คำถามเกี่ยวกับยา
โดย วันทนีย์ โลหะประกิตกุล
เรื่อง : สไปโรโนแลคโตน (Spironolactone)
- ลดอาการบวมน้ำของร่างกาย
- รักษาโรคความดันโลหิตสูง
- รักษาภาวะหัวใจล้มเหลวขั้นรุนแรง
- รักษาภาวะบวมน้ำจากโรคตับอักเสบ
- เป็นยาขับปัสสาวะสำหรับผู้ที่มีระดับโพแทสเซียมในร่างกายต่ำ
- รักษาภาวะขนดกเกิน
- ต้านฤทธิ์ฮอร์โมนแอลโดสเตอโรน (Aldosterone, ฮอร์โมนในกลุ่มฮอร์โมน Mineralo corticoid ที่สร้างจากต่อมหมวกไต มีหน้าที่ควบคุมสมดุลของน้ำและเกลือแร่ในร่างกาย)
- เสียสมดุลของน้ำและเกลือแร่ (Electrolyte) ของร่างกาย
- มีภาวะเต้านมโต
- ง่วงนอน
- ปวดหัว
- ระคายเคืองในระบบทางเดินอาหาร
- มีภาวะเกลือโซเดียมในเลือดต่ำ (อาการ เช่น วิงเวียน หน้ามืด ความดันโลหิตต่ำ)
- หัวใจเต้นผิดจังหวะ
- ความดันโลหิตต่ำ
- มีภาวะเกลือโพแทสเซียมในเลือดสูง (อาการเช่น อ่อนเพลีย กล้ามเนื้ออ่อนแรง)
- อ่อนเพลีย
- สับสน
- ประจำเดือนผิดปกติ
- มีภาวะขนดก
มีข้อควรระวังการใช้ยาสไปโรโนแลคโตนอย่างไร?
- ห้ามใช้ยานี้กับผู้ที่มีปัญหาการขับถ่ายปัสสาวะ เช่น ปัสสาวะไม่ออกหรือมีปัสสาวะน้อยเกินไป
- ห้ามใช้ยานี้กับผู้ที่มีภาวะไตวายเฉียบพลันหรือไตวายเข้าขั้นลุกลาม
- ห้ามใช้ยานี้กับผู้ป่วยโรคแอดดิสัน / Addison disease (โรคชนิดหนึ่งของต่อมหมวกไตที่ส่งผลให้ต่อมหมวกไตสร้างฮอร์โมนได้ต่ำกว่าปกติ)
- ระวังการใช้ยานี้กับผู้มีแนวโน้มป่วยด้วยภาวะเกลือโพแทสเซียมในเลือดสูงเกินมาตรฐาน หรือผู้ที่มีสภาวะกรดในร่างกายสูง/ภาวะเลือดเป็นกรด
- ระวังการใช้ยานี้ในผู้สูงอายุ หญิงตั้งครรภ์ หญิงให้นมบุตร และผู้ป่วยเบาหวาน
- ระวังการใช้ยานี้กับผู้ที่มีภาวะตับไตทำงานผิดปกติ
- การรับประทานยาสไปโรโนแลคโตนร่วมกับยาแก้ปวด เช่นยา Aspirin สามารถทำให้ฤทธิ์การขับเกลือโซเดียมออกจากร่างกายลดลง และส่งผลให้เกิดความดันโลหิตสูงตามมา
- การรับประทานยาสไปโรโนแลคโตนร่วมกับยากลุ่มเอ็นเสด (NSAIDs) ทำให้เกิดความเป็นพิษกับไต จึงควรหลีกเลี่ยงการใช้ยาร่วมกัน
- การรับประทานยาสไปโรโนแลคโตนร่วมกับยาหรืออาหารเสริมที่มีเกลือโพแทสเซียมเป็นองค์ประกอบหลัก อาจทำให้เกิดภาวะเกลือโพแทสเซียมเกินในร่างกาย/โพแทสเซียมในเลือดสูง