ซีไอเอ็น: ระยะก่อนมะเร็งปากมดลูก (CIN: Cervical of intraepithelial neoplasia)
- โดย ศาสตราจารย์เกียรติคุณ แพทย์หญิง พวงทอง ไกรพิบูลย์
- 19 ธันวาคม 2564
- Tweet
สารบัญ
- บทนำ: คือโรคอะไร? พบบ่อยไหม?
- ซีไอเอ็นมีกี่ระดับความรุนแรง?
- ซีไอเอ็นมีสาเหตุจากอะไร?
- ใครมีปัจจัยเสี่ยงเกิดซีไอเอ็น?
- ซีไอเอ็นมีอาการอย่างไร?
- เมื่อไหร่ควรพบแพทย์?
- แพทย์วินิจฉัยซีไอเอ็นได้อย่างไร?
- รักษาซีไอเอ็นอย่างไร?
- ซีไอเอ็นมีการพยากรณ์โรคอย่างไร?
- ดูแลตนเองอย่างไร?ควรพบแพทย์ก่อนนัดเมื่อไหร่?
- ป้องกันซีไอเอ็นได้อย่างไร?
- บรรณานุกรม
บทความที่เกี่ยวข้อง
- วัคซีนมะเร็งปากมดลูก หรือ วัคซีนเอชพีวี (HPV vaccine)
- การตรวจคัดกรองโรคมะเร็ง (Cancer screening)
- มะเร็งปากมดลูก (Cervical cancer)
- การติดเชื้อเอชพีวีอวัยวะเพศหญิง (Gential HPV in women)
- เอชพีวี โรคติดเชื้อเอชพีวี (HPV infection)
- การตรวจภายใน (Per vaginal examination)
- แป๊บสเมียร์: การตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูก (Pap- smear หรือ Pap test)
- มะเร็งระยะศูนย์ (Stage 0 cancer)
- การส่องกล้องปากมดลูกด้วยคอลโปสโคป (Colposcopy)
บทนำ คือโรคอะไร? พบบ่อยไหม?
ซีไอเอ็น/ระยะก่อนมะเร็งปากมดลูก(CIN:Cervical of intraepithelial neoplasia) คือโรค/ภาวะที่เซลล์ปากมดลูกเจริญผิดปกติแต่ยังไม่ใช่มะเร็ง’ ซึ่งถ้ายังเจริญผิดปกติแบบนี้ไปเรื่อยๆต่อเนื่องนานหลายๆปี เซลล์เหล่านี้สามารถพัฒนาไปเป็นมะเร็งปากมดลูกได้(โดยเฉพาะ’มะเร็งระยะศุนย์’) ทั่วไปถ้าไม่มีภาวะปากมดลูกอักเสบร่วมด้วย โรคนี้จะไม่ก่ออาการ โรคนี้พบได้ในสตรีทุกวัยแต่มักพบสูงในวัยเจริญพันธ์ช่วงอายุ20-35ปี สาเหตุพบบ่อยเกือบทั้งหมดของผู้ป่วยคือการติดเชื้อเอชพีวีอวัยวะเพศหญิงจากเพศสัมพันธ์
สถิติเกิดซีไอเอ็น/ระยะก่อนมะเร็งปากมดลูก ยังไม่มีรายงานที่แน่ชัด ทั่วไปมักรายงานเป็นสถิติของมะเร็งปากมดลูก แต่ในสหรัฐอเมริการายงานจากสตรีที่ได้รับการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูก พบโรค/ภาวะซีไอเอ็นได้ 4%-5%
อนึ่ง:ชื่ออื่นที่มักใช้เป็นทางการของ ‘ซีไอเอ็น’ คือ ‘Squamous intraepithelial lesions’ ย่อว่า ‘เอสไอแอล/SIL’
ซีไอเอ็นมีกี่ระดับความรุนแรง?
ความรุนแรงของซีไอเอ็น/เอสไอแอล/ระยะก่อนมะเร็งปากมดลูก จะแบ่งตามลักษณะทางพยาธิวิทยา(ลักษณะเซลล์ที่เปลี่ยนแปลง)ว่ามีการเปลี่ยนแปลงผิดปกติน้อยหรือมาก เป็น4 ระดับ(Grade)นับจากความรุนแรงน้อยไปหามาก ดังนี้
- กรณีผลตรวจชิ้นเนื้อปากมดลูกรายงานโดยใช้ชื่อ’ซีไอเอ็น’: แบ่งความรุนแรงเป็น4ระดับ ได้แก่
- ซีไอเอ็น1(CIN1):เซลล์ปากมดลูกมีความผิดปกติระดับต่ำ เซลล์ฯที่เปลี่ยนแปลงมักหายกลับเป็นปกติในระยะเวลาไม่เกิน 2 ปี(ประมาณ60%เซลล์ฯจะกลับเป็นปกติใน1ปี) โอกาสเปลี่ยนเป็นมะเร็งปากมดลูกน้อยมาก และโรคกลุ่มนี้ใช้การตรวจติดตามโรคเป็นระยะๆโดยไม่จำเป็นต้องรักษา แต่ถ้าหลัง2ปีรอยโรคยังอยู่ หรือระหว่างการตรวจติดตามพบเซลล์ฯผิดปกติรุนแรงขึ้นจึงจะให้การรักษา
- ซีไอเอ็น2(CIN2): เซลล์ปากมดลูกมีความผิดปกติระดับปานกลาง
- ซีไอเอ็น2/3(CIN2/3):เซลล์ปากมดลูกมีความผิดปกติผสมร่วมกันระหว่างผิดปกติต่ำ และ ผิดปกติสูง
- ซีไอเอ็น3(CIN3):เซลล์ปากมดลูกมีความผิดปกติสูงซึ่งจัดเป็นมะเร็งปากมดลูกระยะศูนย์(มะเร็งระยะศูนย์ อีกชื่อคือ Carcinoma in situ ย่อว่า ซีไอเอส/CIS)
***อนึ่ง: ซีไอเอ็นตั้งแต่ระดับ2ขึ้นไป เป็นระดับที่ต้องมีการรักษา เพราะจะไม่หายได้เอง และมีโอกาสเปลี่ยนเป็นมะเร็งปากมดลูกสูง
- กรณีผลตรวจชิ้นเนื้อปากมดลูกรายงานในชื่อ‘เอสไอแอล’: แบ่งความรุนแรงเป็น 2 ระดับ ได้แก่
- ระดับเซลล์ปากมดลูกมีความผิดปกติต่ำ(Low-grade squamous intraepithelial lesion ย่อว่า ‘แอลเอสไอแอล/LSIL’) ซึ่งตรงกับ ซีไอเอ็น1
- ระดับเซลล์ปากมดลูกมีความผิดปกติสูง(High-grade squamous intraepithelial lesion ย่อว่า ‘เอชเอสไอแอล/HSIL’)ซึ่งตรงกับ ซีไอเอ็น2, 2/3, และ3
ซีไอเอ็นมีสาเหตุจากอะไร?
สาเหตุเกิดซีไอเอ็น/ระยะก่อนมะเร็งปากมดลูก/เอสไอแอล:
- เกือบทั้งหมดเกิดจากปากมดลูกติดเชื้อไวรัสเอชพีวีจึงจัดเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ โดยติดเชื้อผ่านทางช่องคลอดที่รวมถึงอวัยวะเพศภายนอก (อ่านเพิ่มเติมในเว็บ com เรื่อง การติดเชื้อเอชพีวีอวัยวะเพศหญิง)
- ส่วนน้อยมาก เกิดจากสาเหตุอื่นๆที่ทำให้เซลล์ปากมดลูกอักเสบเรื้อรัง
อนึ่ง: เชื้อเอชพีวี มีสายพันธ์ย่อยหลากหลายสายพันธ์ที่มีความรุนแรงในการติดเชื้อต่างๆกัน สายพันธ์ที่ก่อมะเร็งปากมดลูกสูงสุดคือ HPV16 ที่เป็นสาเหตุมะเร็งปากมดลูกสูงถึง55%-60%ของมะเร็งปากมดลูกทั้งหมด รองลงมาคือสายพันธ์ HPV18 ที่เป็นสาเหตุประมาณ 10%-15%
ใครมีปัจจัยเสี่ยงเกิดซีไอเอ็น?
ผู้มีปัจจัยเสี่ยงเกิดซีไอเอ็น/ระยะก่อนมะเร็งปากมดลูก/เอสไอแอล ได้แก่
- ปัจจัยเสี่ยงเกิดซีไอเอ็น/ระยะก่อนมะเร็งปากมดลูก/เอสไอแอลทุกระดับความรุนแรง ได้แก่
- ผู้มีภูมิคุ้มกันต้านทานโรคต่ำ/ผิดปกติ เช่น ติดเชื้อเอชไอวี, โรคเอดส์ ซึ่งผู้ป่วยกลุ่มนี้ร่างกายจะมีขีดความสามารถกำจัดเชื้อเอชพีวีออกจากร่างกายได้ต่ำ ผู้ป่วยจึงติดเชื้อเอชพีวีเรื้อรังที่เป็นปัจจัยหลักให้เซลล์ปากมดลูกกลายพันธ์ได้ง่าย
- ภาวะทุพโภชนา เพราะเป็นภาวะที่ทำให้ร่างกายมีภูมิคุ้มกันฯต่ำ
- ปากมดลูกติดเชื้อเอชพีวีสายพันธ์ย่อยรุนแรงที่ก่อมะเร็งปากมดลูกได้สูง คือ สายพันธ์ 16, และ 18, และอื่นๆ เช่น 31, 33, 45, 52, 58
- สูบบุหรี่ เพราะสารพิษในควันบุหรี่มีผลกดภูมิคุ้มกันฯของร่างกาย และยังทำลายเซลล์ต่างๆโดยตรงที่รวมถึงเซลล์ปากมดลูก
- ส่ำส่อนทางเพศ: จากมีโอกาสติดเชื้อเอชพีวีสูงเพราะเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์
- ไม่สวมถุงยางอนามัยชายเมื่อมีเพศสัมพันธ์
- อายุ: เนื่องจากเอชพีวีเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ดังนั้นสตรีที่อยู่ในวัยเจริญพันธ์สูงคือช่วงอายุต่ำกว่า40ปีจึงมีโอกาสติดเชื้อเอชพีวีสูงกว่าวัยอื่น
- ปัจจัยเสี่ยงเกิดซีไอเอ็น/ระยะก่อนมะเร็งปากมดลูก/เอสไอแอลระดับความรุนแรงสูง(ซีไอเอ็น3/มะเร็งระยะศูนย์) ได้แก่
- คลอดบุตรคนแรกอายุก่อน 17 ปี
- สตรีที่มีบุตรแล้ว โดยเฉพาะมากกว่า 1 คนขึ้นไป
ซีไอเอ็นมีอาการอย่างไร?
ซีไอเอ็น/ระยะก่อนมะเร็งปากมดลูก/เอสไอแอล เป็นโรค/ภาวะไม่ก่อให้เกิดอาการใดๆ มักตรวจพบจากการตรวจภายในจากการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูก
แต่เมื่อมีปากมดลูกอักเสบร่วมด้วย หรือกลายเป็นมะเร็งฯจะก่ออาการเช่นเดียวกับปากมดลูกอักเสบ และ/หรือมะเร็งปากมดลูก เช่น ตกขาว, คันช่องคลอด, ฯลฯ(แนะนำอ่านเพิ่มเติมเรื่อง ปากมดลูกอักเสบ, มะเร็งปากมดลูก ได้จากเว็บ haamor.com)
เมื่อไหร่ควรพบแพทย์?
สตรีทุกคนเริ่มตั้งแต่วัยมีประจำเดือน ควรพบสูตินรีแพทย์เพื่อตรวจสุขภาพดูแลอวัยวะเพศ/ระบบอวัยวะสืบพันธ์ ที่รวมถึงตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกเป็นประจำทุกปี หรือบ่อยตามแพทย์แนะนำ
แพทย์วินิจฉัยซีไอเอ็นได้อย่างไร?
แพทย์วินิจฉัยโรค/ภาวะซีไอเอ็น/ระยะก่อนมะเร็งปากมดลูก/เอสไอแอล ได้จาก
- ประวัติทางการแพทย์ของผู้ป่วย ที่สำคัญคือ ประวัติเพศสัมพันธ์ที่รวมถึงอายุที่เริ่มมีเพศสัมพันธ์ และการตั้งครรภ์
- การตรวจภายในที่รวมถึงการตรวจแป๊บสเมียร์
- การตรวจเพื่อยืนยันว่าเป็นซีไอเอ็นหลังตรวจแป๊บสเมียร์พบความผิดปกติ ได้แก่
- ตรวจหาเชื้อเอชพีวีจากเซลล์ปากมดลูก(ตรวจภายในและป้าย/หรือแปรงเอาเซลล์จากปากมดลูกเพื่อการตรวจทางห้องปฏิบัติการ
- การส่องกล้องปากมดลูกด้วยคอลโปสโคป(อ่านเพิ่มเติมจากเว็บ com) ร่วมกับนำเซลล์จากรอยโรคตรวจทางเซลล์วิทยาและ/หรือทางพยาธิวิทยา
- การตัดชิ้นเนื้อจากรอยโรคเพื่อการตรวจทางพยาธิวิทยาซึ่งจะเป็นการตรวจที่แม่นยำที่สุดและช่วยยืนยันได้ว่า ‘เซลล์ฯเปลี่ยนเป็นมะเร็งหรือยัง’
รักษาซีไอเอ็นอย่างไร?
แนวทางการรักษาซีไอเอ็น/ระยะก่อนมะเร็งปากมดลูก/เอสไอแอล มีหลากหลายวิธี ขึ้นกับหลายปัจจัยร่วมกัน เช่น อายุผู้ป่วย, ความต้องการมีบุตร, ระดับความรุนแรงของซีไอเอ็น, ปัจจัยเสี่ยงเกิดมะเร็งปากมดลูกของผู้ป่วย
ดังนั้นวิธีรักษาในแต่ละผู้ป่วยจึงแตกต่างกัน แพทย์ผู้รักษาผู้ป่วยเท่านั้นที่จะให้คำแนะนำวิธีรักษาได้เหมาะสมกับผู้ป่วยเป็นรายๆไป เช่น
- กรณีเป็นซีไอเอ็น1: ถ้าผู้ป่วยมีภูมิคุ้มกันฯปกติ ร่างกายจะกำจัดเชื้อเอชพีวีให้หมดไปได้เองในระยะเวลาประมาณ1-2ปี ดังนั้นจึงไม่จำเป็นต้องมีการรักษาทางการแพทย์ แพทย์จะนัดตรวจเฝ้าติดตามผู้ป่วยเป็นระยะๆ เช่น ทุก6เดือนร่วมกับการตรวจภายใน และ แป๊บสเมียร์ เป็นต้น
- กรณีเป็นซีไอเอ็นความรุนแรงตั้งแต่ระดับ2ขึ้นไป แพทย์จำเป็นต้องให้การรักษา ซึ่งมีหลายวิธีเช่นกัน ขึ้นกับปัจจัยต่างๆดังกล่าวในต้นหัวข้อนี้ เช่น
- จี้ทำลายเซลล์ผิดปกติ อาจด้วย ความเย็น, ไฟฟ้า, เลเซอร์
- ผ่าตัดรอยโรคด้วยไฟฟ้าที่เรียกว่า ลีพ(LEEP/Loop electrical excision procedure,
- ผ่าตัดออกเฉพาะปากมดลูกด้วยมีดผ่าตัด
- การผ่าตัดมดลูก กรณีเป็นซีไอเอเอ็นที่ดื้อต่อการรักษาและเจริญเป็นซีไอเอ็นในระดับความรุนแรงสูงขึ้น รวมถึงมักพิจารณาในกรณีผู้ป่วยมีบุตรเพียงพอแล้ว หรือมีโรคอื่นๆของมดลูกร่วมด้วย เช่น เนื้องอกมดลูก
- ปัจจุบันกำลังมีการศึกษาที่ใช้วัคซีนในการรักษาโรค/ภาวะนี้
ซีไอเอ็นมีการพยากรณ์โรคอย่างไร?
การพยากรณ์โรคในผู้ป่วยซีไอเอ็น/ระยะก่อนมะเร็งปากมดลูก/เอสไอแอล ขึ้นกับปัจจัยเสี่ยงต่างๆ ดังกล่าวในตอนต้นหัวข้อการรักษา เช่น
- ซีไอเอ็น1:
- ประมาณ 60%-70% สามารถหายได้เองจากการกำจัดเชื้อฯของภูมิคุ้มกันฯ ของร่างกายในเวลาประมาณ 1ปี, ประมาณ 90% หายเองใน 2 ปี เมื่อไม่มีการติดเชื้อเอชพีวีซ้ำต่อเนื่อง
- ประมาณ10% จะเปลี่ยนไปเป็นมะเร็งปากมดลูกระยะศูนย์
- ประมาณ1% เปลี่ยนเป็นมะเร็งปากมดลูกอย่างแท้จริง(ระยะรุกราน/ตั้งแต่ระยะ1ขึ้นไป)
- ซีไอเอ็น2:
- ประมาณ 20% เปลี่ยนเป็นมะเร็งปากมดลูกระยะศูนย์
- เปลี่ยนเป็นมะเร็งปากมดลูกอย่างแท้จริง ประมาณ 5%
- และประมาณ 50%จะหายได้เองใน2ปีกรณีไม่มีการติดเชื้อเอชพีวีซ้ำต่อเนื่อง
- ซีไอเอ็น3ซึ่งคือ มะเร็งปากมดลูกระยะศูนย์: ประมาณ 12% เปลี่ยนเป็นมะเร็งปากมดลูกแท้จริง
- ทั่วไป เมื่อไม่มีการรักษา ใช้เวลาเฉลี่ยนานประมาณ 10-15 ปี(ช่วง 3-40ปี) ซีไอเอ็นทุกชนิดจะค่อยๆเปลี่ยนไปเป็นมะเร็งปากมดลูกซึ่งปัจจัยกระตุ้นการกลายพันธ์ที่สำคัญที่สุดคือ ‘ยังคงมีการติดเชื้อเอชพีวีต่อเนื่องที่ปากมดลูก’
- หลังรักษาซีไอเอ็นทุกระดับความรุนแรง จะพบโรคย้อนกลับเป็นซ้ำได้ประมาณ20%
- การเกิดซีไอเอ็นไม่เป็นปัจจัยให้เกิดมีภาวะมีบุตรยาก แต่จะเพิ่มปัจจัยเสี่ยงเกิดการแท้งบุตรโดยเฉพาะในไตรมาสที่2ของการตั้งครรภ์, หรือคลอดก่อนกำหนดโดยเฉพาะหลังรักษาโดยใช้หัตถการทางการแพทย์
ดูแลตนเองอย่างไร? ควรพบแพทย์ก่อนนัดเมื่อไหร่?
การดูแลตนเองเมื่อมีโรค/ภาวะซีไอเอ็น/ระยะก่อนมะเร็งปากมดลูก/เอสไอแอล ที่สำคัญที่สุด คือ
- พบแพทย์ตรงตามแพทย์นัดสม่ำเสมอเพื่อตรวจติดตามโรคเพื่อให้ได้รับการรักษาทันท่วงทีก่อนที่โรคจะเปลี่ยนเป็นมะเร็งปากมดลูกอย่างแท้จริง
นอกจากนั้น คือ
- ปฏิบัติตาม แพทย์ พยาบาล แนะนำ
- เลิกบุหรี่, ไม่สูบบุหรี่
- ใช้ถุงยางอนามัยชายทุกครั้งที่มีเพศสัมพันธ์
- เลิกการมีเพศสัมพันธ์ส่ำส่อน
- รักษาสุขอนามัยพื้นฐาน(สุขบัญญัติแห่งชาติ) ร่วมกับกินอาหารมีประโยชน์ห้าหมู่ให้ครบถ้วนในทุกวันเพื่อให้ร่างกายแข็งแรง มีภูมิคุ้มกันฯที่ปกติ
- เลิกสุรา, ไม่ดื่มสุรา เพราะเป็นเหตุของการมีเพศสัมพันธ์ที่ไม่ปลอดภัย
- พบแพทย์/มาโรงพยาบาลก่อนนัดเมื่อ
- มีอาการผิดปกติต่างๆทางช่องคลอด เช่น ตกขาว มีเลือดออกทางช่องคลอดผิดปกติที่รวมถึงประจำเดือนผิดปกติ
- กังวลในอาการ
ป้องกันซีไอเอ็นได้อย่างไร?
การป้องกันซีไอเอ็น/ระยะก่อนมะเร็งปากมดลูก/เอสไอแอล และการป้องกันมะเร็งปากมดลูก คือ การฉีดวัคซีนมะเร็งปากมดลูก ร่วมกับการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกทุกปีเริ่มตั้งแต่อายุ25ปี หรือหลังเพศสัมพันธ์ครั้งแรกกรณีอายุต่ำกว่า 25 ปี ทั้งนี้ร่วมกับการหลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยงต่างๆและการดูแลตนเองดังได้กล่าวใน’หัวข้อ ปัจจัยเสี่ยงฯ และหัวข้อ การดูแลตนเองฯ’
บรรณานุกรม
- https://www.ncbi.nlm.nih.gov/books/NBK544371/ [2021,Dec18]
- https://en.wikipedia.org/wiki/Cervical_intraepithelial_neoplasia [2021,Dec18]
- https://www.ccjm.org/content/88/10/556 [2021,Dec18]
- https://www.cancertherapyadvisor.com/home/decision-support-in-medicine/obstetrics-and-gynecology/cervical-pre-invasive-diagnosis-and-treatment/ [2021,Dec18]