ไดฟินอกซิเลตและอะโทรพีน (Diphenoxylate and Atropine) หรือ โลโมติล (Lomotil)
- โดย เภสัชกร อภัย ราษฎรวิจิตร
- 24 เมษายน 2563
- Tweet
- บทนำ
- ยาไดฟินอกซิเลตและอะโทรพีนมีสรรพคุณ (คุณสมบัติ) อย่างไร?
- ยาไดฟินอกซิเลตและอะโทรพีนมีกลไกการออกฤทธิ์อย่างไร?
- ยาไดฟินอกซิเลตและอะโทรพีนมีรูปแบบการจัดจำหน่ายอย่างไร?
- ยาไดฟินอกซิเลตและอะโทรพีนมีขนาดรับประทานอย่างไร?
- เมื่อมีการสั่งยาควรแจ้งแพทย์/พยาบาลและเภสัชกรอย่างไร?
- หากลืมรับประทานยาควรทำอย่างไร?
- ยาไดฟินอกซิเลตและอะโทรพีนมีผลไม่พึงประสงค์อย่างไร?
- มีข้อควรระวังการใช้ยาไดฟินอกซิเลตและอะโทรพีนอย่างไร?
- ยาไดฟินอกซิเลตและอะโทรพีนมีปฏิกิริยาระหว่างยากับยาตัวอื่นอย่างไร?
- ควรเก็บรักษายาไดฟินอกซิเลตและอะโทรพีนอย่างไร?
- ยาไดฟินอกซิเลตและอะโทรพีนมีชื่ออื่นอีกไหม? ผลิตจากบริษัทอะไรบ้าง?
- บรรณานุกรม
- ยารักษาโรค (Pharmaceutical drug)
- ข้อปฏิบัติพื้นฐานในการใช้ยาทุกชนิด
- ท้องเสีย (Diarrhea)
- ท้องผูก (Constipation)
- ยาแก้ท้องผูก (Anticonstipation)
- โรคทางเดินอาหาร โรคระบบทางเดินอาหาร (Digestive disease)
- โรคระบบทางเดินอาหาร (Gastrointestinal tract disease)
- ยาแก้แพ้ ยาลดน้ำมูก ยาแอนติฮิสตามีน (Antihistamine drug)
- ยานอนหลับ (Hypnotic drug)
- ยากันชัก ยาต้านชัก (Anticonvulsant drugs)
- ยารักษาทางจิตเวช ยาจิตเวช (Psychotropics drugs)
- ยาแก้ท้องเสีย (Antidiarrhea drugs)
บทนำ
ยาไดฟินอกซิเลตผสมร่วมกับอะโทรพีน (Diphenoxylate and Atropine) หรือยาชื่อการ ค้าที่เป็นที่รู้จัก คือ ยาโลโมติล (Lomotil) ถูกนำมาใช้เป็นยารักษาอาการท้องเสียอันมีสาเหตุจากการผ่าตัดลำไส้เล็กหรือลำไส้ใหญ่ เพื่อเปิดช่องขับถ่ายทางหน้าท้อง (ทวารเทียม), ช่วยบรร เทาอาการจากโรคลำไส้ใหญ่อักเสบเป็นแผลเรื้อรัง, ซึ่งผู้ป่วยจะมีอาการถ่ายอุจจาระบ่อยและมักมีเลือดปนออกมาด้วย และรวมถึงโรคลำไส้แปรปรวน
ยาไดฟินอกซิเลต จัดเป็นยาเสพติดประเภทที่ 3 (อ่านเพิ่มเติมในเรื่อง ประเภทยาเสพติด) ส่วนยาอะโทรพีนจัดเป็นประเภทยาอันตราย การผสมอะโทรพีนเข้าไปในสูตรตำรับยาเป็นการป้องกันและลดการเสพติดจากไดฟินอกซิเลตของผู้ป่วย แต่หากรับประทานเกินขนาดมาตรฐาน อะโทรพีนจะทำให้ผู้ป่วยมีอาการคลื่นไส้และอ่อนเพลีย
หลังรับประทานยาไดฟินอกซิเลตและอะโทรพีน ยาจะเริ่มออกฤทธิ์ภายในประมาณ 45 นาที - 1 ชั่วโมง และช่วงเวลาของการออกฤทธิ์จะมีระยะเวลายาวนานประมาณ 3 - 4 ชั่วโมง ยา นี้จะถูกเปลี่ยนโครงสร้างที่ตับ โดยร่างกายต้องใช้เวลาประมาณ 12 - 14 ชั่วโมง เพื่อกำจัดยานี้ออกจากร่างกาย 50% โดยผ่านไปกับอุจจาระ
เนื่องจากเป็นยาอันตราย การใช้ยาไดฟินอกซิเลตและอะโทรพีน ต้องมีคำสั่ง/ใบสั่งจากแพทย์เท่านั้น เราไม่สามารถซื้อจากร้านขายยาได้ง่ายนัก ด้วยเป็นข้อห้ามและข้อกำหนดทางกฏหมาย
ยาไดฟินอกซิเลตและอะโทรพีนมีสรรพคุณ (คุณสมบัติ) อย่างไร?
ยาไดฟินอกซิเลตและอะโทรพีนมีคุณสมบัติ เช่น
- รักษาและบรรเทาอาการท้องเสียหลังผ่าตัดลำไส้ทำทวารเทียม (Colostomy & Ileos tomy) เช่น ในการผ่าตัดมะเร็งในลำไส้ใหญ่
- บรรเทาอาการโรคลำไส้ใหญ่อักเสบเป็นแผลเรื้อรัง (Ulcerrative Colitis)
- บรรเทาอาการท้องเสียจากโรคลำไส้แปรปรวน (IBS)
ยาไดฟินอกซิเลตและอะโทรพีนมีกลไกการออกฤทธิ์อย่างไร?
ยาไดฟินอกซิเลตมีกลไกการออกฤทธิ์โดย ตัวยาจะชะลอการบีบตัวของลำไส้ ทำให้ลำไส้มีเวลาในการดูดซับของเหลวเข้าสู่ร่างกายและเพิ่มเนื้อมวลของอุจจาระ จึงส่งผลบรรเทาอาการท้องเสียได้
ยาไดฟินอกซิเลตและอะโทรพีนมีรูปแบบการจัดจำหน่ายอย่างไร?
ยาไดฟินอกซิเลตและอะโทรพีนมีรูปแบบการจัดจำหน่าย เช่น
- ยาเม็ด ที่มีตัวยาไดฟินอกซิเลต 2.5 มิลลิกรัม ร่วมกับยาอะโทรพีน 25 ไมโครกรัม
ยาไดฟินอกซิเลตและอะโทรพีนมีขนาดรับประทานอย่างไร?
ยาไดฟินอกซิเลตและอะโทรพีนมีขนาดรับประทาน เช่น
ก. ผู้ใหญ่: รับประทานในระยะแรก ครั้งละ 2 เม็ด วันละ 3 - 4 ครั้ง หลังจากนั้นแพทย์อาจลดขนาดรับประทานเป็น 2 เม็ดต่อวัน
ข. เด็กอายุ 2 - 12 ปี: รับประทานโดยคำนวณจากน้ำหนักตัวโดยใช้ปริมาณยา 0.3 - 0.4 มิลลิกรัมต่อน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัมต่อวัน โดยแบ่งรับประทานเป็น 4 ครั้งต่อวัน
ค. *เด็กอายุต่ำกว่า 2ปี: ยานี้มีข้อห้ามในการใช้ในเด็กที่อายุต่ำกว่า 2 ปี
***** อนึ่ง
- หลังใช้ยานี้ภายใน 48 ชั่วโมง แล้วอาการไม่ดีขึ้น ควรต้องรีบไปพบแพทย์/ไปโรงพยาบาล
- การได้รับยานี้เกินขนาด จะมีอาการง่วงนอนอย่างมาก กล้ามเนื้ออ่อนแรง หัวใจเต้นเร็วผิดปกติ มีไข้สูง หายใจติดขัด/หายใจลำบาก และอาจหมดสติ ซึ่งหากพบอาการข้างต้นให้รีบนำผู้ป่วยส่งโรงพยาบาลทันที
- ยานี้สามารถรับประทานก่อนหรือหลังอาหารก็ได้ ขนาดและระยะเวลารับประทานที่เหมาะสม ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของแพทย์ผู้ทำการรักษา
*****หมายเหตุ: ขนาดยา และระยะเวลาในการใช้ยาที่ระบุในบทความนี้ เป็นเพียงตัวอย่างหนึ่งเท่านั้น ไม่สามารถใช้ทดแทนคำสั่งใช้ยาของแพทย์ผู้รักษาได้ การใช้ยาที่เหมาะสม ควรต้องปรึกษา แพทย์ หรือเภสัชกร ก่อนเสมอ
เมื่อมีการสั่งยาควรแจ้งแพทย์/พยาบาลและเภสัชกรอย่างไร?
เมื่อมีการสั่งยาทุกชนิดรวมถึงยาไดฟินอกซิเลตและอะโทรพีน ผู้ป่วยควรแจ้ง แพทย์ พยาบาล และเภสัชกร เช่น
- ประวัติแพ้ยาทุกชนิด เช่น กินยา/ใช้ยาแล้ว คลื่นไส้มาก ขึ้นผื่น หรือ แน่นหายใจติดขัด/หายใจลำบาก
- มีโรคประจำตัวต่างๆ รวมทั้งกำลังกินยา/ใช้ยา หรืออาหารเสริมอะไรอยู่ เพราะยาไดฟินอกซิเลตและอะโทรพีนอาจส่งผลให้อาการของโรคเหล่านั้นรุนแรงขึ้น หรืออาจเกิดปฏิกิริยาระหว่างยาไดฟินอกซิเลตและอะโทรพีนกับยาอื่นๆ และ/หรือกับอาหารเสริมที่กิน/ที่ใช้อยู่ก่อน
- หากเป็นสุภาพสตรีควรแจ้งว่าอยู่ในภาวะตั้งครรภ์/มีครรภ์ หรือกำลังให้นมบุตร เพราะยาหลายประเภทสามารถผ่านทางน้ำนมหรือรก และเข้าสู่ทารก จนก่อให้เกิดผลข้างเคียงได้
หากลืมรับประทานยาควรทำอย่างไร?
หากลืมรับประทานยาไดฟินอกซิเลตและอะโทรพีน สามารถรับประทานเมื่อนึกขึ้นได้ ถ้าเวลาใกล้เคียงกับการรับประทานยาในมื้อถัดไป ไม่จำเป็นต้องเพิ่มปริมาณยานี้เป็น 2 เท่า
ยาไดฟินอกซิเลตและอะโทรพีนมีผลไม่พึงประสงค์อย่างไร?
ยาไดฟินอกซิเลตและอะโทรพีน มีผล/อาการไม่พึงประสงค์จากการใช้ยา (ผลข้างเคียง/อาการข้างเคียง) ที่สามารถพบได้ เช่น
- รู้สึกเคลิบเคลิ้ม
- ง่วงนอนมาก
- ปวดศีรษะ /ปวดหัว
- คลื่นไส้-อาเจียน
- ปากคอแห้ง
- ซึมเศร้า
- กระสับกระส่าย
- เบื่ออาหาร
- ปวดท้อง
- นอกจากนี้ยังอาจพบผลข้างเคียงจากยาอะโทรพีน เช่น
- หัวใจเต้นเร็ว
- ปัสสาวะขัด
- อุณหภูมิของร่างกายสูงขึ้น
มีข้อควรระวังการใช้ยาไดฟินอกซิเลตและอะโทรพีนอย่างไร?
ข้อควรระวังการใช้ยาไดฟินอกซิเลตและอะโทรพีน เช่น
- ห้ามใช้ยานี้กับผู้ที่แพ้ยาไดฟินอกซิเลตหรือแพ้ยาอะโทรพีน
- ด้วยยานี้ถูกเปลี่ยนโครงสร้างทางเคมีโดยตับ จึงต้องระวังการใช้ยาในผู้ป่วยที่มีภาวะโรค
ตับ เช่น เป็นโรคตับแข็ง ดีซ่าน เป็นต้น
- ระวังการใช้ยานี้กับผู้ป่วยที่มีภาวะติดเชื้อในกระเพาะ - ลำไส้ อันมีสาเหตุจากเชื้อ E. Coli (เช่น อาหารเป็นพิษ), Samonella (โรคไทฟอยด์), และ Shigella (โรคบิดชิเกลลา) เป็นต้น
- หากมีอาการ ง่วง ซึม วิงเวียน หลังใช้ยานี้ ควรหลีกเลี่ยงกิจกรรมบางกิจกรรม เช่น การขับรถหรือการควบคุมเครื่องจักรด้วยจะเกิดอุบัติเหตุได้ง่าย
- ห้ามใช้ยานี้กับเด็กที่มีอายุต่ำกว่า 2 ปี
- ต้องระวังการใช้ยานี้กับเด็กที่มีภาวะ Down’s syndrome (กลุ่มอาการดาวน์) ด้วยเด็กกลุ่มนี้จะมีความเสี่ยงต่อการมี ภาวะไข้สูง หัวใจเต้นเร็ว หัวใจเต้นผิดจังหวะ ปัสสาวะน้อยลง ปากแห้ง และกระหายน้ำมากขึ้น
- หากต้องใช้ยานี้กับสตรีตั้งครรภ์ แพทย์ต้องประเมินผลดี - ผลเสีย/ผลข้างเคียงของยาอย่างระมัดระวัง ด้วยยังไม่มีข้อมูลด้านความปลอดภัยอย่างชัดเจนต่อการใช้ยานี้ในสตรีตั้งครรภ์ ส่วนในหญิงให้นมบุตรต้องปรึกษาแพทย์ก่อนใช้ยานี้เสมอ เพราะยังไม่มีข้อมูลแน่ชัดว่ายานี้จะปนออกมาในน้ำนมได้หรือไม่
- ห้ามแบ่งยาให้ผู้อื่นใช้
- ห้ามใช้ยาหมดอายุ
- ห้ามเก็บยาหมดอายุ
***** อนึ่ง: ทุกคนต้องตระหนักถึงความปลอดภัยจากการใช้ ”ยา” ที่รวมถึง ยาแผนปัจจุบันทุกชนิด(รวมยาไดฟินอกซิเลตและอะโทรพีนด้วย) ยาแผนโบราณ อาหารเสริม ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ทุกชนิด และสมุนไพรต่างๆเสมอ เพราะยามีทั้งให้คุณและให้โทษ ดังนั้นเมื่อมีการใช้ยาทุกชนิดควรต้องปฏิบัติตาม ข้อปฏิบัติพื้น ฐานในการใช้ยาทุกชนิดเสมอ (อ่านเพิ่มเติมได้ในเว็บ haamor.com บทความเรื่อง ข้อปฏิบัติพื้นฐานในการใช้ยาทุกชนิด) รวมทั้งควรต้องปรึกษาเภสัชกรประจำร้านขายยาก่อนซื้อยาใช้เองเสมอด้วยเช่นกัน
ยาไดฟินอกซิเลตและอะโทรพีนมีปฏิกิริยาระหว่างยากับยาตัวอื่นอย่างไร?
ยาไดฟินอกซิเลตและอะโทรพีนมีปฏิกิริยาระหว่างยากับยาตัวอื่น เช่น
- การใช้ไดฟินอกซิเลตและอะโทรพีนร่วมกับยาบางกลุ่มสามารถทำให้เกิดอาการง่วงนอน มากขึ้น ยากลุ่มดังกล่าว เช่น
- กลุ่มยารักษาอาการแพ้ (ยาแก้แพ้) เช่นยา Diphenhydramine
- กลุ่มยากันชักยาต้านชัก เช่นยา Carbamazepine, Phenobarbital
- กลุ่มยานอนหลับ หรือยาคลายวิตกกังวล (ยาคลายเครียด) เช่นยา Alprazolam, Diazepam, และ Zolpidem
- กลุ่มยาแก้ปวดที่มีฤทธิ์เสพติด เช่น Codeine
- กลุ่มยาจิตเวช เช่นยา Amitriptyline, Chlorpromazine, Risperidone, Tazodone
ควรเก็บรักษายาไดฟินอกซิเลตและอะโทรพีนอย่างไร?
ควรเก็บยาไดฟินอกซิเลตและอะโทรพีน เช่น
- เก็บยาระหว่างอุณหภูมิ 15 - 30 องศาเซลเซียส (Celsius)
- เก็บยาในภาชนะที่ปิดมิดชิด พ้นแสง/แสงสว่าง/ แสงแดด และความชื้น
- ไม่เก็บยาในห้องน้ำ
- และเก็บยาให้พ้นมือเด็กและสัตว์เลี้ยง
ยาไดฟินอกซิเลตและอะโทรพีนมีชื่ออื่นอีกไหม? ผลิตจากบริษัทอะไรบ้าง?
ยาไดฟินอกซิเลตและอะโทรพีน มียาชื่อการค้า และบริษัทผู้ผลิต เช่น
ชื่อการค้า | บริษัทผู้ผลิต |
---|---|
Ditropine (ไดโทรพีน) | Asian Pharm |
Lomotil (โลโมติล) | Pfizer |
Spasil (สปาซิล) | Sriprasit Pharma |
บรรณานุกรม
1. http://www.drugbank.ca/drugs/DB01081 [2020,April18]
2. http://en.wikipedia.org/wiki/Diphenoxylate [2020,April18]
3. http://www.medicinenet.com/diphenoxylate_and_atropine/article.htm [2020,April18]
4. http://mims.com/Captcha/DefaultCaptcha?returnUrl=http%3a%2f%2fmims.com%2fthailand%2fdrug%2finfo%2fdiphenoxylate%3fmtype%3dgeneric [2020,April18]
5. http://www.medicinenet.com/diphenoxylate_and_atropine/article.htm [2020,April18]