เอสโตรเจน (Estrogen)

สารบัญ บทความที่เกี่ยวข้อง

บทนำ: คือยาอะไร? และเอสโตรเจนคืออะไร?

ยาเอสโตรเจน (Estrogen) ทางการแพทย์นำมาใช้ประโยชน์เพื่อป้องกันการตั้งครรภ์/ยาคุมกำเนิดชนิดต่างๆ เช่น ยาเม็ดคุมกำเนิด , หรือรักษาสมดุลในผู้ที่อยู่ในภาวะขาดฮอร์โมนเอสโตรเจน

เอสโตรเจน: คือ

เอสโตรเจน คือ กลุ่มฮอร์โมนเพศที่พบได้ทั้งในเพศหญิงและในเพศชาย แต่จะมีปริมาณมากกว่ามากในเพศหญิง มีหน้าที่ทำให้ร่างกายพัฒนาเจริญเติบโตพร้อมแสดงลักษณะเด่นของเพศหญิง, ทำให้ร่างกายสะสมไขมัน, ช่วยให้ตับสร้างโปรตีน, เพิ่มการสะสมแคลเซียมในกระดูก, เร่งกระบวนเผาผลาญของร่างกาย

ฮอร์โมนนี้สามารถละลายในสารละลายน้ำเกลือและสารละลายน้ำตาลได้ดี แต่อาจเกิดการตกตะกอนหากนำไปละลายในสารละลายที่มีฤทธิ์เป็นกรด เช่น กรดวิตามินซี หรือสารละลายที่มีโปรตีนในปริมาณมากๆ

อนึ่ง ทั่วไป เอสโตรเจนถูกจัดเป็นฮอร์โมนเพศหญิง (ฮอร์โมนจากรังไข่)ซึ่งเป็นกลุ่มฮอร์โมนที่ประกอบด้วย ฮอร์โมนสำคัญ คือ Estradiol, Estriol, และ เอสโทรน(Estrone)

เอสโตรเจนมีสรรพคุณรักษาโรคอะไร?

เอสโตรเจน

ฮอร์โมนเอสโตรเจนได้นำมาสังเคราะห์ใช้เป็นยาได้ โดยยาเอสโตรเจนมีสรรพคุณรักษาโรค/ข้อบ่งใช้:

  • ใช้เป็นยาคุมกำเนิด เช่น ยาเม็ดคุมกำเนิด ยาฉีดคุมกำเนิด
  • ใช้รักษาสภาวะพร่องฮอร์โมนเอสโตรเจนในวัยหมดประจำเดือน
  • ใช้รักษาสภาวะหมดประจำเดือนก่อนวัยอันควร
  • ใช้รักษาการอักเสบที่ไม่ได้เกิดจากการติดเชื้อในอวัยวะเพศของสตรี
  • ใช้ป้องกันกระดูกพรุนในเพศหญิง

เอสโตรเจนออกฤทธิ์อย่างไร?

ยาเอสโตรเจนเพิ่มการสังเคราะห์ทางพันธุกรรม (DNA, RNA), และกระตุ้นการสร้างเนื้อ เยื่อต่างๆ, ในด้านการคุมกำเนิดจะทำให้ท่อนำไข่หดเกร็งจนทำให้ไข่เดินทางไปสู่มดลูกได้ยาก, เอสโตรเจนสามารถดูดซึมได้ดีจากระบบทางเดินอาหารและเปลี่ยนรูปภายในตับ ร่างกายสามารถ ขับเอสโตรเจนส่วนเกินออกโดยทางปัสสาวะและทางอุจจาระ

เอสโตรเจนมีรูปแบบการจัดจำหน่ายอย่างไร?

ยาเอสโตรเจนมีรูปแบบการจัดจำหน่าย:

  • ชนิดเม็ดรับประทาน ขนาด 0.30, 0.625, 0.90, 1.25, 2.50 มิลลิกรัม
  • ชนิดฉีดเข้ากล้าม ขนาด 25 มิลลิกรัม/5 มิลลิลิตร
  • ชนิดฉีดเข้าหลอดเลือด ขนาด 25 มิลลิกรัม/5 มิลลิลิตร
  • ชนิดครีมทา ขนาด 0.625 มิลลิกรัม/กรัม

เอสโตรเจนมีขนาดรับประทานอย่างไร?

การรับประทานยาเม็ดคุมกำเนิดชนิดต่างๆรวมทั้งยาเอสโตรเจน จะมีวิธีรับประทานที่แตก ต่างกันไป ทั้งนี้ขึ้นกับวัตถุประสงค์ของแพทย์, ขนาด, และปริมาณฮอร์โมน ที่ประกอบอยู่ในยานั้นๆ

ปกติทั่วไป สามารถรับประทานยาเอสโตรเจนก่อนหรือหลังอาหารก็ได้ ที่สำคัญต้องได้รับคำแนะนำและวิธีรับประทานที่ถูกต้องจากแพทย์หรือจากเภสัชกร

เพื่อเพิ่มความมั่นใจในการคุมกำเนิด ผู้บริโภคควรอ่านข้อแนะนำ และรายละเอียดปลีกย่อยได้จากเอกสารกำกับยา/ฉลากยา การรับประทานยาเอสโตรเจนผิดวิธีหรือผิดขนาด นอกจากจะไม่ได้รับประสิทธิผลของการคุมกำเนิดหรือของการรักษาแล้ว ยังอาจได้รับผลอันไม่พึงประสงค์หรือผลข้างเคียงติดตามมา

ก. สำหรับเพศชาย: ใช้รักษาโรคมะเร็งต่อมลูกหมากระยะลุกลามและระยะแพร่กระจาย โดยขนาดรับประทานสูง สุดไม่เกิน 2.5 มิลลิกรัม/ครั้ง วันละไม่เกิน 3 ครั้ง

ข. สำหรับเพศหญิง:

  • ใช้รักษาโรคกระดูกพรุน (Osteoporosis): ขนาดรับประทานสูงสุดไม่เกิน 0.625 มิลลิกรัม/วันโดยรับประทาน 3 สัปดาห์หยุด 1 สัปดาห์
  • รักษาการขาดประจำเดือน ขนาดรับประทานสูงสุดไม่เกิน 1.25 มิลลิกรัม/ครั้ง ไม่เกินวันละ 2 ครั้ง เป็นเวลา 21 วัน หากรับประทานแล้วเกิดภาวะเลือดไหลชึม (Bleeding Persis) แพทย์อาจให้เพิ่มขนาดการรับประทานเป็น 2.5 มิลลิกรัม/ครั้ง วันละ 4 ครั้ง
  • รักษาอาการร้อนวูบวาบในวัยที่ใกล้หมดและในวัยหมดประจำเดือน (Vasomotor Symtoms) ขนาดรับประทานสูงสุดไม่เกิน 1.25 มิลลิกรัม/วัน

*****หมายเหตุ:

  • ขนาดการใช้เอสโตรเจนในการรักษาต้องอยู่ในการดูแลของแพทย์เท่า นั้น และเอสโตรเจนเป็นยาอันตราย มีผลข้างเคียงได้หลายอย่าง ดังจะกล่าวในหัวข้อ ผลไม่พึงประสงค์ และอาจเป็นปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดโรคมะเร็งเต้านมได้ ดังนั้นห้ามซื้อยาใช้เอง
  • ขนาดยา และระยะเวลาในการใช้ยาที่ระบุในบทความนี้ เป็นเพียงตัวอย่างหนึ่งเท่านั้น ไม่สามารถใช้ทดแทนคำสั่งใช้ยาของแพทย์ผู้รักษาได้ การใช้ยาที่เหมาะสม ควรต้องปรึกษา แพทย์ หรือเภสัชกร ก่อนเสมอ

เมื่อมีการสั่งยาเอสโตรเจนควรแจ้งแพทย์/พยาบาลและเภสัชกรอย่างไร?

เมื่อมีการสั่งยาทุกชนิดรวมทั้งเอสโตรเจน ผู้ป่วยควรแจ้ง แพทย์ พยาบาล และ เภสัชกร เช่น

  • ประวัติแพ้ยาทุกชนิด รวมทั้งอาการจากการแพ้ยา เช่น กินยา/ใช้ยาแล้วคลื่นไส้มาก ขึ้นผื่น หรือแน่น/หายใจติดขัด/ หอบเหนื่อย
  • การมีโรคประจำตัวต่างๆ เช่น โรคหืด โรคไมเกรน โรคลมชัก และอื่นๆ รวมทั้งกำลังกินยา/ใช้ยาอะไรอยู่ เพราะยาเอสโตรเจนอาจส่งผลให้อาการของโรคเหล่านั้นรุนแรงขึ้น หรืออาจเกิดปฏิกิริยาระหว่างยากับยาอื่นๆที่กิน/ที่ใช้อยู่ก่อนแล้ว
  • สุภาพสตรีควรแจ้งว่าอยู่ในภาวะตั้งครรภ์หรือกำลังให้นมบุตร เพราะยาหลายชนิดมักผ่าน รก หรือผ่านเข้าสู่น้ำนม และส่งผลข้างเคียงต่อทารกได้

หากลืมรับประทานเอสโตรเจนควรทำอย่างไร?

หากลืมรับประทานยาเอสโตรเจน สามารถรับประทานทันทีที่นึกได้ โดยไม่ต้องเพิ่มขนาดยาเป็น 2 เท่า ในกรณีที่ใช้รับประทานเป็นยาคุมกำเนิดให้ดูรายละเอียดจากบทความของสูตินรีแพทย์ พญ.กีรติ ลีละพงศ์วัฒนา เรื่อง ยาเม็ดคุมกำเนิด (Birth control pill) ในเว็ปไซด์ หาหมอ.com ของเรา

เอสโตรเจนมีผลไม่พึงประสงค์อย่างไร?

ผล/อาการไม่พึงประสงค์จากการใช้ยา หรือ ผลข้างเคียง/ อาการข้างเคียง จากยาเอสโตรเจน เช่น

  • มีอาการทางระบบสืบพันธุ์สตรี เช่น ประจำเดือนมากระปริดกระปรอย ประจำเดือนขาดหรือไม่มีประจำเดือน
  • อาเจียน
  • ท้องเสีย
  • วิตกกังวล
  • มีก้อนในเต้านม
  • เป็นปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งเต้านม
  • ซึมเศร้า
  • เวียนศีรษะ
  • ความดันโลหิตสูง
  • ร่างกายอาจติดเชื้อรากลุ่มแคนดิดา/ แคนดิไดอะซิส (Candidiasis) ได้ง่าย
  • ไขมันในเลือดสูง เช่น ไตรกลีเซไรด์ (Triglyceride), แอลดีแอล (LDL)
  • ภาวะกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด (Myocardial Infarction)

มีข้อควรระวังการใช้เอสโตรเจนอย่างไร?

ข้อควรระวังในการใช้ยาเอสโตรเจน เช่น

  • ห้ามใช้กับผู้แพ้ยานี้
  • ระวังการใช้ยาในผู้ป่วยด้วย โรคหืด โรคลมชัก โรคไมเกรน
  • ระวังการใช้ยาในผู้ป่วยด้วย โรคหัวใจ และผู้ป่วยที่มีภาวะไตทำงานผิดปกติ
  • ห้ามใช้กับสตรีที่มีเลือดออกทางช่องคลอดโดยไม่ทราบสาเหตุ
  • ห้ามใช้กับผู้ที่แพ้ฮอร์โมนเอสโตรเจนชนิดสังเคราะห์
  • ห้ามใช้กับผู้ที่ป่วยเป็นมะเร็งเต้านม
  • ห้ามใช้กับผู้ป่วยเนื้องอกที่ตอบสนองกับฮอร์โมนเอสโตรเจนเช่น เนื้องอกมดลูก
  • ห้ามใช้กับหญิงมีครรภ์
  • ปฏิบัติตามข้อปฏิบัติพื้นฐานในการใช้ยาทุกชนิด
  • ห้ามแบ่งยาให้ผู้อื่นใช้
  • ห้ามใช้ยาหมดอายุ
  • ห้ามเก็บยาหมดอายุ

***** อนึ่ง: ทุกคนต้องตระหนักถึงความปลอดภัยจากการใช้ ”ยา” ที่รวมถึง ยาแผนปัจจุบันทุกชนิด ยาแผนโบราญ อาหารเสริม ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ทุกชนิด และสมุนไพรต่างๆเสมอ เพราะ ยามีทั้งให้คุณและให้โทษ ดังนั้นเมื่อมีการใช้ยาทุกชนิด ควรต้องปฏิบัติตาม ข้อปฏิบัติพื้นฐานในการใช้ยาทุกชนิดเสมอ (อ่านเพิ่มเติมได้ในเว็บ haamor.com บทความเรื่อง ข้อปฏิบัติพื้นฐานในการใช้ยาทุกชนิด) รวมทั้งควรต้องปรึกษาเภสัชกรประจำร้านขายยาก่อนซื้อยาใช้เองเสมอด้วยเช่นกัน

เอสโตรเจนมีปฏิกิริยาระหว่างยากับยาตัวอื่นอย่างไร?

เอสโตรเจนมีปฏิกิริยาระหว่างยากับยาตัวอื่นๆ เช่น

  • การกินยาเอสโตรเจน ร่วมกับ ยาวัณโรคบางชนิดจะไปลดปริมาณความเข้มข้นของเอสโตรเจนในกระแสเลือด อาจทำให้ฤทธิ์ในการคุมกำเนิดด้อยประสิทธิภาพลงยาวัณโรคดังกล่าวเช่น ยาไรแฟมพิซิน (Rifampicin)
  • การกินยาเอสโตรเจนร่วมกับยาสเตรอยด์อาจทำให้พิษของยาสเตรอยด์มีมากขึ้น ยาสเตรอยด์ดังกล่าว เช่น ยาไฮโดรคอร์ติโซน (Hydrocortisone)
  • การกินยาเอสโตรเจน ร่วมกับ วิตามินบางชนิดจะไปลดการทำงานของยาเอสโตรเจนในกระแสเลือดและทำให้ฤทธิ์ในการคุมกำเนิดด้อยประสิทธิภาพลง วิตามินดังกล่าว เช่น วิตามินซี

ควรเก็บรักษายาเอสโตรเจนอย่างไร?

ควรเก็บยาเอสโตรเจน:

  • เก็บยาให้พ้นแสงแดด
  • เก็บยาภายใต้อุณหภูมิ 25 องศาเซลเซียส (Celsius)
  • ห้ามเก็บยาในช่องแช่แข็งของตู้เย็น
  • เลี่ยงการเก็บยาในที่ชื้น
  • ไม่ควรเก็บยาที่หมดอายุ
  • ไม่เก็บยาในห้องน้ำหรือในรถยนต์
  • เก็บยาให้พ้นมือเด็กและสัตว์เลี้ยง

เอสโตรเจนมีชื่ออื่นอีกไหม? ผลิตจากบริษัทอะไรบ้าง?

ยาเอสโตรเจน มีชื่อทางการค้าอื่น และบริษัทผู้ผลิต เช่น

  • Ediol (อีไดออล) จากบริษัท Synmosa
  • Estrofem (เอสโตเฟม) จากบริษัท Standard Chem & Pharm
  • Divigel (ดิวิเจล) จากบริษัท Orion
  • Femoston (เฟมอสตอน) จากบริษัท Solvay Pharma
  • Havina (ฮาวินา) จากบริษัท Synmosa
  • Indivina (อินดิวินา) จากบริษัท Orion
  • Premarin (พรีมาริน) จากบริษัท Wyeth
  • Progynon Depot (โปรไกนอน ดีพอท) จากบริษัท Bayer Schering Pharma AG
  • Progynova (โปรไกโนวา) จากบริษัท Bayer Schering Pharma
  • Vagifem (วากิเฟม) จากบริษัท Novo Nordisk

บรรณานุกรม

  1. บุษบา จินดาวิจักษณ์. (2533). การใช้ยาในสตรีเพศ
  2. Charles F.Lacy,RPh, Pharm D ,FCSHP Lora L. Armstrong ,RPh .Pharm D,BCPS Moton P. Goldman, Pharm D, BCPS Leonard L. Lance,RPh, BSPharm. Drug Information Hand Book 8th Edition 2000-2001 (p 446-447).
  3. https://www.mims.com/thailand/drug/info/estrogens?mtype=generic [2021,June26]