ไรบาไวริน (Ribavirin)
- โดย ภก.ศิวัสว์ ผุลลาภิวัฒน์
- 28 มกราคม 2566
- Tweet
สารบัญ
- บทนำ: คือยาอะไร?
- ยาไรบาไวรินมีสรรพคุณ (คุณสมบัติ) รักษาโรคอะไร?
- ยาไรบาไวรินมีกลไกการออกฤทธิ์อย่างไร?
- ยาไรบาไวรินมีรูปแบบการจัดจำหน่ายอย่างไร?
- ยาไรบาไวรินมีขนาดรับประทานหรือวิธีใช้ยาอย่างไร?
- เมื่อมีการสั่งยาควรแจ้งแพทย์/พยาบาลและเภสัชกรอย่างไร?
- หากลืมรับประทานยาควรทำอย่างไร?
- ยาไรบาไวรินมีผลไม่พึงประสงค์อย่างไร?
- มีข้อควรระวังการใช้ยาไรบาไวรินอย่างไร?
- ยาไรบาไวรินมีปฏิกิริยาระหว่างยากับยาตัวอื่นอย่างไร?
- ควรเก็บรักษายาไรบาไวรินอย่างไร?
- ยาไรบาไวรินมีชื่ออื่นอีกไหม? ผลิตจากบริษัทอะไรบ้าง?
- บรรณานุกรม
บทความที่เกี่ยวข้อง
- ไวรัสตับอักเสบ (Viral hepatitis)
- โรคไวรัสตับอักเสบ ซี (Viral hepatitis C)
- อินเตอร์เฟอรอน (Interferon)
- ตับแข็ง (Liver cirrhosis)
- มะเร็งตับ (Liver cancer)
- โซฟอสบูเวียร์ (Sofosbuvir)
- วัคซีนไข้หวัดใหญ่ (Influenza Vaccine)
- โรคอาร์เอสวี หรือโรคติดเชื้อทางเดินหายใจอาร์เอสวี (Respiratory Syncytial virus infection)
บทนำ: คือยาอะไร?
ไรบาไวริน (Ribavirin) คือ ยารักษาโรคไวรัสตับอักเสบซี ทั่วไปใช้ร่วมกับยาอินเตอร์เฟอรอนแอลฟา-2บี (Interferon α-2b)
โรคไวรัสตับอักเสบซี เกิดจากการติดเชื้อไวรัสซึ่งเหนี่ยวนำให้เกิดโรคตับแข็ง (Cirrhosis) หากการติดเชื้อไวรัสเกิดขึ้นเป็นเวลานานโดยไม่ได้รับการรักษาอาจนำไปสู่ภาวะตับวาย, มะเร็งตับ รวมไปถึงภาวะหลอดเลือดดำในกระเพาะอาหารโป่งพอง (Gastric varices)
โดยทั่วไป ไวรัสจะไม่สามารถแบ่งตัวได้ด้วยตัวเอง ต้องอาศัยเซลล์ของโฮสต์ (Host) กล่าว คือสัตว์หรือมนุษย์ในการแบ่งตัว ไวรัสตับอักเสบซีมีหลายจีโนไทป์ (Genotype; ชนิดหรือลักษณะ ของยีน/จีน/Geneที่แฝงอยู่ภายในรหัสพันธุกรรม ซึ่งจะมีลักษะแตกต่างกันออกไปส่งผลให้การแสดงออกของสิ่งมีชีวิตชนิดเดียวกันมีความแตกต่างกัน) แต่ละจีโนไทป์มีระยะเวลาการรักษาที่แตกต่างกันออกไป
ไรบาไวริน (Ribavirin) มีบทบาทสำคัญในการใช้รักษาโรคไวรัสตับอักเสบซี โดยใช้ร่วมกับยาอินเตอร์เฟอรอนแอลฟา-2บี (Interferon α-2b) ปัจจุบันจัดอยู่ในประเภทยาอันตรายตามกฎหมาย อย่างไรก็ดี การใช้ยานี้ควรอยู่ในการดูแลของแพทย์เพื่อติดตามผลการรักษา และผลข้างเคียงของยา
ยาไรบาไวรินมีสรรพคุณ (คุณสมบัติ) รักษาโรคอะไร?
ยาไรบาไวรินมีสรรพคุณ/ข้อบ่งใช้: เช่น
- ยาเม็ดหรือแคปซูลรับประทาน: มีข้อบ่งใช้ในการรักษาโรคไวรัสตับอักเสบซีเรื้อรัง (Chronic Hepatitis C) โดยใช้ร่วมกับยาอินเตอร์เฟอรอนแอลฟา-2บี (Interferon α-2b)
- ยาพ่น: มีข้อบ่งใช้เพื่อรักษาโรคติดเชื้อทางเดินหายใจอาร์เอสวี/ โรคอาร์เอสวี (RSV: Respiratory Syncytial Virus) ซึ่งเป็นโรคติดเชื้อไวรัสในระบบทางเดินหายใจ โดยเฉพาะผู้ป่วยที่มีภูมิคุ้มกันต้านทานโรคอ่อนแอและติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจส่วนล่าง อาทิ ในผู้ป่วยที่ได้รับยากดภูมิคุ้มกัน หรือ ผู้ป่วยที่มีโรคปอด โรคหัวใจและหลอดเลือด
นอกจากนี้ แพทย์อาจพิจารณาใช้ยาไรบาไวรินในข้อบ่งใช้ที่ไม่ได้รับการขึ้นทะเบียน เช่น ผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ชนิดเอ (Influenza A) และเชื้อไวรัสไช้หวัดใหญ่ชนิดบี (Influenza B)
ยาไรบาไวรินมีกลไกการออกฤทธิ์อย่างไร?
กลไกการออกฤทธิ์ของยาไรบาไวรินยังไม่เป็นที่ทราบแน่ชัด เชื่อว่ายาไรบาไวรินเข้าจับกับ อาร์เอ็นเอ (RNA; สารพันธุกรรมที่ใช้ในกระบวนการแบ่งเซลล์) เหนี่ยวนำให้เกิดการกลายพันธุ์ระหว่างการถ่ายทอดรหัสพันธุกรรมของเชื้อไวรัส นำไปสู่การยับยั้งการแบ่งตัวหรือการกำ เนิดใหม่ของไวรัสในที่สุด
ยาไรบาไวรินมีรูปแบบการจัดจำหน่ายอย่างไร?
ยาไรบาไวรินมีรูปแบบทางเภสัชภัณฑ์:
- ชนิดแคปซูลรับประทาน ขนาดความแรง 200 มิลลิกรัมและ 400 มิลลิกรัมต่อแคปซูล
- ชนิดเม็ดรับประทาน ขนาดความแรง 500 มิลลิกรัมและ 600 มิลลิกรัมต่อแคปซูล
ในบางประเทศอาทิ สหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร และสหภาพยุโรป มีการจัดจำหน่ายยาไรบาไวรินในรูปแบบเภสัชภัณฑ์อื่นๆ เช่น
- ชนิดยาผงพร้อมผสมเพื่อใช้เป็นยาสูดพ่นจมูกแบบฝอยละออง (Powder for solution for nebulization) ขนาดความแรง 6 กรัม
- ชนิดยาน้ำรับประทาน ขนาดความแรง 40 มิลลิกรัมต่อมิลลิลิตร
ยาไรบาไวรินมีขนาดรับประทานหรือวิธีใช้ยาอย่างไร?
ยาไรบาไวริน เป็นยาต้านไวรัสที่ใช้เฉพาะเจาะจงกับการติดเชื้อไวรัสบางชนิด ส่วนใหญ่ ใช้เฉพาะโดยแพทย์เฉพาะทาง, มีขนาดยาที่แนะนำจำเพาะ, จำแนกตามข้อบ่งใช้จำเพาะแต่ละชนิดย่อยของเชื้อก่อโรค, และยังขึ้นกับชนิดและรูปแบบของยาตามแต่ละบริษัทผู้ผลิต, อายุผู้ป่วย, การทำงานของ ไต, ตับ, ไขกระดูก, การติดเชื้อไวรัสชนิดอื่น, โรคร่วมต่างๆที่จำเป็นต้องใช้ยาอื่นที่ซับซ้อนของผู้ป่วย, และการประสงค์ตั้งครรภ์ (อ่านเพิ่มเติมใน’หัวข้อ การแจ้งแพทย์/เภสัชกรฯ’), ดังนั้นการใช้ยานี้จึงควรต้องเป็นคำแนะนำจากแพทย์ผู้รักษาเท่านั้น จึงจะไม่กล่าวถึงในบทความนี้
เมื่อมีการสั่งยาควรแจ้งแพทย์/พยาบาลและเภสัชกรอย่างไร?
เมื่อมีการสั่งยาไรบาไวรินควรแจ้ง แพทย์ พยาบาล และเภสัชกร เช่น
- ประวัติแพ้ยาทุกชนิดรวมถึงการแพ้สารเคมีต่างๆ
- แจ้งให้แพทย์และเภสัชกรทราบหากกำลังใช้ ยาไดดาโนซีน (Didanosine, ยาต้าน เอชไอวี) ซึ่งแพทย์อาจไม่ใช้ยาไรบาไวรินร่วมกับยานี้
- ประวัติโรคประจำตัว รวมถึงยาที่ใช้อยู่ทั้งยาที่ซื้อทานเองและยาที่แพทย์สั่งจ่าย รวมไปถึง วิตามิน ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ผลิตภัณฑ์สมุนไพร โดยเฉพาะหากกำลังใช้ยาเหล่านี้ร่วมกับการใช้ยาไรบาไวริน แพทย์อาจพิจารณาปรับขนาดยาเหล่านั้นหรือเฝ้าระวังผลข้างเคียงและพิษจากยาเหล่านั้นที่ใช้ร่วมกับยาไรบาไวรินอย่างใกล้ชิดมากยิ่งขึ้น ยาเหล่านั้น เช่น
- ยากดภูมิคุ้มกัน และ ยาต้านมะเร็ง: เช่น ยาอะซาไธโอพรีน (Azathioprine), ยาไซโคลสปอริน (Cyclosporin), ยาซิโรลิมัส (Sirolimus), ยาทาโครไลมัส (Tacrolimus)
- ยารักษาภาวะวิตกกังวลหรือความเครียด รวมไปถึงภาวะซึมเศร้า และ ยาจิตเวชอื่นๆ
- ยารักษาโรคเอดส์ เช่นยา อะบาคาเวียร์ (Abacavir), ยาเอ็มไทรไซทาบีน (Emtricitabine), ยาลามิวูดีน (Lamivudine), ยาสตาวูดีน (Stavudine), ยาทีโนโฟเวียร์ (Tenofovir) และซิโดวูดีน (Zidovudine)
- ประวัติโรคไตหรือโรคตับทำงานบกพร่อง โรคตับอักเสบจากภูมิต้านตนเอง (Autoimmune hepatitis)
- ประวัติการดื่มสุราและเครื่องดื่มแอลกอฮอล์, ประวัติการใช้ยาเสพติด, เคยหรือมีความคิดที่จะทำร้ายตัวเองหรือพยายามฆ่าตัวตาย, มีประวัติเกี่ยวกับโรคทางจิตประสาท เช่น โรคจิตเภท ภาวะวิตกกังวล โรคซึมเศร้า, มีประวัติเกี่ยวกับโรคมะเร็ง, โรคเอดส์, โรคเกาต์, โรคตับเอกเสบ, หรือโรคอื่นๆที่มีความเกี่ยวข้องกับตับ เคยได้รับการปลูกถ่ายตับหรืออวัยวะอื่นๆ, รวมไปถึงประวัติการติดโรคไวรัสตับอักเสบซี หากเคยเป็นและ/หรือเคยได้รับการรักษามาก่อน
- การตั้งครรภ์ วางแผนที่จะตั้งครรภ์ หรือมีความเสี่ยงที่จะตั้งครรภ์ ในผู้ป่วยชายที่คู่สมรสกำลังตั้งครรภ์หรือวางแผนที่จะตั้งครรภ์ ควรวางแผนคุมกำเนิดอย่างน้อย 2 วิธีร่วมกัน (เช่น ถุงยางอนามัยชายร่วมกับยาเม็ดคุมกำเนิด แต่ควรปรึกษาแพทย์ผู้รักษาเพื่อให้ได้วิธีที่เหมาะสมทั้งกับตนเองและกับคู่ของตนเอง) ในระหว่างการรักษาด้วยยานี้และหลัง จากหยุดใช้ยานี้ไปแล้วอย่างน้อยอีก 6 เดือน เนื่องจากยานี้อาจมีอันตรายต่อการพัฒนาของตัวอ่อนในครรภ์ ผู้ป่วยหญิงควรได้รับการตรวจการตั้งครรภ์ก่อนการรักษา ระหว่างการรักษา และหลังการรักษาไปแล้วอีก 6 เดือน รวมถึงผู้ป่วยชายที่ต้องใช้ยานี้ คู่สมรสควรได้รับการตรวจการตั้งครรภ์เช่นเดียวกัน หากระหว่างการใช้ยานี้ ผู้ป่วยหรือคู่สมรสเกิดการตั้งครรภ์ให้แจ้งให้แพทย์ทราบโดยทันที
หากลืมรับประทานยาควรทำอย่างไร?
หากลืมรับประทานยาไรบาไวริน ให้รับประทานยาทันทีที่นึกขึ้นได้ หากใกล้เวลากับมื้อถัดไปให้ข้ามไปทานมื้อถัดไป โดยไม่ต้องเพิ่มขนาดยาเป็น 2 เท่า
ยาไรบาไวรินมีผลไม่พึงประสงค์อย่างไร?
ยาไรบาไวรินมีผล/ อาการไม่พึงประสงค์จากการใช้ยา (ผลข้างเคียง) เช่น
ก. ยาไรบาไวรินชนิดพ่นจมูกแบบละอองฝอย: อาจก่อให้เกิดอาการไม่พึงประสงค์ฯ เช่น ภาวะความดันโลหิตต่ำ, หัวใจหยุดเต้น, โรคซีด, เหนื่อยล้า, นอนไม่หลับ, หายใจลำบาก/หอบเหนื่อย
ข. ยาไรบาไวรินชนิดรับประทาน: อาจก่อให้เกิดอาการไม่พึงประสงค์ฯบางประการ เช่น ไอ, ปวดมวนท้อง, ปากคอแห้ง, การรับรสเปลี่ยนไป, แน่นหน้าอก, แสบร้อนกลางอก, ผมร่วง, มีไข้, ปวดหัว
*อนึ่ง:
- ยาไรบาไวรินชนิดรับประทาน อาจก่อให้เกิดอาการไม่พึงประสงค์ฯที่รุนแรง เช่น อุจจาระมีเลือดปน/อุจจาระเป็นเลือด หรืออุจจาระมีสีดำเหนียว, ปัสสาวะมีสีเข้มเหมือนสีน้ำปลา, เกิดห้อเลือดตามผิวหนังและมีการขยายขนาดห้อเลือด, เกิดภาวะ สับสน วิตกกังวลมากเกินไป, ซึมเศร้า, มีความคิดทำร้ายตัวเองหรือพยายามฆ่าตัวตาย, การควบคุมอารมณ์เปลี่ยนไป, ผิวหรือตาเปลี่ยนเป็นสีเหลือง
- *หากมีอาการดังกล่าว(ไม่จำเป็นต้องมีครบทุกอาการ) ให้รีบแจ้งให้แพทย์ทราบ/ไปโรงพยาบาลโดยทันที/ฉุกเฉิน
*****ข้อสำคัญ:
- หากขณะเริ่มใช้ยานี้และพบว่ามีผื่นคันขึ้น แน่นหน้าอก หายใจไม่สะดวก/หายใจลำบาก เปลือกตา/หนังตา ริมฝีปาก คาง ใบหน้า บวม อาจเกิดจากการแพ้ยาได้ ให้หยุดใช้ยานี้และรีบพบแพทย์/ไปโรงพยาบาลโดยทันที/ฉุกเฉิน
- หากใช้ยานี้และเกิดอาการไม่พึงประสงค์ฯต่อเนื่องและรุนแรงมากขึ้น ให้รีบพบแพทย์/รีบไปโรงพยาบาลก่อนนัดหรือทันที/ฉุกเฉิน ขึ้นกับความรุนแรงของอาการ
มีข้อควรระวังการใช้ยาไรบาไวรินอย่างไร?
มีข้อควรระวังการใช้ยาไรบาไวริน เช่น
- ไม่ใช้ยานี้กับผู้ที่แพ้ยาหรือแพ้ส่วนประกอบของยานี้
- ไม่ใช้ยานี้กับ สตรีตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร รวมไปถึงผู้ชายที่คู่สมรสมีแผนที่จะตั้งครรภ์หรือมีครรภ์ เนื่องจากยาไรบาไวรินสามารถผ่านไปยังน้ำอสุจิได้ ซึ่งอาจก่อให้เกิด อันตรายกับทารกหากมีการปฏิสนธิ
- หลีกเลี่ยงการใช้ยานี้กับผู้ป่วยที่มีโรคเกี่ยวกับเม็ดเลือดและเกล็ดเลือด เช่น โรค ธาลัสซีเมีย ภาวะโลหิตจาง /โรคซีด
- ไม่ใช้ยานี้กับผู้ป่วยโรคตับอักเสบจากการแพ้ภูมิตัวเอง
- ไม่ใช้ยานี้กับผู้ป่วยที่กำลังได้รับยาไดดาโนซีน (Didanosine)
- ไม่ใช้ยานี้เป็นยาขนานเดียวในการรักษาโรคไวรัสตับอักเสบซี
- ยานี้อาจทำให้ผู้ใช้ยา ง่วงซึม วิงเวียน หรือสับสน จึงควรหลีกเลี่ยงการขับขี่ยานพาหนะ หรือทำงานที่เกี่ยวข้องกับเครื่องจักรเพราะจะเกิดอุบัติเหตุได้ง่าย
- ยานี้อาจทำให้เกิดอาการปากคอแห้ง ควรรักษาสุขภาพเหงือกและฟันอย่างสม่ำเสมอ รวมถึงพบทันตแพทย์เพื่อตรวจสุขภาพเหงือกและฟันอย่างน้อยทุก 6 เดือนหรือตาม ทันตแพทย์แนะนำ
- หากผู้ใช้ยานี้มีความคิดที่จะทำร้ายหรือฆ่าตัวตายให้แจ้งให้แพทย์/โรงพยาบาลทราบทันที
- ไม่หยุดใช้ยานี้เองแม้อาการจะดีขึ้น, หยุดใช้ยานี้ได้ต่อเมื่อแพทย์สั่งเท่านั้น
- รับประทานยานี้อย่างสม่ำเสมอในเวลาเดียวกันของทุกๆวัน
- ไม่แบ่งยาให้ผู้อื่นใช้
- ไม่ใช้ยาหมดอายุ
- ไม่เก็บยาหมดอายุ
***** อนึ่ง: ทุกคนต้องตระหนักถึงความปลอดภัยจากการใช้ "ยา" ที่รวมถึงยาแผนปัจจุบันทุกชนิด(รวมยาไรบาไวริน) ยาแผนโบราณ อาหารเสริม ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ทุกชนิด และสมุนไพรต่างๆเสมอ เพราะยามีทั้งให้คุณและให้โทษ ดังนั้นเมื่อมีการใช้ยาทุกชนิดควรต้องปฏิบัติตามข้อปฏิบัติพื้นฐานในการใช้ยาทุกชนิดเสมอ (อ่านเพิ่มเติมได้ในเว็บ haamor.com บทความเรื่อง ข้อปฏิบัติพื้นฐานในการใช้ยาทุกชนิด) รวม ทั้งควรต้องปรึกษาเภสัชกรประจำร้านขายยาก่อนซื้อยาใช้เองเสมอด้วยเช่นกัน
ยาไรบาไวรินมีปฏิกิริยาระหว่างยากับยาตัวอื่นอย่างไร?
ยาไรบาไวรินไม่ควรใช้ร่วมกับยาบางขนานเพราะอาจส่งผลให้เกิดปฏิกิริยาระหว่างยา โดยอาจทำให้ระดับยาดังจะกล่าวต่อไปสูงขึ้น จึงอาจก่อให้เกิดผลข้างเคียงของยาหรือพิษของยาดังกล่าวสูงขึ้นตามไปด้วย เช่น
- ยาต้านเอชไอวี: เช่นยา ไดดาโนซีน (Didanosine), อะบาคาเวียร์ (Abacavir), ยาเอ็มไทรไซทาบีน (Emtricitabine), ยาลามิวูดีน (Lamivudine), ยาสตาวูดีน (Stavudine), ยาทีโนโฟเวียร์ (Tenofovir) และซิโดวูดีน (Zidovudine)
- ยากดภูมิคุ้มกัน: เช่น ยาอะซาไธโอพรีน (Azathioprine)
*นอกจากนี้ ยาไรบาไวรินอาจลดประสิทธิภาพของวัคซีนไข้หวัดใหญ่อีกด้วย ดังนั้นผู้ใช้ยานี้ต้องปรึกษาแพทย์ผู้รักษาก่อนจะฉีดวัคซีนทุกชนิดด้วย
ควรเก็บรักษายาไรบาไวรินอย่างไร?
ควรเก็บรักษายาไรบาไวริน: เช่น
- เก็บยาในภาชนะบรรจุดั้งเดิมของบริษัทผู้ผลิต
- เก็บยาในที่แห้งและแสงแดดส่องไม่ถึงโดยตรง
- หลีกเลี่ยงการเก็บยาบริเวณที่มีความอับชื้น เช่น บริเวณใกล้ห้องน้ำหรือในห้องน้ำ
- เก็บยาให้พ้นมือเด็กและสัตว์เลี้ยง
ยาไรบาไวรินมีชื่ออื่นอีกไหม? ผลิตจากบริษัทอะไรบ้าง?
ยาไรบาไวริน มีการจัดจำหน่าย เช่น
ชื่อการค้า | บริษัทผู้ผลิต |
---|---|
รีบีทอล (Rebetol) | บริษัท เอ็มเอสดี (ประเทศไทย) จำกัด |
โคพีกุส (Copegus) | บริษัท โรช ไทยแลนด์ จำกัด |
ไรบาโซล (Ribazole) | บริษัท นีโอฟาร์ม จำกัด |
บรรณานุกรม
- American Pharmacists Association. Ribavirin. Drug Information Handbook with Trade names index. 23;2014:1828-1834.
- Ortega-Prieto, Ana M.; Sheldon, et al. Extinction of Hepatitis C Virus by Ribavirin in Hepatoma Cells Involves Lethal Mutagenesis. ONE 2013;8(8):71039.
- Crotty S, Cameron C, Andino R. Ribavirin's antiviral mechanism of action: lethal mutagenesis?. J. Mol. Med. 2012;80 (2): 86–95.
- Paeshuyse, J, Dallmeier, K, Neyts, J. Ribavirin for the treatment of chronic hepatitis C virus infection: a review of the proposed mechanisms of action. Current Opinion in Virology 1 2011;6:590–8.
- https://www.mims.com/Thailand/drug/info/Rebetol [2023,Jan28]
- https://www.accessdata.fda.gov/drugsatfda_docs/label/2010/021511s018lbl.pdf [2023,Jan28]