3.ตลาดยา – ตอนที่ 64
- โดย ดร. วิทยา มานะวาณิชเจริญ
- 12 สิงหาคม 2568
- Tweet

แนวโน้มอุตสาหกรรม
ปี พ.ศ. 2568 – พ.ศ. 2570 คาดว่า (Forecast) มูลค่าจำหน่ายยาในประเทศจะขยายตัวเฉลี่ย (Average growth) ระหว่าง 6.0% - 7.0% ต่อปี โดยการจำหน่าย (Distribution) ยาผ่านโรงพยาบาล (Hospital) จะเติบโตเฉลี่ย 6.4% ต่อปี ขณะที่การจำหน่ายผ่านร้านขายยา (Over-the-counter: OTC) จะเติบโตเฉลี่ย 6.3% ต่อปี โดยมีปัจจัย (Factor) สนับสนุน ได้แก่
- จำนวนผู้ป่วยโรคติดต่อสำคัญที่ต้องเฝ้าระวัง และโรคไม่ติดต่อ(Non-communicable disease: NCDs) แบบเรื้อรัง (Chronic) มีแนวโน้ม (Trend) เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง โดยโรคติดต่อที่มีผู้ป่วยสูงสุด ได้แก่ ไข้หวัดใหญ่, ปอดอักเสบ, และไข้เลือดออก (Dengue hemorrhagic fever)
ขณะที่โรค NCDs ที่มีผู้ป่วยสูงสุด คือ โรคความดันโลหิตสูง (Hypertension) และโรคเบาหวาน (Diabetes) ทั้งนี้ องค์การอนามัยโลก (World Health Organization: WHO) ระบุว่าคนไทยเสียชีวิตด้วยโรค NCDs สูงถึง 76.6% ของผู้เสียชีวิตทั้งหมดในปี พ.ศ. 2562 และมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่อง เป็นผลจาก
(1) ผู้สูงอายุของไทยมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยจากสังคมสูงวัยเต็มรูปแบบ (Aged society) ในปัจจุบัน ไทยกำลังเข้าสู่สังคมสูงวัยแบบสุดยอด (Super-aged society) ภายในปี พ.ศ. 2576 หรือจะมีประชากร (Population) อายุ 60 ปีขึ้นไปมากกว่า 28% ของประชากรทั้งหมดจากเดิม 20%
ในปี พ.ศ. 2566 ประมาณ 75% ของผู้สูงอายุทั้งหมดเจ็บป่วยด้วยโรค NCDs เช่น ความดันโลหิตสูง (สัดส่วนสูงสุดที่ 46.9% ของผู้สูงอายุที่ป่วยด้วยโรคไม่ติดต่อทั้งหมด), โรคเบาหวาน, และโรคหลอดเลือดสมอง (Stroke or cerebrovascular)
(2) การขยายตัวของชุมชนเมือง ทำให้พฤติกรรม (Behavior) การใช้ชีวิตเร่งรีบขึ้น (Rush lifestyle) และมีการดูแลสุขภาพที่ไม่เหมาะสม (Inappropriate healthcare) เช่น ขาดการออกกำลังกาย (Exercise)
นอกจากนี้ ผู้ป่วยด้วยโรคมลพิษทางอากาศ (Air pollution) เช่น ระบบทางเดินหายใจ (Respiratory), ระบบหัวใจและหลอดเลือด ((Cardiovascular), และมะเร็งปอด (Lung cancer) ยังเพิ่มสูงขึ้นทุกปี ปี พ.ศ. 2566 ประเทศไทยมีคุณภาพอากาศเลวร้ายเป็นอันดับ 36 จาก 134 ประเทศ และมีค่าเฉลี่ยฝุ่น PM2.5 สูงกว่าค่ามาตรฐานของ WHO 4.7 เท่า
ส่วนผู้ป่วยด้านสุขภาพจิต (Mental health) ที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่องในแต่ละปี โดยที่ปี พ.ศ. 2567 ผู้ป่วยโรคซึมเศร้า (Depression) คิดเป็น 2% - 3% ของประชากรทั้งหมด ซึ่งสะท้อนความต้องการบริโภคยาในประเทศที่จะมีมากขึ้น โดยเฉพาะยาจดสิทธิบัตร (Patented/ยาต้นตำรับ (Original) ที่ใช้รักษาโรคซับซ้อน (Complication)
แหล่งข้อมูล –