พังผืดในโพรงมดลูก (Uterine synechiae)
- โดย รองศาสตราจารย์ แพทย์หญิง ประนอม บุพศิริ
- 7 มกราคม 2566
- Tweet
สารบัญ
- พังผืดในโพรงมดลูกคือโรคอะไร?
- พังผืดในโพรงมดลูกทำให้เกิดปัญหาอะไรบ้าง?
- พังผืดในโพรงมดลูกมีสาเหตุจากอะไร?
- ภาวะพังผืดในโพรงมดลูกพบได้มากเพียงใด?
- ใครที่เสี่ยงต่อการเกิดพังผืดในโพรงมดลูก?
- ภาวะพังผืดในโพรงมดลูกมีอาการอย่างไร?
- แพทย์วินิจฉัยภาวะพังผืดในโพรงมดลูกอย่างไร?
- การรักษาพังผืดในโพรงมดลูกทำได้อย่างไร?
- มีวิธีป้องกันพังผืดในโพรงมดลูกหรือไม่?
- พังผืดในโพรงมดลูกสามารถเกิดเป็นซ้ำได้หรือไม่?
- หลังการรักษาแล้วประจำเดือนมาปกติหรือไม่และสามารถตั้งครรภ์ได้หรือไม่?
- ภาวะพังผืดในโพรงมดลูกมีการพยากรณ์โรคอย่างไร?
- ดูแลตนเองอย่างไร?
- ควรพบแพทย์ก่อนนัดเมื่อไร?
- บรรณานุกรม
บทความที่เกี่ยวข้อง
- การตั้งครรภ์ (Pregnancy)
- ประจำเดือนผิดปกติ (Menstrual disorder)
- ปวดประจำเดือน (Dysmenorrhea)
- แท้งซ้ำ (Recurrent miscarriage)
- ภาวะมีบุตรยาก (Infertility)
- การขูดมดลูก (Fractional dilatation and curettage)
- ภาวะขาดประจำเดือน (Amenorrhea)
- การใส่ห่วงคุมกำเนิด การใส่ห่วงอนามัย (Intrauterine device birth control)
ภาวะพังผืดในโพรงมดลูกคือโรคอะไร?
ในภาวะปกติ โพรงมดลูกจะเป็นโพรงที่ปิด(Potential space) โดยจะมีการขยายตัวเปิดออกได้เมื่อมีการตั้งครรภ์, มีเลือดคั่ง/เลือดตกค้างในโพรงมดลูก(เช่น เลือดประจำเดือน), หรือมีก้อนเนื้อมาอยู่ในโพรงมดลูก(เช่น เนื้องอกมดลูก), แต่หากไม่มีสิ่งเหล่านี้ เยื่อบุโพรงมดลูกจะแฟบเข้าหากัน, ในกรณีที่มี“พังผืดหรือมีภาวะพังผืดในโพรงมดลูก(Uterine synechiae)”จะทำให้โพรงมดลูก 2 ด้านมายึดติดกัน โพรงมดลูกขยายตัวไม่ได้ หรือขยายตัวได้ไม่ดี ซึ่งจะมีผลต่อการมีประจำเดือน และต่อการตั้งครรภ์
อนึ่ง: ภาวะนี้สามารถเรียกกันได้หลายชื่อ เช่น “Asherman syndrome”, “Intrauterine adhesions”, “Uterine synechiae”
พังผืดในโพรงมดลูกทำให้เกิดปัญหาอะไรบ้าง?
ภาวะพังผืดในโพรงมดลูกทำให้เกิดปัญหาหรือผลข้างเคียง ดังนี้ เช่น
- ทำให้ไม่มีประจำเดือน
- ทำให้มีประจำเดือนออกปริมาณน้อย หรือ กะปริดกะปรอย(เลือดออกกระปริบกะปรอยทางช่องคลอด)หากยังพอมีเยื่อบุโพรงมดลูกที่ทำงานได้และยังมีช่องทางไหลออกของประจำเดือน
- ทำให้ปวดประจำเดือนหากมีการการอุดตันของช่องทางไหลออกของประจำเดือนหรือทำให้ประจำเดือนไหลไม่สะดวก
- ทำให้เกิดแท้งซ้ำซาก/การแท้งซ้ำ(Recurrent miscarriage)
- ทำให้เกิดภาวะมีบุตรยาก
พังผืดในโพรงมดลูกมีสาเหตุจากอะไร?
ทั่วไป พังผืดในโพรงมดลูกมีสาเหตุได้จาก
- การขูดโพรงมดลูก/การขูดมดลูก: ทั้งในการขูดเพื่อรักษาการแท้งไม่ครบ(Incomplete abortion), หรือขูดมดลูกจากมีเศษรกค้างหลังคลอด, หรือเพื่อการชักนำให้แท้งเมื่อมีข้อบ่งชี้ทางการแพทย์ (Induced abortion), หรือเพื่อช่วยวินิจฉัยในกรณีที่มีเลือดออกผิดปกติจากโพรงมดลูก, ซึ่งหากมีการขูดมดลูกอย่างรุนแรง ขูดลึกมากเกินไป จนไปทำลายเยื่อบุโพรงมดลูกชั้นที่อยู่ลึกที่เรียกว่า Basal layer หรือบางครั้งขูดลึกเข้าไปจนถึงชั้นกล้ามเนื้อมดลูก จนทำให้มดลูกไม่สามารถสร้างเสริมเยื่อบุโพรงมดลูกชั้นที่เรียกว่า Functional layer ที่หลุดลอกเป็นเลือดประจำเดือนในแต่ละรอบเดือนขึ้นมาทดแทน แต่จะเกิดเป็นพังผืดในโพรงมดลูกจากกลไกการซ่อมแซมเยื่อบุโพรงมดลูก/ผนังมดลูกบริเวณที่เกิดเป็นบาดแผลจนเกิดเป็นพังพืดขึ้นมาแทน
- อนึ่ง: สตรีที่ได้รับการขูดมดลูกหลายครั้ง จะมีความเสี่ยงสูงขึ้นที่จะเกิดภาวะพังผืดในโพรงมดลูก
- การติดเชื้อในโพรงมดลูก: เช่น เยื่อบุโพรงมดลูกอักเสบ, อุ้งเชิงกรานอักเสบ/การติดเชื้อในอุ้งเชิงกราน, การติดเชื้อวัณโรคในเยื่อบุโพรงมดลูก
ภาวะพังผืดในโพรงมดลูกพบได้มากเพียงใด?
อุบัติการณ์ภาวะพังผืดในโพรงมดลูกพบได้ประมาณ 1.5% ในสตรีที่ทำเอกซเรย์การฉีดสี/สารทึบแสงดูความผิดปกติของโพรงมดลูกและของท่อนำไข่ (Hysterosalingography) ในสตรีที่มีบุตรยาก, และพบประมาณ 5-39 % ในสตรีที่มีภาวะแท้งซ้ำซาก/การแท้งซ้ำ
ใครที่เสี่ยงต่อการเกิดพังผืดในโพรงมดลูก?
ผู้ที่มีปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดพังผืดในโพรงมดลูก ทั่วไป คือ
- ผู้ที่ได้รับการขูดมดลูก: จัดเป็นปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญที่สุด และการได้รับการขูดมดลูกหลายครั้ง ยิ่งทำให้มีโอการเกิดพังผืดในโพรงมดลูกมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะการขูดมดลูกภายใน 4 สัปดาห์หลังการแท้งบุตร หรือการขูดมดลูกในระยะหลังคลอด
- ผู้ที่ถูกขูดมดลูกซ้ำหลายครั้ง จะมีความเสี่ยงในการเกิดพังผืดในโพรงมดลูกมากขึ้น
- ผู้ที่มีการติดเชื้อในโพรงมดลูก (เยื่อบุโพรงมดลูกอักเสบ)
- ผู้ที่ผ่าตัดภายในโพรงมดลูก: เช่น เนื้องอกมดลูกชนิดที่อยู่ในโพรงมดลูก (Submucosal myoma) หรือ มีติ่งเนื้อในโพรงมดลูก (Endometrial polyp)
ภาวะพังผืดในโพรงมดลูกมีอาการอย่างไร?
อาการและความรุนแรงของอาการจากมีพังผืดในโพรงมดลูกจะแตกต่างกันในผู้ป่วยแต่ละราย โดยผู้ป่วยอาจมีพังผืดเพียงเล็กน้อย ไปจนถึงมีพังผืดมากจนปิดโพรงมดลูกไปเลย อาการต่างๆจึงขึ้นกับความรุนแรงของการมีพังผืด ซึ่งอาการที่อาจพบได้ เช่น
- มีประจำเดือนออกน้อย หรือ ออกกะปริบกะปรอย(เลือดออกน้อย เป็นๆหายๆ): หากยังพอมีเยื่อบุโพรงมดลูกหลงเหลืออยู่ที่พอจะทำงานได้, และ/หรือยังเหลือช่องทางออกของประจำเดือนได้บ้าง
- มีอาการปวดประจำเดือน: หากมีพังผืดมากจนเกิดการอุดตันของช่องทางไหลออกของประจำเดือน, หรือทำให้ประจำเดือนไหลไม่สะดวก(ถ้าโพรงมดลูกอุดตันทั้งหมดจากพังผืด ก็จะไม่มีประจำเดือน และจะไม่ปวดท้อง)
- ทำให้เกิดการแท้งซ้ำซาก/การแท้งซ้ำ คือ เกิดการแท้งบุตรบ่อยเนื่องจากรกเกาะตัวที่โพรงมดลูกได้ไม่ดีเพราะมีพังผืดเกิดขึ้น
- ทำให้มีภาวะบุตรยาก
แพทย์วินิจฉัยภาวะพังผืดในโพรงมดลูกอย่างไร?
ทั่วไป แพทย์วินิจฉัยภาวะพังผืดในโพรงมดลูกได้โดย
ก. ซักถามประวัติทางการแพทย์ของผู้ป่วย: ที่สำคัญ เช่น มีประวัติขูดมดลูกชัดเจน จากที่มีภาวะ/การแท้งบุตร การแท้งไม่ครบ หรือการแท้งค้าง นอกจากนั้นคือประวัติหลังจากการขูดมดลูกแล้ว ปริมาณประจำเดือนมีน้อยลงมาก หรือ ประจำเดือนหายไปหลังขูดมดลูก ซึ่งประวัตินี้จะช่วยในการวินิจฉัยภาวะนี้ได้มาก หรือมีประวัติขาดประจำเดือน/ประจำเดือนขาด แล้วได้รับการรักษาโดยได้รับประทานยาฮอร์โมนเพศซึ่งเมื่อหยุดรับประทานยาฮอร์โมนนี้ กลับไม่มีประจำเดือนมาตามที่แพทย์คาดไว้
ข. การตรวจร่างกาย: การตรวจร่างกายทั่วไป และการตรวจภายใน มักปกติ เนื่องจากปัญหาเกิดอยู่เฉพาะในโพรงมดลูก
ค. การตรวจทางห้องปฏิบัติการ: การตรวจเลือดดูค่าฮอร์โมนเพศและฮอร์โมนอื่นๆ(เช่น ฮอร์โมนจากต่อมไทรอยด์)มักไม่พบความผิดปกติไม่ต่างจากสตรีทั่วไป
ง. การตรวจอื่นๆที่ช่วยในการวินิจฉัยฯ: เช่น
- เอกซเรย์: โดยฉีดสารทึบแสงเข้าโพรงมดลูก(Hysterosalpingography)เพื่อดูลักษณะในโพรงมดลูกที่พบว่า
- สารทึบแสงจะผ่านเข้าไปในโพรงมดลูกได้น้อยหรือไม่ได้เลย
- เมื่อดูจากภาพถ่ายรังสีจะพบว่าโพรงมดลูกไม่เรียบ มีสารทึบแสงที่ฉีดเข้าไป ขังอยู่เป็นหย่อมๆในโพรงมดลูก
- นอกจากนี้ มีวิธีการตรวจอัลตราซาวด์พร้อมกับการฉีดน้ำเกลือเข้าไปในโพรงมดลูก(Sonohysterography)เพื่อดูพยาธิสภาพในโพรงมดลูก พบว่า การขยายตัวของโพรงมดลูกทำได้น้อย หรือไม่สามารถฉีดน้ำเกลือเข้าไปได้ หรือโพรงมดลูกมีลักษณะผิดปกติ
- แต่การตรวจที่ให้ผลชัดเจนที่สุด คือ การส่องกล้องเข้าไปดูพยาธิสภาพโดยตรงในโพรงมดลูก(Hysteroscopy) วิธีนี้มีข้อดีคือสามารถให้การรักษาไปพร้อมกับการวินิจฉัยได้เลย แต่ตองมีอุปกรณ์และมีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญในการใช้วิธีนี้
การรักษาพังผืดในโพรงมดลูกทำได้อย่างไร?
แพทย์พิจารณาทำการรักษาภาวะพังผืดในโพรงมดลูกในกรณีที่ผู้ป่วยมีอาการ เช่น ปวดประจำเดือนมาก หรือต้องการมีบุตร เช่น
- การผ่าตัดพังผืดในโพรงมดลูกโดยผ่านทางกล้องส่องตรวจโพรงมดลูก (Hysteroscopic resection), หลังจากนั้นจะให้ผู้ป่วยรับประทานยาฮอร์โมนเพศเพื่อกระตุ้นการทำงานของเยื่อบุโพรงมดลูก
- บางครั้งอาจมีการใส่ห่วงคุมกำเนิด หรือ ใส่กระเปาะสายสวนปัสสาวะค้างไว้ในโพรงมดลูกนานประมาณ 3 เดือนหลังผ่าตัด เพื่อช่วยขยายโพรงมดลูก
- บางครั้ง อาจมีการใส่สารหรือแผ่นฟิล์มไปเคลือบในโพรงมดลูกหลังหัตถการการผ่าตัดพังผืดในโพรงมดลูก เช่น Hyaluronic acid เพื่อป้องกันการกลับมายึดติดกันและ/หรือเกิดพังผืดของผนังโพรงมดลูกอีก
มีวิธีป้องกันพังผืดในโพรงมดลูกหรือไม่?
สามารถป้องกันพังผืดในโพรงมดลูกได้ แต่ไม่ได้ 100% เพราะพังพืดอาจเกิดซ้ำได้เมื่อมีปัจจัยเสี่ยงเกิดขึ้นอีกเช่นที่ได้กล่าวใน 'หัวข้อ ปัจจัยเสี่ยงฯ'
วิธีป้องกันการเกิดพังพืดในโพรงมดลูก ทั่วไป เช่น
- หลีกเลี่ยงการขูดมดลูก
- หากจำเป็นต้องทำการขูดมดลูก ต้องไม่ขูดมดลูกลึกเกินไป
- หลีกเลี่ยงภาวะที่ทำให้เกิดความเสี่ยงต่อการติดเชื้อในโพรงมดลูก/เยื่อบุโพรงมดลูกอักเสบ เช่น จากโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์
- เมื่อมีการติดเชื้อในโพรงมดลูก ต้องรับประทานยาปฏิชีวนะให้ครบตามแพทย์แนะนำ
พังผืดในโพรงมดลูกสามารถเกิดเป็นซ้ำได้หรือไม่?
พังผืดในโพรงมดลูกสามารถกลับเป็นซ้ำได้ เพราะในการผ่าตัดในโพรงมดลูก/การขูดมดลูกก็ทำให้เกิดแผลได้, หากผ่าตัด/ขูดมดลูกลึกมากเกินไปก็จะทำให้เกิดพังผืดในโพรงมดลูกอีกได้, หรือมีการติดเชื้อในโพรงมดลูก/เยื่อบุโพรงมดลูกอักเสบซ้ำก็เป็นสาเหตุให้เกิดพังผืดในโพรงมดลูกซ้ำได้เช่นกัน
หลังการรักษาแล้วประจำเดือนมาปกติหรือไม่ และสามารถตั้งครรภ์ได้หรือไม่?
หลังการรักษาพังผืดในโพรงมดลูกแล้ว ส่วนใหญ่ประจำเดือนจะมามากขึ้น สำหรับโอกาสสำเร็จของการตั้งครรภ์หลังผ่าตัดรักษา ประมาณ 30-70% ซึ่งขึ้นกับความรุนแรงของพยาธิสภาพของพังผืดในโพรงมดลูก
อนึ่ง: ทารกที่เกิดจากมารดาที่ได้รับการรักษาภาวะพังผืดในโพรงมดลูกแล้ว จะมีการเจริญเติบโตเช่นเดียวกับทารกทั่วไปที่เกิดจากมารดาที่ไม่มีภาวะนี้
ภาวะพังผืดในโพรงมดลูกมีการพยากรณ์โรคอย่างไร?
การพยากรณ์โรคของการมีพังผืดในโพรงมดลูก คือ ภาวะนี้เป็นภาวะที่ไม่ทำให้ถึงตาย เป็นภาวะที่รักษาได้ โดยผลการรักษาขึ้นกับความรุนแรงของการเกิดพังผืดว่าเป็นมากหรือน้อย, และภาวะนี้เป็นภาวะที่เกิดซ้ำได้เมื่อมีปัจจัยเสี่ยงที่ได้กล่าวใน 'หัวข้อ ปัจจัยเสี่ยงฯ'
ดูแลตนเองอย่างไร?
การดูแลตนเองเมื่อมีภาวะพังผืดในโพรงมดลูก เช่น
- ปฏิบัติตาม แพทย์ พยาบาล แนะนำ
- ดูแลตนเองโดยทั่วไปให้เป็นปกติ เช่นเดียวกับสตรีทั่วไปที่ไม่มีภาวะนี้
- เมื่อประสงค์จะตั้งครรภ์ ควรปรึกษาสูตินรีแพทย์ก่อนเสมอ
- พบสูตินรีแพทย์ตามนัดควรพบแพทย์ก่อนนัดเมื่อไร?
ควรพบแพทย์ก่อนนัดเมื่อไร?
เมื่อมีภาวะพังผืดในโพรงมดลูก ควรพบสูตินรีแพทย์ก่อนนัดเมื่อ
- ปวดประจำเดือนมากขึ้น
- เกิดภาวะขาดประจำเดือน
- มีประจำเดือนผิดปกติไปจากเดิม
- ต้องการมีบุตร
- เมื่อกังวลในอาการ