คำถามเกี่ยวกับยา
โดย วันทนีย์ โลหะประกิตกุล
เรื่อง : โพรพราโนลอล (Propranolol)
ยาโพรพราโนลอล (Propranolol) ถูกนำมาใช้รักษาโรคความดันโลหิตสูง รักษาอาการวิตกกังวล ภาวะหัวใจขาดเลือด (โรคกล้ามเนื้อหัวใจตาย) ไมเกรน และอื่นๆ ยาโพรพราโนลอลจัดอยู่ในกลุ่มยาอันตราย ต้องเป็นไปตามดุลพินิจของแพทย์ผู้รักษาเท่านั้น ยาโพรพราโนลอลมีสรรพคุณ เช่น
- ใช้รักษาความดันโลหิตสูง ภาวะเจ็บหน้าอกเนื่องจากการขาดเลือด ภาวะหัวใจเต้นเร็วผิดจังหวะ
- ช่วยควบคุมอาการสั่นหรือภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะอันมีสาเหตุจากโรควิตกกังวล โรคไทรอยด์ฮอร์โมนสูง (โรคต่อมไทรอยด์เป็นพิษ)
- รักษาโรคหัวใจที่มีกล้ามเนื้อหัวใจหนา
- ป้องกันโรคไมเกรน
- รู้สึกเย็นตามแขนขา
- นอนไม่หลับ
- อ่อนเพลีย
- วิงเวียน
- คลื่นไส้อาเจียน
- ท้องผูก
- รู้สึกไม่สบายในกระเพาะอาหาร
- รู้สึกหงุดหงิด
- สับสน
- ซึมเศร้า
- จิตหลอน/ประสาทหลอน
- อาจพบอาการข้างเคียงที่รุนแรงได้ เช่น หัวใจล้มเหลว หัวใจหยุดเต้น และหลอดลมหดเกร็งตัวทำให้หายใจลำบาก
- ห้ามใช้ยานี้กับผู้ป่วยที่ภาวะหัวใจเต้นช้า (Sinus brady cardia) ผู้ป่วยที่อยู่ในภาวะช็อกด้วยอาการโรคหัวใจกำเริบ ผู้ป่วยโรคถุงลมโป่งพอง
- ห้ามใช้ยานี้กับผู้ป่วยที่อยู่ในภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ ผู้ที่อยู่ในภาวะมีเลือดออกอย่างรุนแรง ผู้ที่มีภาวะความเป็นกรดในร่างกายสูง ผู้ป่วยด้วยหลอดเลือดแดงในระยะรุนแรง และผู้ป่วยที่มีภาวะหัวใจเต้นผิดปกติระดับรุนแรง (2nd or 3rd degree heart block)
- ห้ามใช้ยากับหญิงตั้งครรภ์ในไตรมาสที่ 2 และ 3
- ระวังการใช้ยากับผู้ป่วยที่มีประวัติภาวะหัวใจล้มเหลว ผู้ป่วยที่มีโรคเกี่ยวกับหลอดเลือดดำ ผู้ป่วยโรคเบาหวาน ผู้ป่วยที่มีภาวะตับ-ไตทำงานผิดปกติ
- ยาโพรพราโนลอลสามารถเพิ่มความเสี่ยงของอาการหัวใจเต้นช้า และมีภาวะความดันโลหิตต่ำ
- สำหรับผู้ป่วยสูงอายุ แนะนำให้ใช้ยาโพรพราโนลอลในรูปแบบที่ออกฤทธิ์นาน (Sustained -release preparations) ด้วยตัวยาจะค่อยๆ ออกฤทธิ์เหมาะต่อร่างกายของผู้สูงอายุ อีกทั้งช่วยป้องกันการลืมรับประทานยาในมื้อถัดไป
- การใช้ร่วมกับเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ สามารถก่อให้เกิดภาวะความดันโลหิตต่ำ โดยอาจพบอาการปวดศีรษะ วิงเวียน เป็นลม ชีพจรเต้นผิดปกติ ดังนั้นห้ามรับประทานร่วมกับเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์
- การใช้ร่วมกับกลุ่มยาวิตามินผสมแร่ธาตุบำรุงร่างกาย อาจทำให้ฤทธิ์ในการรักษาของโพรพราโนลอลด้อยประสิทธิภาพลงไป หากมีความจำเป็นต้องใช้ยาร่วมกัน ควรปรับเวลาในการรับประทานให้ห่างกันอย่างน้อย 2 ชั่วโมงขึ้นไป
- การใช้ร่วมกับอาหาร จะทำให้การดูดซึมยาโพรพราโนลอลเข้าสู่ร่างกายดีขึ้นและส่งผลต่อการออกฤทธิ์ในการรักษา และควรรับประทานยาในเวลาเดียวกันในแต่ละวัน
- การใช้ร่วมกับยาขยายหลอดลม เช่น Aminophylline จะส่งผลให้ฤทธิ์ในการรักษาของโพรพราโนลอลด้อยลงไป อีกทั้งทำให้ฤทธิ์ของ Aminophylline เพิ่มมากขึ้น โดยพบอาการ เช่น คลื่นไส้ อาเจียน นอนไม่หลับ สั่น ชีพจรเต้นผิดจังหวะ เป็นต้น
- การใช้ร่วมกับยารักษาโรคติดเชื้อเอชไอวี เช่น Atazanavir อาจเพิ่มความเสี่ยงที่ผู้ป่วยจะมีอาการหัวใจเต้นผิดจังหวะ วิงเวียน เป็นลม
- การใช้ร่วมกับยาลดความดันโลหิต เช่น Verapamil อาจทำให้ผู้ป่วยได้รับผลข้างเคียงของยามากยิ่งขึ้น เช่น มีอาการอ่อนแรง ปวดศีรษะ เป็นลม บวม น้ำหนักเพิ่ม หายใจติดขัด/หายใจลำบาก เจ็บหน้าอก ชีพจรเต้นผิดจังหวะ