ปัสสาวะปนเลือด (Hematuria)
- โดย ศาสตราจารย์เกียรติคุณ แพทย์หญิง พวงทอง ไกรพิบูลย์
- 21 กุมภาพันธ์ 2564
- Tweet
- ปัสสาวะ การตรวจปัสสาวะ (Urinalysis)
- โรคเลือด (Blood Diseases)
- ยารักษาโรค (Pharmaceutical drug)
- โรคติดเชื้อระบบทางเดินปัสสาวะ (Urinary tract infection)
- นิ่วในไต (Kidney stone)
- นิ่วในกระเพาะปัสสาวะ (Vesical calculi)
- นิ่วในท่อไต (Ureteric stone)
- มะเร็งไต (Kidney cancer)
- มะเร็งกระเพาะปัสสาวะ (Urinary bladder cancer)
- ไตอักเสบ (Nephritis)
ปัสสาวะปนเลือด หรือ ปัสสาวะเป็นเลือด (Blood in urine หรือ Hematuria) เป็นอาการที่เมื่อถ่ายปัสสาวะจะพบมีเลือดปนในปัสสาวะ ซึ่งเห็นได้ด้วยตาเปล่าชัดเจน แต่ทั้งนี้ไม่นับรวมกับเมื่อมีเลือดออกในอวัยวะเพศภายนอกและปนเปื้อนในปัสสาวะเช่น อวัยวะเพศมีแผล หรือการมีประจำเดือน (ในผู้หญิง) ดังนั้น อาการปัสสาวะปนเลือด/ปัสสาวะเป็นเลือดจึงเป็นอาการขั้นรุนแรงของการมีเม็ดเลือดแดงในปัสสาวะ
สาเหตุปัสสาวะปนเลือด/ปัสสาวะเป็นเลือด เกิดได้จากโรคต่างๆของอวัยวะในระบบทางเดินปัสสาวะ (ไต, ท่อไต, กระเพาะปัสสาวะ, และท่อปัสสาวะ) เช่น
- ไตอักเสบ
- กระเพาะปัสสาวะอักเสบ
- นิ่วในไต
- นิ่วในกระเพาะปัสสาวะ
- ต่อมลูกหมากอักเสบติดเชื้อ
- อุบัติเหตุต่ออวัยวะในระบบทางเดินปัสสาวะ
- การออกกำลังกายมากเกินเหตุ (ยังไม่สามารถอธิบายได้ว่า ทำไมการออกกำลังกายหักโหมจึงอาจเป็นสาเหตุให้ปัสสาวะเป็นเลือดได้)
- โรคเลือดบางชนิดที่ส่งผลให้เกิดเกล็ดเลือดต่ำ (เกล็ดเลือดช่วยในการแข็งตัวของเลือด เมื่อเกล็ดเลือดต่ำจึงมีโอกาสเลือดออกได้ง่ายในทุกอวัยวะ)
- ผลข้างเคียงจากยาบางชนิดเช่น ยาแก้ปวดในกลุ่มเอ็นเสดส์ (NSAIDs) หรือยาต้านการแข็งตัวของเลือด
- โรคมะเร็งในระบบทางเดินปัสสาวะเช่น โรคมะเร็งไต, โรคมะเร็งกระเพาะปัสสาวะ
ทั้งนี้ เมื่อมีปัสสาวะปนเลือดควรรีบพบแพทย์/ไปโรงพยาบาลเสมอเพื่อการวินิจฉัยหาสา เหตุเพื่อการรักษาแต่เนิ่นๆ
อนึ่ง ปัสสาวะปนเลือดอาจเกิดขึ้นเพียงเล็กน้อยโดยไม่ก่อให้สีของปัสสาวะเปลี่ยนเป็นสีแดงให้เห็นชัดเจน แต่เมื่อปัสสาวะเป็นเลือดเห็นชัดเจนโรคจึงอาจเป็นมากแล้ว ดังนั้นในการตรวจสุขภาพประจำปีจึงควรมีการตรวจปัสสาวะด้วยทุกครั้งถึงแม้ไม่มีอาการผิดปกติใดๆทางปัสสาวะ เพื่อเป็นการคัดกรองโรคในระบบทางเดินปัสสาวะตั้งแต่ยังไม่มีอาการหรือมีอาการเพียงเล็กน้อย ซึ่งเมื่อได้รับการรักษาโอกาสรักษาควบคุมโรคได้จึงสูงขึ้น