logo

คำถามจาก วิกิยา

Home / FAQ ยา/ ยาขับปัสสาวะ

คำถามเกี่ยวกับยา

โดย วันทนีย์ โลหะประกิตกุล

เรื่อง : ยาขับปัสสาวะ

คือ ยาที่มีผลเพิ่มการขับน้ำและเกลือแร่ออกจากร่างกายโดยการเพิ่มปริมาตรของปัสสาวะ ยาจะออกฤทธิ์โดยตรงที่ไต มีผลทำให้ยับยั้งการดูดซึมกลับของน้ำและเกลือแร่จากท่อไต ซึ่งส่งผลให้น้ำและเกลือแร่ถูกขับออกจากร่างกายทางปัสสาวะมากขึ้น

ใช้ในการช่วยรักษาและป้องกันภาวะคั่งของน้ำ และลดอาการบวมน้ำที่เกิดจากสาเหตุต่างๆ เช่น ภาวะความดันโลหิตสูง (Hypertension) ภาวะหัวใจวาย (Congestive Heart Failure) ภาวะน้ำท่วมปอดเฉียบพลัน (Acute Pulmonary Edema) เป็นต้น นอกจากนี้ยาขับปัสสาวะยังใช้ประโยชน์อื่นๆ อีก เช่น

  • ลดความดันในลูกตา (ในโรคต้อหิน) หรือ ในสมอง (ภาวะความดันในกะโหลกศีรษะสูง)
  • เพิ่มปริมาตรปัสสาวะโดยตรง เช่น ในภาวะไตวาย
  • ขับสารพิษออกทางปัสสาวะ
  • ยานี้ต้องมีแพทย์เป็นผู้สั่งใช้ยาเท่านั้น ถ้าแพทย์ให้กินวันละครั้งควรกินตอนเช้า ถ้าแพทย์ให้กินวันละสองครั้ง ควรกินตอนเช้าและตอนบ่าย ไม่ควรกินตอนเย็นหรือก่อนนอน เพราะจะทำให้ปวดปัสสาวะตอนกลางคืน ทำให้รบกวนการนอนหลับได้ (ยาขับปัสสาวะที่ใช้กันทั่วไปมักออกฤทธิ์นานตั้งแต่ 3 ชั่วโมงขึ้นไป บางชนิดออกฤทธิ์นานเกิน 12 ชั่วโมง)
  • ควรไปพบแพทย์ตามนัดเพื่อวัดความดันโลหิตอย่างสม่ำเสมอ และควรเจาะเลือดตรวจเป็นครั้งคราวเพื่อตรวจสภาพของไตและตับว่าเป็นปกติหรือไม่
  • ผู้ป่วยไม่ควรหยุดกินยาขับปัสสาวะเองโดยไม่ได้ปรึกษาแพทย์ และต้องมียาเตรียมไว้เพียงพอแก่การใช้เสมอเวลาเดินทางหรือไปพักผ่อน
  • ควรกินอาหารที่ไม่เค็ม กินอาหารที่มีโซเดียมต่ำ ไม่ควรกินอาหารที่ใส่ผงฟู เช่น ขนมกรุบกรอบ ขนมปังโดยทั่วไป
  • ควรกินผักผลไม้สดให้มากขึ้น โดยเฉพาะผลไม้หรือน้ำผลไม้ที่มีโพแทสเซียมสูง เช่น กล้วย ส้ม แตงโม เป็นต้น เพราะยาขับปัสสาวะจะขับเกลือโพแทสเซียมออกจากร่างกายเพิ่มขึ้น ร่างกายจึงอาจขาดโพแทสเซียมได้
  • ปวดปัสสาวะบ่อย
  • ถ้าสูญเสียโพแทสเซียมไปในปัสสาวะมาก จะมีอาการกล้ามเนื้ออ่อนแรง ตะคริว กระหายน้ำ ให้กินอาหาร/น้ำดื่มที่ชดเชยโพแทสเซียมตามแพทย์สั่ง หรือดื่มน้ำผลไม้เช่นที่กล่าวข้างต้น
  • ควรเปลี่ยนอิริยาบถ เช่น ลุกนั่งหรือลุกยืนอย่างช้าๆ เพื่อป้องกันอาการวิงเวียนหน้ามืดจากการมีความดันโลหิตต่ำลงจากการเปลี่ยนท่าทางอย่างรวดเร็ว
  • ถ้าผู้ป่วยกินยาขับปัสสาวะแล้วมีอาการ เจ็บคอ ตาพร่า ปวดศีรษะ ผื่นขึ้น หรือเป็นจ้ำเลือดตามผิวหนัง หรืออาการผิดปกติต่างๆ ควรติดต่อแพทย์โดยเร็ว เพราะอาจเกิดการแพ้ยา หรือมีปฏิกิริยาระหว่างยาขับน้ำกับยาอื่นที่ใช้ร่วมอยู่ด้วย