2. ตลาดผู้สูงอายุ – ตอนที่ 21

สหรัฐอเมริกาเป็นประเทศที่มีสัดส่วน (Proportion) ผู้สูงอายุที่อาศัยอยู่คนเดียวในระดับสูง จากข้อมูลของ Pew Research [ศูนย์วิจัยทางสังคมระดับสากล] ในปี พ.ศ. 2563 พบว่าสัดส่วนประชากรอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไปที่อาศัยอยู่คนเดียวในสหรัฐอเมริกา สูงถึง 27% ของประชากรวัยเดียวกันทั้งหมด เทียบกับค่าเฉลี่ยของประชากรโลกที่ 16%

ดังนั้น จึงมีโอกาสสูงที่ผู้สูงอายุเหล่านี้ จะมีสัตว์เลี้ยงไว้เป็นเพื่อนคลายเหงา ทั้งนี้ สหรัฐอเมริกา มีประชากรสุนัข 89.7 ล้านตัว และแมว 139.3 ล้านตัว จึงมีความต้องการนำเข้า (Import) อาหารสัตว์เลี้ยงเป็นจำนวนมากในแต่ละปี การแพร่ระบาดไปทั่วโลก (Pandemic) ของไวรัส COVID-19 ส่งผลให้ชาวอเมริกัน กลับมีสัตว์เลี้ยงเพิ่มขึ้น

ในภาพรวม 9% ของผู้เลี้ยงสุนัข และ 10% ของผู้เลี้ยงแมว ระบุว่าการแพร่ระบาดของ COVID-19 เป็นสาเหตุให้ตนเองมีสัตว์เลี้ยง ทำให้คาดว่า จำนวนครัวเรือนที่มีสัตว์เลี้ยงทั้งหมดในสหรัฐอเมริกา ในปี พ.ศ. 2563 เพิ่มขึ้น +4% เป็น 71 ล้านครัวเรือน หรือ 56% ของครัวเรือนทั้งหมดในสหรัฐอเมริกา

ส่วนสหภาพยุโรป (European Union: EU) เป็นภูมิภาคที่มีสัดส่วนผู้สูงอายุที่อาศัยอยู่คนเดียวสูงที่สุดในโลก จากข้อมูลของ Pew Research ในปี พ.ศ. 2563 พบว่าสัดส่วนประชากรที่มีอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไปที่อาศัยอยู่คนเดียวใน EU สูงถึง 28% ของประชากรวัยเดียวกันทั้งหมด

ผู้สูงอายุเหล่านี้จึงมีสัตว์เลี้ยงไว้เป็นเพื่อน โดย EU มีประชากร แมวทั้งหมด 106.4 ล้านตัว และสุนัข 87.5 ล้านตัว ในปี พ.ศ. 2562

ในขณะเดียวกัน ในประเทศญี่ปุ่น ผู้สูงอายุดูแลสัตว์เลี้ยงของตนเหมือนสมาชิกในครอบครัว โดยปัจจุบันญี่ปุ่นมีประชากรสุนัขและแมวรวมกันเพียงราว 20 ล้านตัว ซึ่งจำนวนสัตว์เลี้ยงในญี่ปุ่นมี ไม่มากเท่าในสหรัฐอเมริกาหรือ EU

อย่างไรก็ตาม ชาวญี่ปุ่นที่มีสัตว์เลี้ยงก็รักสัตว์เลี้ยงของตนมาก และดูแลสัตว์เลี้ยงของตนดีเทียบเท่ากับสมาชิกในครอบครัว จึงนิยมซื้ออาหารสัตว์เลี้ยงแบบคุณภาพดีราคาแพง (Premium) เช่นเดียวกับอาหารของตนเอง ญี่ปุ่นจึงมีมูลค่านำเข้าอาหารสัตว์เลี้ยงสูงเป็นอันดับ 7 ของโลก ทั้งหมดนี้ จึงนับเป็นโอกาสของผู้ส่งออกไทยที่จะ ส่งออกอาหารสัตว์เลี้ยงไปยัง สหรัฐอเมริกา, EU, และญี่ปุ่น

ในอีกมิติหนึ่ง ค่าใช้จ่ายด้านอาหาร (Food expenditure) ของผู้สูงอายุในญี่ปุ่นมีแนวโน้มสูงขึ้น Euromonitor [บริษัทวิจัยตลาดระดับสากล] คาดว่าค่าใช้จ่ายด้านที่พัก, อาหาร, และเครื่องดื่มที่ไม่มีแอลกอฮอล์ของผู้สูงอายุในญี่ปุ่น จะมีสัดส่วน (Proportion) รวมกันถึง 41% ของค่าใช้จ่ายในครัวเรือนของผู้สูงอายุในปี พ.ศ. 2583

สาเหตุส่วนหนึ่งเกิดจากการที่ชาวญี่ปุ่นมักเลือกซื้ออาหาร และเครื่องดื่มที่ดีต่อสุขภาพ ซึ่งมักมีราคาสูงกว่าสินค้าปกติ เช่น น้ำมันมะกอก (Olive oil) ซึ่งเป็นน้ำมันพืช (Vegetable oil) ชนิดดีต่อสุขภาพ, ช่วยระบบการย่อยอาหาร (Digest system), และดีต่อการทำงานของหัวใจ (Heart functioning)

นอกจากนี้ การที่ญี่ปุ่นเป็นประเทศที่มีสัดส่วนประชากรที่มีอายุมากกว่า 65 ปีขึ้นไปสูงที่สุดในโลก จึงต้องการอาหารสำหรับผู้สูงอายุที่มีปัญหาด้านการบดเคี้ยว เช่น อาหารอ่อน (Soft food), อาหารวุ้น (Gel food), และอาหารข้น (Concentrated food) เพิ่มขึ้นด้วย

แหล่งข้อมูล

  1. https://www.pewresearch.org/ [2023, December 1].
  2. https://www.euromonitor.com/thailand [2023, December 1].