6. ตลาดห้องปฏิบัติการตรวจวิเคราะห์ - ตอนที่ 1

ตลาดห้องปฏิบัติการตรวจวิเคราะห์

จากการที่รัฐบาลไทยได้ประกาศนโยบายการพัฒนาประเทศ ให้ไปสู่การเป็นศูนย์ความเป็นเลิศทางสุขภาพของเอเชีย (Center of Excellent Healthcare of Asia) ภายใต้แผนยุทธศาสตร์ 5 ปีในระยะที่ 1 (พ.ศ. 2547 - 2552) ต่อมาในระยะที่ 2 (พ.ศ. 2552 -2557), ระยะที่ 3 (พ.ศ. 2557 – 2562), และระยะที่ 4 (พ.ศ. 2562 – 2567) โดยมีบริการหลักรวม 4 ด้าน ดังนี้

  • ธุรกิจบริการรักษาพยาบาล
  • ธุรกิจบริการส่งเสริมสุขภาพ (บริการนวดไทยและสปา [Massage and spa])
  • ธุรกิจผลิตภัณฑ์สุขภาพและสมุนไพร (Herb) ไทย
  • บริการด้านการแพทย์แผนไทย (Traditional medicine) และการแพทย์ทางเลือก (Alternative medicine) เพื่อสร้างความเป็นเลิศทางธุรกิจบริการ

ทั้งหมดนี้ ได้เป็นแหล่งที่มาของรายได้เงินตราต่างประเทศ (Foreign currencies) จากประเทศที่เป็นตลาดหลัก สำหรับเศรษฐกิจในปี พ.ศ. 2566 คาดการณ์กันว่า จะมีการขยายตัว 4.7% และจากการประเมินผล 10 อันดับธุรกิจเด่น พบว่าธุรกิจบริการทางการแพทย์และความงาม (Medical and esthetic businesses) เป็นธุรกิจอันดับหนึ่งที่มีแนวโน้มการเติบโตทางเศรษฐกิจสูง

ผลที่ตามมา (Consequence) ก็คือ หน่วยงานที่อยู่ในกลุ่มธุรกิจบริการทางการแพทย์ ไม่เฉพาะแต่โรงพยาบาลเอกชน, คลินิกเสริมความงาม, คลินิกทันตแพทย์, ร้านขายยา, แต่ยังรวมถึงห้องปฏิบัติการตรวจวิเคราะห์ทั่วไป (General laboratory) และห้องปฏิบัติการทางการแพทย์ (Medical laboratory) ซึ่งคาดว่าจะมีการเติบโตเพิ่มขึ้นด้วย เช่นกัน

ห้องปฏิบัติการทางการแพทย์ ให้บริการโดยนักเทคนิคการแพทย์ (Medical technologist: MT) โดยบริการประกอบไปด้วย การตรวจเช็คสุขภาพ (Physical Check-up) เพื่อตรวจสอบหาความผิดปรกติของร่างกายในส่วนต่างๆ ตามความต้องการของลูกค้า และตรวจวิเคราะห์ตัวอย่าง (Specimen) ทางการแพทย์อื่นๆ เช่น การตรวจวิเคราะห์ชิ้นส่วนร่างกาย, ชิ้นเนื้อ, น้ำเหลือง, และ เลือด

ธุรกิจห้องปฏิบัติการทางการแพทย์ ที่ขึ้นทะเบียนไว้กับกระทรวงพาณิชย์ ส่วนใหญ่เป็นกิจการขนาดเล็ก โดยมีมูลค่าสินทรัพย์ (ไม่รวมที่ดิน) ไม่เกิน 50 ล้านบาท ส่วนที่ตั้งอยู่ในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑลมีถึง 67.97% ใน ปี พ.ศ. 2551 กิจการทั้งหมดมีรายได้รวมกันประมาณกว่า 1.6 พันล้านบาท

จำนวนกิจการดังกล่าว มีสัญชาติ ไทย 100% จำนวน 118 ราย คิดเป็นสัดส่วน 92.19% ส่วนกิจการที่มีต่างชาติร่วมทุนในสัดส่วนไม่เกิน 49% นั้น มีจำนวน 8 ราย คิดเป็นสัดส่วนเพียง 6.25% โดยประเทศที่เข้ามาร่วมทุนในกิจการตรวจสุขภาพและบริการทดสอบทางการแพทย์ ในประเทศไทยมากที่สุด คือ ออสเตรเลีย

ส่วนกิจการที่มีสถานะต่างด้าว จำนวน 2 ราย คิดเป็นสัดส่วนเพียง 1.56% เป็นกิจการต่างด้าวที่ได้รับใบอนุญาตจากภายใต้ พระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ. 2542 จำนวน 1 ราย และได้รับประโยชน์จากคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (Board of Investment: BOI) จำนวน 1 ราย

แหล่งข้อมูล

  1. https://sotci-thaijo.org/index.php/swurd/article/view/54697/45407 [2023, March 31].
  2. http://www.caii-thailand.com/sites/default/files/downloads/Health.pdf  [2023, March 31].