6. ตลาดห้องปฏิบัติการตรวจวิเคราะห์ - ตอนที่ 3

ตลาดห้องปฏิบัติการตรวจวิเคราะห์

บริษัท เนชั่นแนล เฮลท์แคร์ ซิสเท็มส์ จำกัด (National Healthcare System: NHS) ตั้งอยู่ ณ ปากซอยศูนย์วิจัย ถ. เพชรบุรีตัดใหม่ กรุงเทพฯ NHS ในปัจจุบัน ให้บริการตรวจวิเคราะห์ในห้องปฏิบัติการทางการแพทย์ ด้วยสาขากว่า 70 แห่ง ในประเทศไทย และต่างประเทศ เช่น กัมพูชา, เมียนมา, และสิงคโปร์ โดยเป็นผู้นำตลาดทางด้านเทคโนโลยีและระบบการทำงานมาตรฐานสากล

ตามข้อมูลกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ ในปี พ.ศ. 2557 รายได้ของ NHS คือ 2,150 ล้านบาท, เพิ่มขึ้นในปี พ.ศ. 2558 เป็น 2,584 ล้านบาท, เพิ่มขึ้นในปี พ.ศ. 2559 เป็น 3,125 ล้านบาท, เพิ่มขึ้นในปี พ.ศ. 2560 เป็น 3,377 ล้านบาท, เพิ่มขึ้นในปี พ.ศ. 2561 เป็น 3,608 ล้านบาท, เพิ่มขึ้นในปี พ.ศ. 2562 เป็น 3,901 ล้านบาท, แล้ว ลดลง ในปี พ.ศ. 2563 เป็น 3,295 ล้านบาท, แต่กลับเพิ่มขึ้นในปี พ.ศ. 2564 เป็น 4,358 ล้านบาท นับว่า NHS เป็นเจ้าตลาดขนาดยักษ์ของวงการเลยทีเดียว เพราะรายได้มากกว่าผู้เล่น (Player) ทุกรายในท้องตลาดรวมกันเสียอีก

มีงานวิจัยชิ้นหนึ่งที่มีวัตถุประสงค์เพื่อค้นหารูปแบบ (Model) กลยุทธ์การตลาด (Marketing strategy) ของธุรกิจศูนย์ตรวจวิเคราะห์ในห้องปฏิบัติการทางการแพทย์ในประเทศไทย ซึ่งเป็นการศึกษาแบบผสมผสานการวิจัยเชิงคุณภาพ (Qualitative) และการวิจัยเชิงปริมาณ (Quantitative)

กลุ่มตัวย่างที่ศึกษา มาจากผู้บริหารของโรงพยาบาลภาครัฐและโรงพยาบาลภาคเอกชน กลุ่มละ 600 คน รวมทั้งสิ้น 1,200 คน

โดยเก็บรวบรวมข้อมูลด้วยแบบสอบถาม (Questionnaire), แบบสัมภาษณ์, และแบบสนทนากลุ่ม (Focus group) สถิติที่ใช้ในการทดสอบสมมุติฐาน (Hypothesis) ได้แก่ สถิติการวิเคราะห์รูปแบบสมการโครงสร้าง (Structural equation modeling: SEM)

ผลการวิจัยพบว่า ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อผลสัมฤทธิ์ของธุรกิจศูนย์ตรวจวิเคราะห์ในห้องปฏิบัติการทางการแพทย์ ประกอบด้วย 4 ประการ อันได้แก่ การตลาดสัมพันธภาพ (Relationship marketing), การหยั่งรู้คุณภาพบริการ (Perceived service quality), คุณภาพความสัมพันธ์ (Relationship quality), และความจงรักภักดีของลูกค้า (Customer loyalty)

องค์ประกอบ (Component) ที่มีสำคัญที่สุดในลูกค้ากลุ่มโรงพยาบาลภาครัฐ คือคุณภาพความสัมพันธ์ด้านข้อผูกพันและส่งผลต่อผลสัมฤทธิ์ด้านคุณค่าของยี่ห้อ (Brand equity) มากที่สุด ในขณะที่องค์ประกอบที่มีสำคัญที่สุดของลูกค้ากลุ่มโรงพยาบาลเอกชน คือการหยั่งรู้คุณภาพการบริการ, การตอบสนองต่อการบริการ (Responsiveness), และด้านคุณค่าของยี่ห้อมากที่สุด

งานวิจัยนี้พบว่า รูปแบบกลยุทธ์การตลาดสัมพันธภาพของธุรกิจการตรวจวิเคราะห์ในห้องปฏิบัติการทางการแพทย์ สำหรับทั้งลูกค้ากลุ่มโรงพยาบาลภาครัฐและภาคเอกชน มีความสอดคล้องกลมกลืน (Good fit) กับข้อมูลเชิงประจักษ์ในระดับที่ดีมาก

กลยุทธ์การตลาดสัมพันธภาพ (Relationship marketing) เป็นกลยุทธ์หนึ่งที่นักการตลาดใช้ในการสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้าในระยะยาว ซึ่งแบ่งความสัมพันธ์เป็น 3 กลุ่ม อันได้แก่ กลุ่มลูกค้า (Customer), กลุ่มคู่ค้า (Partnership), และกลุ่มคนกลางในช่องทาง (Channel) การตลาด

การตรวจวิเคราะห์ในห้องปฏิบัติการทางการแพทย์มักใช้กลยุทธ์ ในการสร้างฐานลูกค้าเดิมและพัฒนาคุณค่าของยี่ห้อ เพื่อสร้างความได้เปรียบในการแข่งขัน (Competitive Advantage)

แหล่งข้อมูล

  1. DBD DataWarehouse+ [2023, April 14].
  2. https://sotci-thaijo.org/index.php/swurd/article/view/54697/45407 [2023, April 14].