โรคเอนซีดี กลุ่มโรคเอนซีดี กลุ่มโรคไม่ติดต่อ (NCDs: Noncommunicable diseases)
- โดย ศาสตราจารย์เกียรติคุณ แพทย์หญิง พวงทอง ไกรพิบูลย์
- 17 มีนาคม 2562
- Tweet
- บทนำ
- โรคเอนซีดีประกอบด้วยโรคอะไรบ้าง?
- โรคเอนซีดีมีสาเหตุ/ปัจจัยเสี่ยงจากอะไร?
- โรคเอนซีดีมีอาการอย่างไร?
- เมื่อไหร่ควรพบแพทย์?
- แพทย์วินิจฉัยโรคเอนซีดีได้อย่างไร?
- รักษาโรคเอนซีดีอย่างไร?
- โรคเอนซีดีมีการพยากรณ์โรคอย่างไร?
- โรคเอนซีดีมีผลข้างเคียงอย่างไร?
- ดูแลตนเองอย่างไร? ควรพบแพทย์ก่อนนัดเมื่อไหร่?
- ป้องกันโรคเอนซีดีอย่างไร?
- บรรณานุกรม
- โรคอ้วน และ น้ำหนักตัวเกิน (Obesity and overweight)
- มะเร็ง (Cancer)
- โรคอัมพาต โรคอัมพฤกษ์ โรคหลอดเลือดสมอง (Stroke)
- โรคหัวใจ: โรคหลอดเลือดหัวใจ (Coronary artery disease)
- โรคไขมันในเลือดสูง (Dyslipidemia)
- เบาหวาน (Diabetes mellitus)
- รู้ทันโรคเบาหวาน (Diabetes mellitus)
- ความดันโลหิตสูง (Hypertension)
- โรคไตเรื้อรัง (Chronic kidney disease)
- โรคปอด โรคของปอด โรคทางปอด (Pulmonary disease)
บทนำ
กลุ่มโรค/โรคไม่ติดต่อ หรือ บางท่านเรียกว่า โรควิถีชีวิต หรือ โรคที่คุณสร้างเอง/Life style disease (Non communicable diseases ย่อว่า โรคเอนซีดี หรือ กลุ่มโรคเอนซีดี: NCD) คือ กลุ่มโรคต่างๆที่ไม่ได้มีสาเหตุเกิดจากการติดเชื้อโรค กล่าวคือ เป็นโรคที่ไม่ติดต่อจากคนหนึ่งไปสู่อีกคนได้ด้วยการคลุกคลี สัมผัส ไอ จาม น้ำ อาหาร อุจจาระ ปัสสาวะ เพศสัมพันธ์ แต่อาจถ่ายทอดทางพันธุกรรมได้ มักเป็นโรคเรื้อรังตลอดชีวิต ที่เริ่มแรกมักไม่มีอาการ แต่จะค่อยๆปรากฏอาการขึ้นเรื่อยๆ และเป็นโรคที่ค่อยๆรุนแรงขึ้นเรื่อย
โรคเอนซีดี เป็นกลุ่มโรคที่พบในทุกเพศทุกวัย แต่พบได้สูงขึ้นเมื่ออายุมากขึ้น โดย เฉพาะในผู้สูงอายุ เช่น โรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง โรคไขมันในเลือดสูง
โรคเอนซีดีกำลังกลายเป็นปัญหาสาธารณสุขของทุกประเทศทั่วโลก แซงหน้าโรคติดเชื้อ (ยกเว้นประเทศในอาฟริกา) เนื่องจากโรคติดเชื้อพบได้น้อยลงจากการสาธารณสุขที่ดีขึ้น คนเข้าถึงแหล่งการรักษาและมียาต่างๆ เช่น ยาปฏิชีวนะ ยาต้านไวรัส ที่มีประสิทธิภาพในการกำจัดเชื้อโรค
การดูแลรักษาโรคเอนซีดีจะมีค่าใช้จ่ายที่สูง เพราะเป็นโรคเรื้อรังที่มักเป็นตลอดชีวิต มีอาการที่มักมีผลต่อการดำเนินชีวิต การงาน และคุณภาพชีวิต เป็นโรคที่ไม่มีโอกาสรักษาได้หายขาด แต่จะรักษาควบคุมโรคได้เป็นอย่างดีด้วยการปรับพฤติกรรมการใช้ชีวิตร่วมกับการใช้ยาควบคุม
องค์การอนามัยโลกรายงานว่า ประชากรทั่วโลกในแต่ละปีจะเสียชีวิตด้วยสาเหตุจากโรคเอนซีดีประมาณ 71%ของการเสียชีวิตทั้งหมด โดยประมาณมากกว่า 85% จะเป็นการเสียชีวิตในคนมีรายได้ต่ำถึงปานกลาง เพราะเป็นกลุ่มคนที่มักมีการดูแลสุขภาพได้ไม่ดีและมีปัญหาเศรษฐกิจ
ส่วนในประเทศไทย เมื่อปีพ.ศ. 2015 กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุขได้แถลงใน’งานมหกรรมสุขภาพโรคไม่ติดต่อ NCD Forum 2015’ ว่าโรคนี้เป็นสาเหตุการตายอันดับหนึ่งของคนไทยจากโรคทั้งหลายรวมกัน และมีแนวโน้มผู้ป่วยด้วยโรคนี้สูงขึ้นต่อเนื่องทุกๆปี
โรคเอนซีดีประกอบด้วยโรคอะไรบ้าง?
โรคที่จัดอยู่ในกลุ่มโรคเอนซีดีมีหลากหลายโรค ที่พบได้บ่อย คือ
- โรคเบาหวาน
- โรคความดันโลหิตสูง
- โรคไขมันในเลือดสูง
- โรคอ้วนและน้ำหนักตัวเกิน
- โรคหัวใจ (เช่น โรคหลอดเลือดหัวใจ)
- โรคอัมพาต โรคหลอดเลือดสมอง (เช่น โรคหลอดเลือดสมองชนิดขาดเลือดและชนิดเลือดออก)
- โรคปอด ( เช่น โรคถุงลมโป่งพอง โรคหืด โรคหลอดลมพอง) โรคไต (เช่น โรคไตเรื้อรัง)
- และโรคมะเร็ง
- ทั้งนี้ มักไม่รวมโรคทางจิตเวช (เช่น โรคซึมเศร้า โรควิตกกังวล) อยู่ในโรคเอนซีดี
โรคเอนซีดีมีสาเหตุ/ปัจจัยเสี่ยงจากอะไร?
สาเหตุ/ปัจจัยเสี่ยงสำคัญของโรคเอนซีดี สามารถแบ่งได้เป็น 3 กลุ่ม ได้แก่ ปัจจัยจากพฤติกรรมการใช้ชีวิต, ปัจจัยจากโรคที่เกิดจากการใช้พลังงานของร่างกาย (Metabolic dis ease) และปัจจัยอื่นๆ
ก. พฤติกรรมการใช้ชีวิต: ที่ส่งผลให้เกิดโรคเอนซีดีที่สำคัญคือ
- การสูบบุหรี่ และการสูบบุหรี่มือสอง: เนื่องจากสารพิษในบุหรี่ เป็นสาเหตุปัจจัยเสี่ยงของโรคต่างๆในกลุ่มโรคเอนซีดี เช่น โรคถุงลมโป่งพอง โรคหลอดลมพอง โรคหืด โรคหลอดเลือดหัวใจ โรคหลอดเลือดสมอง โรคหลอดเลือดแดงแข็ง และโรคมะเร็งชนิดต่างๆ โดยเฉพาะ มะเร็งของอวัยวะในระบบศีรษะและลำคอ มะเร็งปอด และมะเร็งเต้านม
- การดื่มสุรา: เนื่องจากสุราเป็นสาเหตุสำคัญของ โรคตับแข็ง โรคมะเร็งตับ โรคมะเร็งระบบศีรษะและลำคอ อุบัติเหตุ และปัญหาในครอบครัวและการงานซึ่งจะส่งผลทางอ้อมถึงโรคเอนซีดี เพราะเป็นสาเหตุให้ขาดการดูแลเอาใจใส่ในสุขภาพ
- อาหารและเครื่องดื่ม: เนื่องจากการกินอาหารที่ไม่ถูกต้อง เป็นสาเหตุให้เกิด โรคอ้วนและน้ำหนักตัวเกิน โรคเบาหวาน โรคไขมันในเลือดสูง โรคความดันโลหิตสูง โรคไตเรื้อรัง โรคมะเร็ง ฯลฯ
- การขาดการออกกำลังกาย: เนื่องจากการขาดการออกกำลังกาย เป็นปัจจัยเสี่ยงของหลายโรค ที่สำคัญ คือ โรคอ้วนและน้ำหนักตัวเกิน โรคหัวใจ โรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง โรคไขมันในเลือดสูง โรคมะเร็ง
ข. โรคที่เกี่ยวข้องกับการใช้พลังงานของร่างกาย (Metabolic disorders): เป็นกลุ่มโรคที่มักเกิดในวัยกลางคนขึ้นไป โดยร่างกายมีความผิดปกติในการสันดาปอาหารในกลุ่มให้พลังงาน (โปรตีน คาร์โบไฮเดรต และไขมัน) ส่งผลให้เกิดเป็นโรคต่างๆที่พบบ่อย คือ โรคเบาหวาน โรคไขมันในเลือดสูง และโรคความดันโลหิตสูง ทั้งนี้สาเหตุอาจเกิดจาก โรคของอวัยวะที่เกี่ยวข้องกับการสันดาปพลังงาน (เช่น ตับอ่อน ตับ หรือต่อมไร้ท่อต่างๆ), พฤติกรรมการใช้ชีวิตดังกล่าวในข้อ ก, มีความสัมพันธ์กับพันธุกรรม (เช่น โรคเบาหวาน โรคหลอดเลือดหัวใจ), และผู้สูงอายุ จากการเสื่อมของการทำงานของทุกอวัยวะที่เป็นไปตามธรรมชาติ
ค. ปัจจัยอื่นๆ: เช่น
- พันธุกรรม: เช่น พบโรคเบาหวาน โรคหลอดเลือดหัวใจ หรือโรคมะเร็ง ได้สูงขึ้นในคนที่มีประวัติคนในครอบครัวป่วยด้วยโรคเหล่านี้
- อายุ: เพราะผู้สูงอายุจะมีปัญหาจากการเสื่อมการทำงานของอวัยวะต่างๆตามธรรมชาติ รวมไปถึงปัญหาด้านอาหาร การออกกำลังกาย และเศรษฐกิจ
- เศรษฐกิจ: เพราะปัญหาทางเศรษฐกิจจะส่งผลถึง การขาดอาหารที่มีคุณภาพ ขาดการดูแลสุขภาพ และมีอุปสรรคในการเข้าถึงกิจกรรมต่างๆที่ช่วยส่งเสริมสุขภาพ
โรคเอนซีดีมีอาการอย่างไร?
เนื่องจากโรคเอนซีดีเป็นโรคที่มักไม่มีอาการเมื่อเริ่มเป็นโรค แต่จะค่อยปรากฏอาการเมื่อเป็นมากขึ้น หรือเมื่อมีผลข้างเคียงจากตัวโรค
ซึ่งเมื่อมีอาการ จะมีอาการได้แตกต่างกันไปขึ้น กับแต่ละโรค แนะนำอ่านเพิ่มเติมในแต่ละโรคที่พบบ่อย (ดังกล่าวแล้วในหัวข้อ โรคเอนซีดีประกอบ ด้วยโรคอะไร) ได้ในเว็บ haamor.com เช่น โรคเบาหวาน โรคความดันโรคหิตสูง โรคไขมันในเลือดสูง โรคอ้วนและน้ำหนักตัวเกิน โรคมะเร็งชนิดต่างๆ ฯลฯ
อนึ่ง โรคเอนซีดีมักเกิดพร้อมๆกันได้หลายโรค (เป็นกลุ่มโรค) เพราะแต่ละโรคมีสาเหตุ/ปัจจัยเสี่ยงเช่นเดียวกัน ดังนั้น ผู้ป่วยจึงมีอาการได้หลากหลาย จึงมีผลกระทบต่อสุขภาพสูง เช่น
- โรคเบาหวาน ร่วมกับโรคความดันโลหิตสูง ร่วมกับโรคไขมันในเลือดสูง ร่วมกับโรคอ้วนและน้ำหนักตัวเกิน และยังอาจเกิดร่วมกับโรคมะเร็ง และ/หรือโรคอื่นๆได้อีก เป็นต้น
เมื่อไหร่ควรพบแพทย์?
ดังกล่าวแล้วว่า โรคเอนซีดีเมื่อเริ่มแรกมักไม่มีอาการ ดังนั้น
- การตรวจสุขภาพทุกปี หรือบ่อยตามแพทย์แนะนำ จะช่วยให้พบโรคกลุ่มนี้ได้เร็วขึ้น
- หรือหลายโรคเอนซีดีที่แพทย์สามารถให้คำแนะนำในการป้องกันการเกิดโรคที่ผู้ป่วยมีปัจจัยเสี่ยงได้ เช่น การป้องกัน โรคเบาหวาน โรคไขมันในเลือดสูง โรคความดันโลหิตสูง โรคไตเรื้อรัง โรคหลอดเลือดหัวใจ โรคหลอดเลือดสมอง โรคอ้วนและน้ำหนักตัวเกิน โรคถุงลมโป่งพอง (แนะนำอ่านเพิ่มเติมรายละเอียดแต่ละโรคที่รวมถึง ”เมื่อ ไหร่ควรพบแพทย์” ได้ในเว็บ haamor.com)
แพทย์วินิจฉัยโรคเอนซีดีได้อย่างไร?
แพทย์วินิจฉัยโรคเอนซีดีได้จาก
- ประวัติพฤติกรรมการใช้ชีวิตของผู้ป่วย
- อาชีพ
- อายุ
- ทั้งนี้รวมไปถึง
- ประวัติทางการแพทย์ต่างๆของผู้ป่วย ที่สำคัญ เช่น อาการ
- การตรวจร่างกาย
- และการตรวจสืบค้นต่างๆที่จะต่างกันไปในแต่ละโรค
- แนะนำ อ่านเพิ่ม เติมแต่ละโรคเอนซีดีที่พบได้บ่อย (ดังกล่าวแล้วใน ‘หัวข้อโรคเอนซีดีประกอบด้วยโรคอะไร’) ในเว็บ haamor.com เช่น โรคเบาหวาน โรคไขมันในเลือดสูง โรคความดันโลหิตสูง โรคไตเรื้อรัง โรคอ้วนและน้ำหนักตัวเกิน โรคถุงลมโป่งพอง
รักษาโรคเอนซีดีอย่างไร?
การรักษาโรคเอนซีดีจะประกอบด้วย
- การปรับพฤติกรรมการใช้ชีวิตซึ่งจะคล้ายกันในทุกโรค (เช่น ด้านอาหารและเครื่องดื่ม หยุดบุหรี่ หยุดดื่มสุรา การออกกำลังกาย)
- และการรักษาเฉพาะตัวโรคที่จะแตกต่างกันในแต่ละโรค แนะนำอ่านเพิ่มเติมแต่ละโรคเอนซีดีที่พบได้บ่อย (ดังกล่าวแล้วในหัวข้อ โรคเอนซีดีประกอบด้วยโรคอะไร) ในเว็บ haamor.com เช่น โรคเบาหวาน โรคไขมันในเลือดสูง โรคความดันโลหิตสูง โรคไตเรื้อรัง โรคอ้วนและน้ำหนักตัวเกิน โรคถุงลมโป่งพอง
โรคเอนซีดีมีการพยากรณ์โรคอย่างไร?
การพยากรณ์โรคคือ โรคเอนซีดีเป็นโรคเรื้อรัง อาการต่างๆจะค่อยๆเลวลงเรื่อย และเป็นสาเหตุให้เสียชีวิตในที่สุดได้ แต่การรักษาและควบคุมโรคอย่างจริงจัง จะช่วยให้ควบคุมอาการและชะลอความรุนแรงของโรคได้ และยังช่วยให้ผู้ป่วยมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นด้วย
โรคเอนซีดีมีผลข้างเคียงอย่างไร?
ผลข้างเคียงจากโรคเอนซีดี คือ
- ร่างกายทรุดโทรม อ่อนเพลีย
- ง่วงซึม ไม่มีสมาธิ
- เจ็บป่วยด้วยการติดเชื้อบ่อย
- เจ็บป่วยบ่อยจากผลแทรกซ้อน (ผลข้างเคียง) ของแต่ละโรคที่ทำให้ประสิทธิภาพการทำงานด้อยลง คุณภาพชีวิตด้อยลง มักเป็นอุปสรรคในการเรียน การงาน และในการดำรงชีวิต
ดูแลตนเองอย่างไร?ควรพบแพทย์ก่อนนัดเมื่อไหร่?
การดูแลตนเองเมื่อป่วยด้วยโรคเอนซีดี แนะนำอ่านเพิ่มเติมแต่ละโรคเอนซีดีที่พบบ่อย (ดังกล่าวแล้วในหัวข้อ โรคเอนซีดีประกอบด้วยโรคอะไร) ได้ในเว็บ haamor.com เช่น โรคเบา หวาน โรคไขมันในเลือดสูง โรคความดันโลหิตสูง โรคไตเรื้อรัง โรคอ้วนและน้ำหนักตัวเกิน โรคถุงลมโป่งพอง แต่ในภาพรวมที่คล้ายกันในทุกโรค การดูแลตนเอง คือ
- กินอาหารมีประโยชน์ห้าหมู่ให้ครบถ้วนในทุกวัน โดยควบคุมปริมาณไม่ให้เกิดโรคอ้วนและน้ำหนักตัวเกิน จำกัดเนื้อแดง แป้ง หวาน ไขมัน เค็ม แต่เพิ่มผัก ผลไม้ (ชนิดรสไม่หวานจัด) ให้ได้มากๆในทุกมื้ออาหารและเมื่อเป็นอาหารว่าง
- ออกกำลังกายสม่ำเสมอทุกวันตามควรกับสุขภาพ
- มีการตรวจสุขภาพประจำปีสม่ำเสมอ
- รักษาควบคุมโรคต่างๆรวมถึงโรคประจำตัวต่างๆตามแพทย์/พยาบาลแนะนำ
- กินยาต่างๆที่แพทย์แนะนำให้ครบถ้วน ถูกต้อง ไม่ขาดยา
- พบแพทย์/มาโรงพยาบาลตามนัดเสมอ
- พบแพทย์/มาโรงพยาบาลก่อนแพทย์นัดเมื่อ
- อาการต่างๆเลวลง
- หรือมีอาการใหม่ๆเกิดขึ้น
- มีผลข้างเคียงจากยาที่แพทย์สั่งจนกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวัน เช่น ท้องเสียมากเรื้อรัง วิงเวียนศีรษะมาก
- หรือเมื่อกังวลในอาการ
ป้องกันโรคเอนซีดีอย่างไร?
การป้องกันโรคเอนซีดีที่สำคัญ คือ
- ควบคุมอาหารไม่ให้เกิดโรคอ้วนและน้ำหนักตัวเกิน โดยควบคุมปริมาณอาหารให้พอดีกับพลังงานที่ใช้ในแต่ละวัน จำกัดอาหารเนื้อแดง แป้ง น้ำตาล เค็ม ไขมัน เพิ่มผัก ผลไม้(รสหวานน้อย) ให้ได้มากๆ
- การออกกำลังกายสม่ำเสมอทุกวันตามควรกับสุขภาพ
- ไม่สูบบุหรี่ ไม่ดื่มสุรา ถ้าบริโภคอยู่ ควรต้องเลิก
- เมื่อมีโรคประจำตัว ต้องรักษาควบคุมโรคให้ได้ดี
- มีการตรวจสุขภาพประจำปีสม่ำเสมอหรือบ่อยตามแพทย์แนะนำ เริ่มได้ในทุกอายุตั้งแต่เด็กจนถึงผู้สูงอายุ
บรรณานุกรม
- Ezzati,M., and Riboli,E. (2013). Behavioral and dietary risk factors for noncommunicable diseases. NEJM. 369, 954-964.
- Hunter, D., and Reddy,K. (2013). Noncommunicable diseases. NEJM.369, 1336-1343.
- https://www.who.int/en/news-room/fact-sheets/detail/noncommunicable-diseases [2019,Feb23]
- https://en.wikipedia.org/wiki/Non-communicable_disease [2019,Feb23]
- https://www.riskcomthai.org/2017/detail.php?id=31981&m=media&gid=1-001-003 [2019,Feb23]