โรคลักปิดลักเปิด โรคขาดวิตามิน-ซี (Scurvy)
- โดย ศาสตราจารย์เกียรติคุณ แพทย์หญิง พวงทอง ไกรพิบูลย์
- 20 มกราคม 2562
- Tweet
- บทนำ
- โรคลักปิดลักเปิดเกิดได้อย่างไร? ร่างกายต้องการวิตามิน-ซีวันละเท่าไร? วิตามิน-ซีมีโทษอย่างไร?
- ใครบ้างมีปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดโรคลักปิดลักเปิด?
- โลกลักปิดลักเปิดมีอาการอย่างไร?
- แพทย์วินิจฉัยโรคลักปิดลักเปิดอย่างไร?
- รักษาโรคลักปิดลักเปิดอย่างไร?
- โรคลักปิดลักเปิดรุนแรงไหม? มีผลข้างเคียงอย่างไร?
- ดูแลตนเองอย่างไรเมื่อมีโรคลักปิดลักเปิด? ควรพบแพทย์เมื่อไร?ควรพบแพทย์ก่อนนัดเมื่อไหร่?
- ป้องกันโรคลักปิดลักเปิดอย่างไร?
- บรรณานุกรม
- วิตามิน (Vitamin)
- วิตามินซี (Vitamin C or Ascorbic acid)
- โลหิตจางจากขาดธาตุเหล็ก (Iron deficiency anemia)
- โลหิตจาง เลือดจาง ซีด (Anemia)
- ไตวาย ไตล้มเหลว (Renal failure)
- การล้างไต การบำบัดทดแทนไต (Renal replacement therapy)
- ลำไส้อักเสบเรื้อรัง โรคไอบีดี (Inflammatory bowel disease: IBD)
- นิ่วในไต (Kidney stone)
บทนำ
โรคลักปิดลักเปิด (Scurvy หรือ Vitamin C deficiency) เป็นโรคที่เกิดจากร่างกายขาดวิตามิน-ซี (Vitamin C หรือ Ascorbic acid) โดยอาการสำคัญของโรค คือ เหงือกบวมและเหงือกเลือดออกง่าย ซึ่งผู้ป่วยมักมาพบทันตแพทย์จากแปรงฟันแล้วมีเลือดออกจากเหงือกบ่อย ต่อเนื่อง
ยังไม่มีการศึกษาถึงสถิติการเกิดโรคลักปิดลักเปิดในประชากรทั่วโลก แต่ในสหรัฐ อเมริกาพบโรคนี้ได้ประมาณ 8% ในผู้ชาย และประมาณ 6% ในผู้หญิง ในฝรั่งเศสพบโรคนี้ประ มาณ 12% ในผู้ชาย และ 5% ในผู้หญิง ซึ่งในทุกประเทศดังกล่าว โรคมักเกิดในผู้สูงอายุ
โรคลักปิดลักเปิด พบได้ทั้งในผู้หญิงและในผู้ชายในอัตราส่วนใกล้เคียงกัน และเป็นโรคพบได้ในทุกอายุ แต่พบบ่อยกว่าในเด็กเล็กที่ขาดอาหารเสริมที่เหมาะสมตามอายุ และในผู้สูง อายุที่ขาดผู้ดูแล
โรคลักปิดลักเปิด เกิดจากร่างกายขาด วิตามิน-ซี /วิตามินซี เนื่องจากบริโภคอาหารที่ขาดวิตามิน-ซี แต่ในบางคนอาจเกิดจากมีโรคของลำไส้ ที่ทำให้ลำไส้ดูดซึมวิตามินซีได้น้อยกว่าปกติ เช่น โรคลำไส้อักเสบเรื้อรัง หรือโรคท้องเสียเรื้อรัง เป็นต้น
วิตามิน-ซี เป็นวิตามินที่ร่างกายสร้างขึ้นเองไม่ได้ ร่างกายจึงได้วิตามิน-ซีจากการกินอา หารเท่านั้น โดยวิตามินซีจะถูกดูดซึมในลำไส้เล็ก
ความต้องการ วิตามิน-ซี ของร่างกายขึ้นกับ อายุ เพศ และบางภาวะที่มีผลลดการดูดซึมของวิตามิน-ซี เช่น สูบบุหรี่ และโรคเรื้อรังต่างๆของลำไส้เล็ก ดังได้กล่าวแล้ว
ปริมาณวิตามิน-ซี ที่ควรได้รับในแต่ละวัน (DRI, Dietary reference intakes) ซึ่งแนะนำโดย สถาบันการแพทย์แห่งชาติ สหรัฐอเมริกา IOM ( Food and Nutrition Board, Institute of Medicine, National Academies) ค.ศ. 2011 คือ
อนึ่ง เนื่องจากการได้รับควันบุหรี่ต่อเนื่องที่รวมถึงสูบบุหรี่มือสอง จะส่งผลต่อลำไส้ลดการดูดซึมวิตามิน-ซี แพทย์จึงแนะนำให้ผู้สูบบุหรี่ หรือสูบบุหรี่มือสอง (Second hand smoker, ไม่ได้สูบบุหรี่ แต่ได้รับควันบุหรี่จากสิ่งแวดล้อมต่อเนื่อง) ในทุกอายุ ให้กินวิตามิน-ซี เพิ่มขึ้นอีกวันละ 35 มิลลิกรัมจากตัวเลขที่ได้แนะนำดังกล่าวแล้ว
อาหารที่มีวิตามิน-ซี สูง คือ ผลไม้ โดยเฉพาะที่มีรสเปรี้ยว (เช่น ส้ม มะนาว กีวี สับปะ รด) มะละกอ ฝรั่ง มะม่วง แคนตาลูป เชอรี ผักสีเขียวเข้ม (เช่น ผักโขม บรอกโคลี) มะเขือเทศ กะหล่ำ และพริกหวาน และในอาหารสำเร็จรูปที่เพิ่ม วิตามิน-ซีเสริมอาหาร
อย่างไรก็ตาม วิตามิน-ซี จะเสื่อมคุณภาพจากความร้อน เช่น เมื่อปรุงผักด้วยความร้อนสูง หรือใช้เวลาปรุงนาน มีโอกาสที่วิตามิน-ซีในผักเหล่านั้นจะถูกทำลายได้สูงถึงประมาณ 60%
วิตามิน-ซี เป็นวิตามินที่จำเป็นในการช่วยการทำงานของโปรตีนเพื่อการเจริญเติบโตและซ่อมแซมเซลล์ที่ได้รับความเสียหาย บาดเจ็บ (จึงมีคุณสมบัติเป็นสารต้านอนุมูลอิสระด้วย) โดยเฉพาะ ผิวหนัง ผนังหลอดเลือด กระดูกอ่อน ฟัน เหงือก น้ำไขข้อ และสารคอลลาเจน (Collagen) ที่ร่างกายใช้ในการหล่อลื่น และประสานการบาดเจ็บของเนื้อเยื่อต่างๆ และยังช่วยการดูดซึมธาตุเหล็กของลำไส้ด้วย
ผลจากการขาดวิตามิน-ซี:
เมื่อร่างกายขาดวิตามินซี อาการผิดปกติที่พบได้ เช่น
- เนื้อเยื่อต่างๆของร่างกายจะเกิดการอักเสบได้ง่าย เช่น เหงือกบวม
- หลอดเลือดขนาดเล็กจะแตกง่าย (เลือดออกง่าย)
- ภาวะซีด (จากขาดธาตุเหล็ก/โลหิตจางจากขาดธาตุเหล็ก และจากมีเลือดออกง่าย)
- กระดูกอ่อนเจริญผิดปกติ (โดยเฉพาะวัยเด็ก)
- ฟันเจริญผิดปกติ (โดย เฉพาะวัยเด็ก)
- เหงือกบวม เลือดออกง่ายเมื่อแปรงฟัน
- และผิวหนังเลือดออกง่าย เห็นเป็นจุดแดงๆคล้ายในโรคไข้เลือดออก หรือเป็นจ้ำห้อเลือดได้ง่าย
ผลจากการได้รับวิตามินซีมากเกินไป:
แต่ถ้ากินวิตามิน-ซี มากเกินไป อาจเกิดผลข้างเคียงได้ เช่น
- คลื่นไส้ อาเจียน
- วิงเวียน
- ท้องเสีย
- เป็นปัจจัยเสี่ยงเกิดนิ่วในไต
- และร่างกายอาจมีธาตุเหล็กมากเกินควร ส่งผลให้ธาตุเหล็กไปสะสมตามอวัยวะต่างๆ โดยเฉพาะตับ ส่งผลให้อวัยวะเหล่านั้นเกิดการอักเสบได้ และถ้าให้วิตามิน-ซี ทางหลอดเลือดดำ อาจเกิดไตวายได้ นอกจากนั้น มีรายงานว่า อาจทำให้เกิดโรคหัวใจได้ด้วย
ใครบ้างมีปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดโรคลักปิดลักเปิด?
คนที่มีปัจจัยเสี่ยงต่อการเป็นโรคลักปิดลักเปิด เช่น
- เด็กอายุต่ำกว่า 1 ขวบที่เลี้ยงด้วยนมวัวเพียงอย่างเดียว และผู้สูงอายุที่ขาดคนดู แล
- คนยากจน หรือผู้อพยพ ที่ไม่มีเงินพอจะซื้อผัก ผลไม้ ที่มีวิตามิน-ซีสูง เพราะมักเป็นประเภทมีราคาสูง
- ติดสุรา และ/หรือบุหรี่
- หญิงตั้งครรภ์ และให้นมบุตร
- โรคไตวายที่ต้องล้างไต
- คนที่มีโรคเรื้อรังต่างๆที่เป็นสาเหตุให้ขาดอาหาร เช่น โรคลำไส้อักเสบเรื้อรัง
- คนที่ไม่กิน ผัก และ/หรือ ผลไม้
โลกลักปิดลักเปิดมีอาการอย่างไร?
อาการจากโรคลักปิดลักเปิดที่พบบ่อย คือ
- เหนื่อยง่าย กระสับกระส่าย
- ปวดกล้ามเนื้อโดยเฉพาะกล้ามเนื้อขา
- เหงือกบวม เจ็บ เลือดออกง่ายจากเหงือกโดยเฉพาะเมื่อแปรงฟัน หรือกินของ แข็งๆ
- ถ้ามีเลือดออกในข้อ ข้อจะบวม
- ถ้าเลือดออกในตา ตาจะบวม
- ห้อเลือดง่าย มีผื่น/จุดแดงๆจากเลือดออกตามตัวคล้ายผื่นโรคไข้เลือดออก
- ในเด็กเล็ก ฟัน และกระดูก จะผิดรูปร่าง อาจมีท้องเสียเรื้อรัง ผอมลง และ/หรือน้ำ หนักไม่ขึ้น
แพทย์วินิจฉัยโรคลักปิดลักเปิดอย่างไร?
การวินิจฉัยโรคลักปิดลักเปิด แพทย์มักวินิจฉัยจาก
- *การวินิจฉัยทางคลินิก (ทั้งนี้เพราะการตรวจระดับวิตามิน-ซีในเลือดไม่ได้ช่วยการวินิจฉัย)
- ร่วมกับ การวินิจฉัยแยกโรคจากโรคอื่นๆอื่นๆที่อาการคล้ายคลึงกับโรคลักปิดลักเปิด เช่น
- โรคออโตอิมมูน/โรคภูมิต้านตนเอง
- ร่วมกับ การให้วิตามิน-ซี เสริมอาหาร ซึ่งถ้าอาการผู้ป่วยดีขึ้น ก็จะเป็นการยืนยันว่า เป็นโรคลักปิดลักเปิดจริง
*การวินิจฉัยทางคลินิก คือ วินิจฉัยจากประวัติอาการ, ประวัติการกินอาหาร, โรคประจำตัวต่างๆ, การตรวจร่างกาย, การตรวจเหงือกและฟัน, และในเด็กอาจมีการเอกซเรย์กระดูกเพื่อดูการเจริญเติบโตของกระดูก
รักษาโรคลักปิดลักเปิดอย่างไร?
การรักษาโรคลักปิดลักเปิด คือ การให้กินวิตามิน-ซี เสริมอาหารจนกว่าอาการจะกลับเป็นปกติ ร่วมกับการเพิ่มอาหารประเภทผัก ผลไม้ ที่มีวิตามิน-ซีสูง เพื่อป้องกันไม่ให้กลับเป็นโรคอีก
โรคลักปิดลักเปิดรุนแรงไหม? มีผลข้างเคียงอย่างไร?
โรคลักปิดลักเปิดเป็นโรคไม่รุนแรง รักษาได้หายเสมอ ยกเว้นการเจริญเติบโตผิดรูปของฟันที่จะเกิดขึ้นอย่างถาวร
ผลข้างเคียงจากโรคลักปิดลักเปิด มักเป็นภาวะซีดจากเลือดออกเรื้อรังเมื่อมีการขาด วิตามิน-ซีต่อเนื่อง และ/หรือจากการขาดธาตุเหล็ก เพราะวิตามินซีช่วยลำไส้ในการดูดซึมธาตุเหล็ก (โลหิตจางจากขาดธาตุเหล็ก)
ดูแลตนเองอย่างไรเมื่อมีโรคลักปิดลักเปิด? ควรพบแพทย์เมื่อไร?ควรพบแพทย์ก่อนนัดเมื่อไหร่?
การดูแลตนเอง คือ เมื่อมีอาการดังกล่าวแล้วในหัวข้อ ‘อาการฯ’ ควรรีบพบแพทย์/ไปโรงพยาบาลเสมอ
และเมื่อได้รับการวินิจฉัยว่า เป็นโรคลักปิดลักเปิด การดูแลตนเอง คือ
- กินวิตามิน-ซีเสริมอาหาร ตามแพทย์แนะนำให้ถูกต้องครบถ้วน
- กินอาหารที่มีผักและผลไม้มากๆ
- พบแพทย์/ไปโรงพยาบาลตามนัดเสมอ
- ควรรีบพบแพทย์/ไปโรงพยาบาลก่อนนัด เมื่อ
- อาการต่างๆเลวลง
- หรือมีอาการต่างๆผิดปกติไปจากเดิม เช่น เลือดออกมากขึ้น เป็นต้น
- หรือเมื่อกังวลในอาการ
ป้องกันโรคลักปิดลักเปิดอย่างไร?
สามารถป้องกันโรคลักปิดลักเปิดได้ง่ายๆ โดยกินอาหารที่มีผัก ผลไม้ ให้มากๆ ในทุกมื้ออาหาร รวมทั้งเป็นอาหารว่าง
ส่วนการกินวิตามิน-ซี เสริมอาหารโดยเฉพาะวิตามิน-ซี ปริมาณสูงตั้งแต่ 500 มิลลิกรัมต่อวันขึ้นไป ควรปรึกษาแพทย์ พยาบาล หรือเภสัชกร ก่อนเสมอ เนื่องจากอาจเกิดผลข้างเคียงได้ดังกล่าวแล้วใน ‘ หัวข้อ โรคลักปิดลักเปิดเกิดได้อย่างไรฯ ’
บรรณานุกรม
- Braunwald, E., Fauci, A., Kasper, L., Hauser, S., Longo, D., and Jameson, J. (2001). Harrison’s principles of internal medicine (15th ed.). New York: McGraw-Hill.
- https://www.ncbi.nlm.nih.gov/books/NBK56068/table/summarytables.t2/?report=objectonly [2018,Dec29]
- http://en.wikipedia.org/wiki/Scurvy [2018,Dec29]
- http://emedicine.medscape.com/article/125350-overview#showall [2018,Dec29]
- http://emedicine.medscape.com/article/125350-workup [2018,Dec29]
- https://ods.od.nih.gov/factsheets/VitaminC-HealthProfessional/ [2018,Dec29]
- http://en.wikipedia.org/wiki/Vitamin_C [2018,Dec29]
- https://www.betterhealth.vic.gov.au/health/healthyliving/scurvy [2018,Dec29]