2. ตลาดผู้สูงอายุ – ตอนที่ 20
- โดย ดร. วิทยา มานะวาณิชเจริญ
- 18 พฤศจิกายน 2566
- Tweet

นอกจากนี้ เมื่อพิจารณารายได้ (Income) ของประชากรในแต่ละประเทศร่วมด้วย พบว่าสหรัฐอเมริกา, ญี่ปุ่น, และประเทศในกลุ่มสหภาพยุโรป (European Union: EU) เช่น เยอรมนี, ฝรั่งเศส, และอิตาลี อันเป็นประเทศที่มีระดับรายได้สูง โดยมีค่าเฉลี่ยของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (Gross domestic product: GDP) ต่อหัว (Per capita) สูงกว่า 3 หมื่นเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 1.05 ล้านบาท) ต่อปี
ตัวเลขดังกล่าว จึงนับได้เป็นตลาดที่มีศักยภาพ (Potential) สูง เพราะผู้สูงอายุ (Geriatric) มีอำนาจในการจับจ่ายใช้สอย (Purchasing power) ในขณะที่จีน แม้ GDP ต่อหัวอยู่ห่างจากประเทศในกลุ่มข้างต้น แต่ยังมีโอกาส (Opportunity) จากจำนวนประชากรสูงอายุที่มากที่สุดในโลก, ระดับรายได้ปัจจุบันที่อยู่ในระดับสูงพอสมควร, และรายได้ของชาวจีนมีแนวโน้ม (Trend) เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากเศรษฐกิจที่ขยายตัวในเกณฑ์ดี
ผู้สูงอายุและผู้ที่กำลังจะก้าวขึ้นมาเป็นผู้สูงอายุเป็นกลุ่มที่มีความมั่งคั่งสูง (Wealthy) สังเกตจากข้อมูลของ ธนาคารกลางสหรัฐอเมริกา (Federal Reserve Bank) ที่ระบุว่าประชากรกลุ่ม Millenium (ผู้ที่เกิดระหว่างปี พ.ศ. 2524 ถึง พ.ศ. 2539) ใน สหรัฐอเมริกา ถือครองสินทรัพย์เพียง 5.19 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 181.65 ล้านล้านบาท หรือ 4.6% ของสินทรัพย์ทั้งหมดของชาวอเมริกันเท่านั้น
ในขณะที่ประชากรกลุ่ม Baby Boomer (ผู้ที่เกิดระหว่างปี พ.ศ. 2489 ถึงปี พ.ศ. 2507) ถือครองสินทรัพย์รวมกันกว่า 10 เท่าของกลุ่ม Millenium คิดเป็นมูลค่ารวม 59.96 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 2,098.6 ล้านล้านบาท) หรือคิดเป็น 53.2% ของสินทรัพย์ทั้งหมด
ที่เป็นเช่นนี้เนื่องจากประชากรกลุ่ม Baby Boomer เกิดมาหลังช่วงวิกฤตเศรษฐกิจโลกตกต่ำครั้งใหญ่ (The Great Depression) และสงครามโลก ครั้งที่ 2 (World War II) จึงเป็นกลุ่มที่เติบโตมาพร้อมกับการฟื้นฟูเศรษฐกิจ (Economic recovery) จนถึงยุคที่ เศรษฐกิจสหรัฐอเมริกา ขยายตัวอย่างต่อเนื่อง
ผลลัพธ์ก็คือโอกาสสะสมความมั่งคั่งอย่างยาวนานของรุ่น Baby Boomer ขณะที่คนรุ่นใหม่หรือคนในวัยกลางคนในปัจจุบัน ต้องเผชิญช่วงที่เศรษฐกิจตกต่ำหรือเผชิญวิกฤตต่างๆ เป็นจำนวนมาก จนทำให้มีรายได้ (Earning) ต่ำกว่า และไม่อาจสะสมความมั่งคั่งได้มากเช่นคนรุ่นก่อนๆ
ค่ายาและค่าบริการทางการแพทย์ (Medical service) เป็นรายจ่ายหลักของผู้สูงอายุในสหรัฐอเมริกา ซึ่งอยู่ในระดับสูงกว่าค่าใช้จ่ายเดียวกันของผู้ที่อยู่ในวัยทำงานถึง 3 เท่า ทั้งนี้ Euromonitor [บริษัทวิจัยตลาดระดับสากล] ยังคาดว่าค่าใช้จ่ายดังกล่าว จะเพิ่มขึ้นเป็นเกือบ 6 หมื่นเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 2.10 ล้านบาท) ต่อปี ในปี พ.ศ. 2583
ตัวเลขนี้ จะเป็นสัดส่วน (Proportion) ราว 30% ของค่าใช้จ่ายครัวเรือน (House-hold expenditure) ซึ่งจะเป็นภาระหนักของชาวอเมริกันวัยกลางคน ผู้ที่จะกลายเป็นผู้สูงวัย เมื่อถึงเวลานั้น กล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือ โอกาสทองของสินค้าและบริการในตลาดผู้สูงอายุใน 20 ปีข้างฟน้า จะกลายเป็นภัยคุกคาม (Threat) ของวัยกลางคนในปัจจุบัน
แหล่งข้อมูล –
- https://kmc.exim.go.th/detail/20210121152800/20210322110347 [2023, November 17].
- Aging-Market_SME-Treasure_2018.pdf [2023, November 17].