logo

คำถามจาก วิกิยา

Home / FAQ ยา/ ยาแก้หวัด

คำถามเกี่ยวกับยา

โดย วันทนีย์ โลหะประกิตกุล

เรื่อง : ยาแก้หวัด

  1. ยาลดน้ำมูก: ใช้บรรเทาอาการน้ำมูกไหลจากโรคหวัด
  2. ยาแก้คัดจมูก: เป็นยาที่ออกฤทธิ์ลดอาการบวมของเยื่อเมือกในโพรงจมูก จึงสามารถบรรเทาอาการคัดจมูกในโรคหวัดได้
  3. ยาแก้ไอ:
    • ยากดอาการไอ: ใช้บรรเทาอาการไอที่ไม่มีเสมหะหรือไอแห้ง โดยออกฤทธิ์กดระบบประสาทส่วนที่ทำให้เกิดอาการไอ
    • ยาละลายเสมหะและยาขับเสมหะ: ใช้บรรเทาอาการไอแบบมีเสมหะ โดยช่วยให้ความเหนียวของเสมหะลดลง ทำให้ร่างกายสามารถขับเสมหะออกได้ง่ายขึ้น
  4. ยาลดไข้และบรรเทาปวด: ใช้บรรเทาอาการไข้หรือตัวร้อนและบรรเทาอาการปวด เช่น ปวดศีรษะหรือปวดเมื่อยตามเนื้อตัว นอกจากนี้ยากลุ่ม NSAIDs ยังมีฤทธิ์บรรเทาอาการอักเสบได้ เช่น บรรเทาอาการคออักเสบหรือเจ็บคอ
  1. ห้ามใช้ยาลดน้ำมูก ในผู้ป่วยโรคหืดที่มีอาการกำเริบ โรคต้อหินชนิดมุมปิด โรคต่อมลูกหมากโต โรคความดันโลหิตสูง กระเพาะปัสสาวะอุดกั้น/ปัสสาวะขัด และโรคหลอดเลือดหัวใจ และระวังการใช้ยาลดน้ำมูกร่วมกับยากล่อมประสาท/ยาคลายเครียด ยานอนหลับ เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เพราะจะยิ่งทำให้เกิดอาการง่วงซึมได้มากขึ้น โดยเฉพาะในผู้ที่ขับขี่ยานพาหนะ ทำงานเกี่ยวกับเครื่องจักรกล หรือทำงานที่เสี่ยงต่อการพลัดตกจากที่สูง เพราะจะเกิดอุบัติเหตุได้ง่าย
  2. ห้ามใช้ยาแก้คัดจมูก ในผู้ป่วยที่มีภาวะอัมพาต โรคความดันโลหิตสูงขั้นรุนแรง โรคลมชัก และห้ามใช้ยาแก้คัดจมูกชนิดยาพ่นจมูก หรือชนิดยาหยอดจมูกติดต่อกันนานเกิน 5 วัน เพราะอาจทำให้เกิดอาการคัดแน่นจมูกมากขึ้นหลังจากหยุดยา นอกจากนี้ให้ระวังการใช้ยาแก้คัดจมูกในผู้ป่วยที่มีโรคความดันโลหิตสูง โรคเบาหวาน โรคต้อหินชนิดมุมปิด โรคหัวใจ โรคจิต โรคต่อมลูกหมากโต โรคต่อมไทรอยด์เป็นพิษ โรคไซนัสอักเสบ
  3. ห้ามใช้ยาแก้ไอ ในผู้ป่วยที่ระบบหายใจทำงานผิดปกติ และผู้ป่วยที่ได้รับยาที่มีผลต่อการทำงานของระบบประสาท เช่น ยากันชัก และต้องใช้ยาให้ถูกต้องตามลักษณะของอาการไอ เช่น กรณีใช้ยากดอาการไอในอาการไอแบบมีเสมหะ อาจทำให้ผู้ป่วยไม่สามารถขับเสมหะออกได้ ส่งผลให้มีเสมหะอุดกั้นบริเวณทางเดินหายใจจนอาจเกิดภาวะหายใจลำบาก
  4. ระวังการใช้ยา Paracetamol ในผู้ที่มีการทำงานของตับ หรือของไตผิดปกติ และผู้ที่เสพติดการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และห้ามใช้ยากลุ่ม NSAIDs ในผู้ที่มีแผลทะลุในระบบทางเดินอาหาร หรือมีเลือดออกระบบทางเดินอาหาร เป็นโรคตับ โรคไต อย่างรุนแรง โรคไข้เลือดออก
  1. ยาลดน้ำมูก: ทำให้เกิดอาการ ง่วงซึม ปากแห้ง คอแห้ง ตาพร่า รู้สึกไม่สบายท้อง ท้องผูก ปัสสาวะไม่ออก/ปัสสาวะขัด นํ้าหนักตัวเพิ่ม
  2. ยาแก้คัดจมูก: ทำให้เกิดอาการหัวใจเต้นเร็ว/ใจสั่น ความดันโลหิตสูง ปวดศีรษะ กระสับกระส่าย วิตกกังวล มือสั่น นอนไม่หลับ ปัสสาวะไม่ออก
  3. ยาแก้ไอ: ทำให้เกิดอาการไม่สบายท้อง คลื่นไส้ อาเจียน ปวดศีรษะ มึนงง สับสน
  4. Paracetamol: ทำให้เกิดความเป็นพิษต่อตับ (Hepatotoxicity)/ตับอักเสบ ส่วนยากลุ่ม NSIADs: ทำให้เกิดอาการปวดท้อง คลื่นไส้ อาเจียน แน่นท้อง ท้องเสีย เกิดแผลและเลือดออกในทางเดินอาหาร เลือดออกง่ายและหยุดช้า ไตวาย