รำคาญหรือเหตุผลของความสวยงามเป็นหลัก
อย่างไรก็ตามสิวข้าวสารอาจเกิดขึ้นในพื้นของผิวหนังที่มีรอยโรคจากสาเหตุอื่น ซึ่งหากมีรอยโรคอื่นร่วมด้วย เช่น ผิวหนังอักเสบ หรือ โรคตุ่มน้ำต่างๆ สมควรพบแพทย์ผิวหนังเพื่อรับการรักษาที่เหมาะสม
รักษาและป้องกันสิวข้าวสารอย่างไร?
โดยทั่วไปไม่จำเป็นต้องรักษาสิวข้าวสาร เพราะไม่ก่ออาการอะไร และในเด็กทารก สิวข้าวสารหายเองได้ แต่ถ้าผู้ป่วยต้องการรักษา วิธีรักษา/กำจัดสิวข้าวสาร แพทย์อาจใช้เข็มสะกิด ออก หรือใช้จี้ไฟฟ้าหรือเลเซอร์ เพื่อเปิดซีสต์ และกดสารในซิสต์ออก
นอกจากนั้น:
- ควรหลีกเลี่ยงปัจจัยกระตุ้นต่างๆต่อผิวหนังที่จะทำให้ผิวหนังเกิดอักเสบและ/หรือระคายเคือง เช่น การเสียดสี ขัดถู การบาดเจ็บ (เช่น แกะ เกา)
- หรือกรณีมีรอยโรคที่ผิวหนังจากสาเหตุอื่น ควรได้รับการรักษารอยโรคที่เกิดร่วมเหล่านั้นอย่างเหมาะสมจากแพทย์ผิวหนังด้วย
- และการหลีกเลี่ยงปัจจัยกระตุ้นต่อผิวหนังนี้จะเป็นการช่วยป้องกันการเกิดสิวข้าวสารด้วย
สิวข้าวสารมีการพยากรณ์โรคอย่างไร?
สำหรับตัวสิวข้าวสารเองนั้นมีการพยากรณ์โรคที่ดี ไม่ก่ออาการ ไม่มีความจำเป็นต้องรักษา หรือกำจัดออก ยกเว้นว่าสร้างความรำคาญหรือเหตุผลของความสวยงาม ซึ่งในเด็กทารก รอยโรค มักจะหายเองในช่วง 1 - 2 สัปดาห์
ในเด็กโตหรือในผู้ใหญ่ สิวข้าวสารมักจะไม่หายเองแต่ไม่จำเป็นต้องรักษาเพราะจะไม่ก่อ อาการเช่นกัน แต่ถ้าต้องการรักษาเพื่อความสวยงามหรือเมื่อเกิดการอักเสบติดเชื้อร่วมด้วย ควรต้องพบแพทย์ผิวหนังเพื่อให้การรักษาที่เหมาะสมเป็นกรณีไป
สิวข้าวสารก่อผลข้างเคียงอะไรบ้าง?
สิวข้าวสารไม่ก่ออาการหรือผลข้างเคียงอื่นนอกจากอาจเป็นปัญหาด้านความสวยงาม สำหรับบางคน
ดูแลตนเองอย่างไร?
เมื่อเป็นสิวข้าวสารการดูแลตนเองคือ
- รักษาความสะอาดผิวหน้าโดยใช้สบู่ล้างหน้าชนิดที่อ่อนโยน ล้างหน้าด้วยน้ำพออุ่นวันละ 2 ครั้งเช้าและก่อนนอน
- ไม่เช็ดหน้ารุนแรง ใช้การซับให้แห้งเบาๆด้วยผ้าขนหนูที่นุ่มสะอาด
- ห้ามแกะ เกา บีบ รอยโรค เพราะจะทำให้เกิดการอักเสบและอาจติดเชื้อได้
- ไม่ใช้ครีมบำรุงผิวหน้าที่เป็นสูตรน้ำมันหรือที่อาจก่อการระคายต่อผิวหน้า
- และในเด็กทารก ไม่ควรใช้โลชั่นใดๆกับผิวหน้าทารกยกเว้นแพทย์สั่ง
บรรณานุกรรม
- Burns, T., & Rook, A. (2010). Rook's textbook of dermatology (8th ed.). Chichester, West Sussex, UK ; Hoboken, NJ: Wiley-Blackwell.
- https://dermnetnz.org/topics/milium/ [2021,Dec11]
- https://www.mayoclinic.org/diseases-conditions/milia/diagnosis-treatment/drc-20375078 [2021,Dec11]
- https://emedicine.medscape.com/article/1058063-overview#showall [2021,Dec11]