สะอึก (Hiccup)

สารบัญ บทความที่เกี่ยวข้อง

บทนำ

สะอึก (Hiccup หรือ Hiccough หรือ Singultus) เป็นอาการไม่ใช่โรค เป็น อาการที่เกิด โดยฉับพลัน/เฉียบพลันจากการหดตัวทันทีของกะบังลมและตามมาด้วยการเคลื่อนปิดตัวเข้าหากันของทั้งสองข้างสายเสียงซ้ายและขวาอย่างรวดเร็วทันที ซึ่งการปิดตัวโดยเร็วของสายเสียงนี้จะทำให้เกิดเป็นเสียงสะอึก ที่ฝรั่งได้ยินว่า’Hic’จึงเป็นที่มาของคำว่า Hiccup/Hiccough

ทั้งนี้ สะอึกจะเกิดโดยไม่ได้ตั้งใจให้เกิด เกิดโดยอัตโนมัติ ร่างกายควบคุมอาการนี้ไม่ได้ ที่เรียกว่า รีเฟล็กซ์ (Reflex)

สะอึก โดยทั่วไป เป็นอาการเป็นๆหายๆ ซึ่งกลไกการเกิดที่แท้จริงยังไม่ทราบแน่ชัด แต่เชื่อว่า เกิดจากมีการรบกวนเส้นประสาทของกะบังลมและกล้ามเนื้อระหว่างกระดูกซีโครง ซึ่งมีหน้าที่ช่วยการหายใจเช่นเดียวกับกะบังลม จึงส่งผลให้กะบังลมและกล้ามเนื้อระหว่างกระดูกซี่โครงนี้หดตัวทันที ส่งผลให้เกิดการหายใจเข้าทันที ตามด้วยทั้งสองสายเสียงปิดตามทันทีหลังหายใจเข้า จึงเกิดเป็นเสียงขึ้น ซึ่งทั้งหมดคือ อาการสะอึก ซึ่งสามารถพบเกิดได้ประมาณ 4-60 ครั้งของการสะอึกต่อ 1 นาที

อาการสะอึก อาจเกิดโดยมีเพียงอาการสะอึก หรือ อาจร่วมกับรู้สึกแน่นเล็กน้อยในบริเวณ ลำคอ หน้าอก ไหล่ และ/หรือ ช่องท้อง นำก่อนเกิดสะอึก

โดยทั่วไป อาการสะอึกจะหายได้เอง ภายในระยะเวลาเป็น นาที หรือ เป็นชั่วโมง

  • แต่เมื่อสะอึกติดต่อกันนานเกิน 2 วันขึ้นไป เรียกว่า สะอึกต่อเนื่อง (Persistent hiccup) หรือ
  • ถ้านานเกินกว่า 2 เดือน เรียกว่า สะอึกที่ควบคุมรักษายาก (Intractable hiccup)

สะอึก เป็นอาการพบได้บ่อยมาก ตั้งแต่ทารกในครรภ์จนถึงผู้สูงอายุ แต่จะพบได้บ่อยกว่า ในเด็กแรกเกิด เด็กเล็ก เด็กโต วัยรุ่น และวัยหนุ่มสาว แต่อาการจะพบน้อยลงเมื่อเป็นผู้ใหญ่และผู้สูงอายุ ซึ่งอาการสะอึกนี้ มีโอกาสเกิดได้ใกล้เคียงทั้งในผู้หญิงและในผู้ชาย

สะอึกมีสาเหตุจากอะไร?

สะอึก

โดยทั่วไป อาการสะอึกเป็นอาการปกติทั่วไป ไม่ได้เกิดจากโรค โดยมีสาเหตุ หรือ ปัจ จัยเสี่ยง ที่พบบ่อย เช่น

  • กินอิ่มมากเกินไป
  • ดื่มเครื่องดื่มพวกที่ทำให้เกิดแก๊ส (Carbonate)
  • ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
  • สูบบุหรี่จัด
  • มีการเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิของกระเพาะอาหารทันที เช่น ดื่มเครื่องดื่มเย็นจัด หรือ กินอาหารร้อนจัด เมื่อท้องว่าง
  • กินอาหารรสจัด เช่น เผ็ด เปรี้ยว เค็ม หวาน จัด
  • หายใจเอาควันต่างๆเข้าไป
  • ผลข้างเคียงจากยา /อาการไม่พึงประสงค์จากยา บางชนิด เช่น ยาเคมีบำบัดรักษาโรคมะเร็ง
  • มีก้อนในบริเวณลำคอ เช่น คอพอก
  • อาจสัมพันธ์กับปัญหาทางจิตใจ/อารมณ์ เช่น ตื่นเต้น เครียด กังวล กลัว ซึมเศร้า
  • หลังการผ่าตัดช่องท้อง
  • โรคสมอง เช่น โรคหลอดเลือดสมอง เนื้องอกสมอง
  • โรคที่ระคายเคืองต่อประสาทกะบังลม เช่น ปอดอักเสบ/ปอดบวม หรือเยื่อหุ้มปอดอักเสบ

อนึ่ง การสะอึกต่อเนื่อง หรือ อาการสะอึกที่ควบคุมรักษายาก มักเป็นอาการสะอึกที่เกิดจากโรค โดยโรคที่พบเป็นสาเหตุบ่อย เช่น

  • โรคทางสมองต่างๆ เช่น เนื้องอกสมอง โรคอัมพาต โรคอัมพฤกษ์ จากโรคหลอดเลือดสมอง หรือ Stroke และ โรคสมองอักเสบ
  • โรคคออักเสบ/คอหอยอักเสบเรื้อรัง
  • โรคกรดไหลย้อน
  • โรคไตวาย
  • โรคตับวาย
  • ภาวะหลังผ่าตัดกระเพาะอาหาร หรือ ในช่องท้อง หรือ
  • หลังการใช้ยาสลบ

แพทย์วินิจฉัยสะอึกได้อย่างไร?

โดยทั่วไป แพทย์วินิจฉัยอาการสะอึกได้จาก อาการของผู้ป่วย ไม่ต้องมีการตรวจอื่นเพิ่ม เติม(เรียกว่า การวินิจฉัยทางคลินิก) ยกเว้นเพื่อหาสาเหตุเมื่อเป็นการสะอึกต่อเนื่องนานเกิน 2 วันขึ้นไป ซึ่งวิธีตรวจขึ้นกับ ประวัติการเจ็บป่วยของผู้ป่วย อาการร่วมอื่นๆ เช่น ปวดท้อง และดุลพินิจของแพทย์ (เช่น การเอกซเรย์ช่องท้อง เมื่อผู้ป่วยปวดท้องร่วมด้วย เป็นต้น)

รักษาสะอึกได้อย่างไร?

โดยทั่วไป อาการสะอึกจะหายได้เอง ไม่ต้องรักษา แต่มีวิธีการทางภูมิปัญญาพื้นบ้าน ที่อาจช่วยให้สะอึกหายเร็วขึ้น โดยเชื่อว่า วิธีการเหล่านี้สามารถขัดขวางรีเฟล็กซ์ที่ทำให้เกิดสะ อึกได้ ซึ่งที่ใช้กันบ่อย เช่น

  • การดมสารที่มีกลิ่นฉุน เช่น แอมโมเนีย /แอมโมเนียสปิริต
  • กินของเปรี้ยวจัด เช่น น้ำมะนาว 100%
  • การดื่มน้ำมากๆ
  • การกินน้ำตาลทรายเม็ดโดยไม่ดื่มน้ำตาม
  • การหายใจเข้าออกในถุงปิด เพื่อเพิ่มก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์
  • การกลั้นหายใจเป็นพักๆ
  • การทำให้ตกใจ หรือ การเบี่ยงเบนความสนใจ

แต่เมื่อเป็นการสะอึกที่ต่อเนื่องนานเกิน 2 วันขึ้นไป หรือเมื่อสะอึกจนรบกวนการใช้ชีวิตประจำวัน แพทย์จะให้การรักษา เพราะการสะอึกจะก่อความรำคาญ และอาการทรมาน มีผลต่อ การกิน การดื่ม การพูด และการนอนหลับ ของผู้ป่วย ซึ่งเป็นการรักษาสาเหตุ เช่น รักษาโรคกรดไหลย้อน เป็นต้น

นอกจากนั้น คือ การรักษาบรรเทาอาการสะอึกด้วยการกินยา /ยาแก้สะอึก และบางครั้งอาจต้องเป็นการฉีดยาเมื่อการกินยาไม่ได้ผล เพื่อขัดขวางการทำงานของประสาทกะบังลม และประสาทกล้ามเนื้อระหว่างกระดูกซี่โครง

โดยยาที่ใช้ช่วยบันเทาอาการสะอึกมีหลายกลุ่ม ทั้งนี้การจะเลือกใช้ยากลุ่มใด ขึ้นกับ สาเหตุ ความรุนแรงของอาการ โรคประจำตัวของผู้ป่วย และดุลพินิจของแพทย์ผู้รักษา เช่น

  • กลุ่มยาแก้อาเจียน เช่น Chlorpromazine, Metoclopramide)
  • กลุ่มยากันชัก เช่น Valproic acid, Carbamazepine
  • กลุ่มยาใช้ทางวิสัญญี/การดมยาสลบ เช่น Ketamine, Lidocaine
  • ยาคลายกล้ามเนื้อ เช่น Baclofen, Orphenadrine)
  • ยาแก้ปวดกลุ่มมอร์ฟีน เช่น Morphine
  • ยารักษาทางจิตเวช เช่น Haloperidol
  • ยาคลายเครียด เช่น Chloral hydrate
  • ยาต้านเศร้า (เช่น Amitriptyline ) และ
  • ยากระตุ้นประสาท เช่น Ephedrine, Methylphenidate

สะอึกรุนแรงไหม? มีผลข้างเคียงไหม?

อาการสะอึกโดยทั่วไป เป็นอาการไม่รุนแรง มักหายได้เองเสมอ ยกเว้น ส่วนน้อยมากที่สะอึกต่อเนื่องนานมากกว่า 2 วันขึ้นไป ซึ่งความรุนแรงของอาการสะอึกในผู้ป่วยกลุ่มนี้ ขึ้นกับ โรคที่เป็นสาเหตุ เช่น

  • ความรุนแรงสูงเมื่อเกิดจาก โรคอัมพาต โรคอัมพฤกษ์
  • แต่ความรุนแรงต่ำ เมื่อเกิดจากโรคกรดไหลย้อน เป็นต้น

อาการสะอึกโดยทั่วไป ไม่ก่อ ผลข้างเคียง ยกเว้นก่อความรำคาญ และเมื่อมีอาการนานต่อเนื่อง จะส่งผลถึงคุณภาพชีวิต เพราะขัดขวาง การกิน การดื่ม การนอน การพูด และเป็นสา เหตุให้เหนื่อย และอ่อนเพลีย

ดูแลตนเองอย่างไร? ควรพบแพทย์เมื่อไร?

ไม่จำเป็นต้องดูแลตนเองเป็นพิเศษ เมื่อมีอาการสะอึก เพราะเป็นอาการไม่รุนแรงและมักหายได้เองเสมอ ดังกล่าวแล้ว แต่เมื่อรำคาญ อาจลองใช้วิธีการทางภูมิปัญญาชาวบ้านดังกล่าวแล้วช่วย

แต่เมื่อสะอึกต่อเนื่องนานกว่า 2 วันขึ้นไป ควรรีบพบแพทย์/มาโรงพยาบาล เพื่อหาสาเหตุ เพื่อได้รับการรักษาแต่เนิ่นๆ

ป้องกันสะอึกได้อย่างไร?

การป้องกันการสะอึกทั่วไปให้ได้ 100% เป็นไปไม่ได้ เพราะเป็นกลไกการเกิดโดยอัตโน มัติที่เราควบคุมได้ยาก แต่สามารถลดโอกาสเกิดได้ โดยหลีกเลี่ยงสาเหตุหรือปัจจัยเสี่ยงต่างๆที่ได้กล่าวแล้วในหัวข้อ ‘สาเหตุฯ’

ส่วนการป้องกันอาการสะอึก ที่เกิดจากโรค คือ การป้องกันโรคต่างๆที่เป็นสาเหตุอาการสะอีก ที่ป้องกันได้ เช่น

  • จำกัดอาหารไขมัน และไม่สูบบุหรี่ เพื่อป้องกันโรคอัมพาต โรคอัมพฤกษ์จากโรคหลอดเลือดสมอง
  • การกินอาหารแต่ละมื้อปริมาณแต่พอควร ไม่กินอิ่มจนเกินไป
  • ไม่กินอาหารรสจัด
  • ไม่กินอาหารมื้อเย็นใกล้เคียงกับเวลานอน และควบคุมน้ำหนักตัว เพื่อป้องกันโรคกรดไหลย้อน เป็นต้น

บรรณานุกรม

  1. https://en.wikipedia.org/wiki/Hiccup [2018,Nov10]
  2. https://emedicine.medscape.com/article/775746-overview#showall [2018,Nov10]
  3. https://rarediseases.org/rare-diseases/hiccups-chronic/ [2018,Nov10]