4. ตลาดเครื่องมือแพทย์ - ตอนที่ 2
- โดย ดร. วิทยา มานะวาณิชเจริญ
- 8 เมษายน 2566
- Tweet

มูลค่าการจำหน่ายเครื่องมือแพทย์ในประเทศไทย เติบโต 3.0% ในปี พ.ศ. 2563 ซึ่งชะลอตัวจาก 5.5% ในปี พ.ศ. 2562 อย่างไรก็ตาม กลุ่มวัสดุสิ้นเปลืองทางการแพทย์ (Medical supplies) ได้รับผลกระทบเชิงบวก จากความต้องการใช้เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดไปทั่วโลก (Pandemic) ของไวรัสโควิด-19
สำหรับ ปี พ.ศ. 2564 - 2565 มูลค่าการจำหน่ายเครื่องมือแพทย์ (Medical devices) ในประเทศไทย เติบโตเฉลี่ยประมาณ 6.5% โดยได้ปัจจัยหนุนเนื่องจาก
- การเจ็บป่วยมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะจากโรคหัวใจ (Heart disease), โรคหลอดเลือดสมอง (Stroke), โรคมะเร็ง (Cancer), และโรคเบาหวาน (Diabetes) รวมถึงจำนวนผู้สูงอายุที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้มีความต้องการใช้เครื่องมือแพทย์ตรวจวินิจฉัยโรค (Diagnosis) ที่ทันสมัยและใช้เทคโนโลยีขั้นสูง (Advanced) มากขึ้น
- การลงทุนของธุรกิจโรงพยาบาลทั้งในการปรับปรุง (Renovation) กับการก่อสร้าง (Construction) ใหม่ และการขยาย (Expansion) พื้นที่ให้บริการ ทำให้ความต้องการอุปกรณ์และเครื่องมือทางการแพทย์เพิ่มขึ้น และ
- นโยบายส่งเสริม (Promotion) จากภาครัฐในการให้สิทธิพิเศษ (Privilege) การลงทุนแก่กลุ่มอุตสาหกรรมผลิตเครื่องมือแพทย์และชิ้นส่วน (Parts)
อันที่จริง การเข้ามาลงทุนอย่างต่อเนื่องของบริษัทผู้ผลิต (Manufacturers) เครื่องมือแพทย์จากต่างประเทศ ตามนโยบายของคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (Board of Investment: BOI) และมาตรการยกเว้นอากรขาเข้าชิ้นส่วนหรือวัตถุดิบ เพื่อใช้ในการวิจัยและพัฒนา (Research and development) ส่งผลให้อุตสาหกรรมเครื่องมือแพทย์ของไทยเติบโตอย่างต่อเนื่อง
แต่ขณะเดียวกันก็เพิ่มแรงกดดันด้านการแข่งขัน (Competitive pressure) โดยเฉพาะกลุ่มวิสาหกิจขนาดเล็กและกลาง (Small and medium-sized enterprises: SME) ซึ่งเป็นผู้ประกอบการส่วนใหญ่ในธุรกิจนี้ ซึ่งต้องได้รับการประคบประหงม (Incubation) ในช่วงแรก แนวทางการยกระดับศักยภาพกลุ่มเครื่องมือแพทย์ จึงเป็นนโยบายของรัฐบาลที่สอดคล้องกับการตั้งเป้าหมายให้ประเทศไทยยกระดับการเป็นศูนย์กลางการแพทย์ครบวงจร (Medical hub)
นอกจากนี้ ยังเป็นไปตามทิศทางอุตสาหกรรมเติบโตใหม่ (S-curve) ที่รัฐบาลต้องการเพิ่มมูลค่าในการแข่งขันในตลาดภูมิภาค ASEAN โดยดำเนินโครงการศึกษาคัดเลือกเครื่องมือแพทย์ที่มีศักยภาพสูงและทวีความสำคัญในอนาคต [S Curve ถ้าแปลตรงตัวจะหมายถึงเส้นโค้งทีมีรูปเป็นตัวเอส เป็นปรากฏการณ์จากหลักของคณิตศาสตร์ที่ใช้ ความลาดชันมาเป็นเครืองมือในการอธิบาย โดยเฉพาะช่วงของการเจริญเติบโต โดยนํามาประยุกต์ใช้ในทางการตลาด เพื่อดูวงจรของการสร้างอุตสาหกรรมใหม่]
วิธีการ (Methodology) รวมทั้งการศึกษาและรวบรวมข้อมูลจากแหล่งทุติยภูมิ (Secondary source) และสัมภาษณ์ผู้เชี่ยวชาญจากภาครัฐและภาคเอกชน เพื่อให้ได้ข้อมูลจากแหล่งปฐมภูมิ (Primary source) มาวิเคราะห์เกี่ยวกับสินค้าเครื่องมือแพทย์ที่เป็นความต้องการของตลาดภูมิภาค
แหล่งข้อมูล