2. ตลาดผู้สูงอายุ – ตอนที่ 16
- โดย ดร. วิทยา มานะวาณิชเจริญ
- 23 กันยายน 2566
- Tweet

ศูนย์วิจัยกสิกรไทยมองว่า การที่ผู้ประกอบการธุรกิจขนาดเล็กและกลาง (Small and medium-sized enterprise: SME) ของไทยจะเจาะตลาดผู้สูงอายุ (Elderly market) ได้นั้น สิ่งสำคัญแรกคือ ต้องทำความเข้าใจพฤติกรรม (Behavior) การใช้สินค้าและบริการของผู้สูงอายุ ก่อนว่ามีลักษณะเป็นอย่างไร เพื่อที่จะได้พัฒนาสินค้าและบริการที่ตรงกับความต้องการของกลุ่มลูกค้า
กุญแจสำคัญของการพัฒนาคือ สินค้าและบริการจะต้องได้คุณภาพ (Quality) และมาตรฐาน (Standard) มีการออกแบบ (Design) ให้สามารถใช้งานได้ง่าย (Easy to use) และปลอดภัย (Safety) สำหรับผู้สูงอายุ เพราะหากสินค้ามีความยุ่งยากหรือซับซ้อน (Complex) ในการใช้งานมากเกินไป ก็อาจจะไม่ตอบโจทย์ผู้สูงอายุ
อย่างไรก็ตาม ข้อพึงระวังคือ แม้ว่าจำนวนผู้สูงอายุในประเทศไทยจะมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นตามการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างประชากร (Population structure) แต่จำนวนผู้สูงอายุไทยส่วนใหญ่ยังมีกำลังซื้อ (Purchasing power) หรือมีรายได้ที่ไม่สูงนัก เฉลี่ยประมาณ 20,000 ถึง 40,000 บาทต่อปี
ในขณะที่กลุ่มผู้สูงอายุที่มีรายได้เฉลี่ยมากกว่า 3 แสนบาท ขึ้นไปต่อปี (ยังไม่รวมรายได้ส่วนตัวของลูกหลาน) คิดเป็นสัดส่วนเพียงร้อยละ 4.0 ของจำนวนผู้สูงอายุ ทั้งหมด ดังนั้น หากสินค้าและบริการที่เจาะตลาดผู้สูงอายุมีราคาที่สูงมากเกินไป ก็อาจจะมีผลต่อการตัดสินใจ (Decision-making) เลือกซื้อสินค้าหรือใช้บริการของผู้สูงอายุได้
นอกจากนี้ ผู้ประกอบการ SME ไทย อาจจะเผชิญความท้าทาย (Challenge) ในการแข่งขันกับสินค้าที่นำเข้า จากประเทศคู่แข่งที่สำคัญ โดยเฉพาะจีน ซึ่งเน้นแข่งขันทางด้านราคา (Pricing) และญี่ปุ่น ซึ่งเน้นการแข่งขันทางด้านนวัตกรรม (Innovation) และการใช้งาน (Function) ที่ง่ายและสะดวก รวมถึงผู้ประกอบการรายใหญ่ในประเทศที่เล็งเห็น โอกาสทางธุรกิจและมีการปรับตัว
ดังนั้น ศูนย์วิจัยกสิกรไทยมองว่า เพื่อให้ผู้ประกอบการไทย สามารถแข่งขันได้ การคำนึงถึงคุณภาพและมาตรฐานของสินค้าที่มาพร้อมกับการใช้งานที่ง่าย, ไม่ยุ่งยากซับซ้อน (Complex), และสามารถตอบโจทย์พฤติกรรมของผู้สูงอายุได้ รวมถึงมีราคาที่เหมาะสม (Appropriate) จึงเป็นปัจจัยที่ผู้ประกอบการจะต้องให้ความสำคัญในการเจาะตลาด (Market penetration) ผู้สูงอายุ
การตัดสินใจซื้อสินค้าและบริการที่เกี่ยวข้องกับผู้สูงอายุ ส่วนหนึ่ง อาจจะมาจากผู้ดูแล (Care taker) เช่น บุตรหลาน ซึ่งถือเป็นแหล่งรายได้ (Source of income) หลักของผู้สูงอายุ ดังนั้น การที่ ผู้ประกอบการ SME จะนำ เสนอสินค้าและบริการเพื่อเจาะตลาดกลุ่มผู้สูงอายุ อาจจะต้องคำนึงถึงความพึงพอใจ (Satisfaction) ของบุตรหลาน ซึ่งเป็นคนที่ตัดสินใจเลือกซื้อสินค้าและบริการให้กับกลุ่มผู้สูงอายุด้วย
แต่ท้ายที่สุด ต้องคำนึงถึงความสะดวกและง่ายในการใช้งาน ของผู้สูงอายุเช่นกัน ทั้งนี้ ศูนย์วิจัยกสิกรไทยมองว่า การเจาะตลาดผู้สูงอายุอาจจะไม่ได้เฉพาะกลุ่มลูกค้าที่เป็นผู้สูงอายุ โดยตรงเพียงอย่างเดียว (Business to customer: B2C) แต่ยังหมายถึงโอกาสในการเจาะตลาดกลุ่มลูกค้าที่เป็นภาคธุรกิจที่สำคัญ (Business to business: B2B) ด้วย เช่น กลุ่มธุรกิจโรงพยาบาลและคลินิกรักษาพยาบาล และธุรกิจดูแลผู้สูงอายุ ที่มีการปรับตัวรับกับการ ขยายตัวของลูกค้ากลุ่มดังกล่าว อีกทั้ง การเตรียมความพร้อมเพื่อรองรับกับโอกาสในการเติบโตของภาคธุรกิจดังกล่าว
แหล่งข้อมูล –
- https://kmc.exim.go.th/detail/20210121152800/20210322110347 [2023, September 22].
- https://www.nber.org/bah/2015no2/medical-spending-elderly [2023, September 22].