รกเกาะต่ำ ภาวะรกเกาะต่ำ (Placenta previa)

สารบัญ บทความที่เกี่ยวข้อง

ภาวะรกเกาะต่ำคืออะไร?

ในสตรีตั้งครรภ์ปกติทั่วไป รกจะเกาะอยู่บริเวณส่วนบนของมดลูก หากรกมาเกาะบริเวณส่วนล่างของมดลูก และ/หรือ คลุมมาถึงด้านในของปากมดลูก เรียกว่า “ภาวะรกเกาะต่ำ ( Placenta previa)” ซึ่งเป็นภาวะที่ไม่ปกติ ทั้งนี้กลไกการเกิดภาวะนี้ยังไม่ทราบแน่ชัด แต่เชื่อว่า อาจเกิดจากบริเวณส่วนบนของมดลูกที่เป็นที่เกาะปกติ เกิดมีความไม่เหมาะสม รกเลยหาที่เกาะที่สมบูรณ์กว่า หรือในบางกรณีเกิดจากรกมีการแผ่ขยายมากกว่าปกติ ทำให้คลุมมาถึงด้านล่างของมดลูก

ภาวะรกเกาะต่ำแบ่งออกเป็น 4 ชนิดตามความรุนแรง จากลักษณะในข้อ 1 ที่รุนแรงที่สุด ลงไปยังที่มีความรุนแรงน้อยกว่าตามลำดับ คือ

1. รกคลุมปากมดลูกด้านในทั้งหมด (Placenta previa totalis)

2. รกคลุมปากมดลูกบางส่วน (Placenta previa partialis)

3. รกอยู่ขอบปากมดลูกด้านใน (Placenta previa marginalis)

4. ชายรกใกล้ปากมดลูกมากกว่า 2 ซม. (Low lying placenta)

อนึ่ง เมื่อกล้ามเนื้อมดลูกบีบตัว จะทำให้มีการหดและยืดขยายของกล้ามเนื้อมดลูกส่วนล่างด้วย จะทำให้เกิดการลอกตัวของรกจากผนังมดลูก (รกลอกตัวก่อนกำหนด) จึงทำให้หลอดเลือดในบริเวณที่รกลอกตัวนั้นฉีกขาด ทำให้เกิดเลือดออก (เห็นได้จากการมีเลือดออกทางช่องคลอด) ได้ในตำแหน่งที่รกลอกตัว ประกอบกับกล้ามเนื้อส่วนล่างของมดลูกเป็นส่วนที่หดรัดตัวไม่ดี จึงทำให้เลือดออกได้ง่าย

ภาวะรกเกาะต่ำมีอาการอย่างไร?

ภาวะรกเกาะต่ำ

การที่รกเกาะต่ำ จะทำให้เกิดอาการ ได้แก่

  • มีเลือดออกทางช่องคลอดในสตรีตั้งครรภ์ (จากกลไกที่กล่าวแล้วใน ‘หัวข้อ รกเกาะต่ำคืออะไร’) โดยที่ไม่มีอาการเจ็บครรภ์ ส่วนมากเกิดในช่วงที่ตั้งครรภ์ได้ประมาณ 7-8 เดือน

ภาวะรกเกาะต่ำมีอันตรายอย่างไร?

ภาวะรกต่ำเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้มีเลือดออกทางช่องคลอดในสตรีตั้งครรภ์ในไตรมาสที่ 3 อันตรายเกิดจากการที่สตรีตั้งครรภ์เสียเลือด

  • หากมีเลือดออกไม่มาก และสามารถหยุดเองได้ สามารถให้ตั้งครรภ์ต่อไปได้ โดยแพทย์จะให้พักผ่อนให้มาก งดการทำงานหนัก และให้รับประทานธาตุเหล็กทดแทนการเสียเลือด
  • แต่หากเลือดออกมาก จะมีผลต่อทั้งมารดาและทารกในครรภ์ ต้องให้เลือดทดแทนในมารดา และอาจจำเป็นต้องผ่าตัดทำคลอดทารกในครรภ์ แม้อายุครรภ์ยังไม่ครบกำหนด หากหัวใจทารกเต้นผิดปกติ และช่วยไม่ทัน ทารกในครรภ์เสียชีวิตได้ บางครั้งหากมารดาเสียเลือดมากหลังผ่าตัดทารกแล้ว อาจจำเป็นต้องตัดมดลูกออกด้วย เพื่อหยุดเลือด
  • อัตราการเสียชีวิตของแม่เกี่ยวข้องกับภาวะรกเกาะต่ำพบได้ 2-3 %

ภาวะรกเกาะต่ำพบบ่อยมากน้อยเพียงใด?

อุบัติการณ์ของรกเกาะต่ำพบได้ประมาณ 0.3-0.5% ของการตั้งครรภ์ทั้งหมด และจะสูงขึ้นมากในกรณีที่เคยผ่าท้องคลอดมาก่อน

ปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดภาวะรกเกาะต่ำมีอะไรบ้าง?

ปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดภาวะรกเกาะต่ำ ได้แก่

  • ตั้งครรภ์หลายครั้ง
  • มารดาอายุมาก ตั้งแต่ 35 ปีขึ้นไป
  • เคยขูดมดลูก
  • มีการผ่าตัดคลอดบุตรมาก่อน ยิ่งผ่าตัดหลายครั้ง ยิ่งมีความเสี่ยงมากขึ้น
  • เคยผ่าตัดบริเวณมดลูกจากสาเหตุอื่นๆที่ไม่ใช่การผ่าคลอด เช่น เนื้องอกมดลูก
  • มดลูกรูปร่างผิดปกติ
  • ตั้งครรภ์แฝด
  • ทารกมีภาวะซีด ร่างกายแม่จึงพยายามเพิ่มออกซิเจนไปยังลูก ทำให้รกเพิ่มขนาด ขยายใหญ่ขึ้น รกจึงแผ่ขยายลงมาเกาะถึงด้านล่างของมดลูก เช่น ภาวะธาลัสซีเมีย
  • ทารกอยู่ในท่าผิดปกติ เช่น ทารกท่าขวาง
  • การติดเชื้อในครรภ์ เช่น ซิฟิลิส
  • มารดาสูบบุหรี่

แพทย์วินิจฉัยมีภาวะภาวะรกเกาะต่ำอย่างไร?

แพทย์วินิจฉัยมีภาวะภาวะรกเกาะต่ำได้จาก

  • อาการสำคัญของรกเกาะต่ำที่นำสตรีตั้งครรภ์มาพบแพทย์ คือ การมีเลือดออกทางช่องคลอดในช่วงไตรมาสที่ 3 ของการตั้งครรภ์ (มากกว่า 28 สัปดาห์ หรือ ภาวะตกเลือดก่อนคลอด ) โดยที่ไม่มีอาการเจ็บครรภ์ มักไม่มีการหดรัดตัวของมดลูก ซึ่งเป็นประวัติที่สำคัญที่สุด มักจะได้ประวัติว่า มีเลือดเปื้อนผ้าปูที่นอนหลังตื่นนอน
  • การตรวจร่างกาย: เมื่อแพทย์ตรวจร่างกาย ตรวจครรภ์มักพบส่วนนำ (หัวของทารก) ของทารกลอยอยู่ (ส่วนนำยังไม่เข้าอุ้งเชิงกราน) หรือทารกอยู่ในท่าผิดปกติ เช่น ทารกท่าขวาง, ทารกท่าก้น, มดลูกไม่มีการหดรัดตัว, กดไม่เจ็บ, สามารถคลำทารกได้ชัดเจน (ซึ่งจะแตก ต่างจากภาวะรกลอกตัวก่อนกำหนด ที่มดลูกจะมีการหดรัดตัวตลอดเวลา กดเจ็บที่มดลูกมาก และไม่สามารถคลำท่าทารกได้ชัดเจน),
  • ซึ่งการตรวจสืบค้นเพิ่มเติม ที่จะช่วยยืนยันว่ามีภาวะรกเกาะต่ำ คือ การตรวจครรภ์ด้วยอัลตราซาวด์ ที่เป็นสิ่งที่สำคัญและจำเป็นมาก แพทย์ทุกคนจะทราบดีว่า ห้ามตรวจภายในเด็ดขาดก่อนที่จะตรวจอัลตราซาวนด์ก่อนว่า มีภาวะรกเกาะต่ำหรือไม่ เพราะหากมีภาวะรกเกาะต่ำจริง การตรวจภายในจะไปทำให้เลือดออกมาก จนอาจเป็นอันตรายต่อมารดาและทารกได้ หากตรวจอัลตราซาวด์ไม่พบว่ามีภาวะรกเกาะต่ำ จึงจะมีการตรวจภายใน เพื่อหาสาเหตุของเลือดออกต่อไป

ทั้งนี้ การที่มีเลือดออกโดยไม่เจ็บครรภ์ ทำให้แพทย์วินิจฉัยภาวะรกเกาะต่ำได้ง่าย แต่ในบางกรณี อาจมีอาการปวดท้อง หรือ เจ็บครรภ์ร่วมด้วย ซึ่งจะทำให้การวินิจฉัยภาวะรกเกาะต่ำเป็นไปได้ยาก

ภาวะแทรกซ้อนในภาวะรกเกาะต่ำมีอะไรบ้าง?

ภาวะแทรกซ้อน (ผลข้างเคียง) ในภาวะรกเกาะต่ำที่อาจพบได้ คือ

ก. ในมารดา: เช่น

  • อาจมีการเสียเลือดมาก จนเกิดภาวะซีด หรือ ช็อก
  • อาจต้องผ่าตัดคลอด
  • ตกเลือดหลังคลอด เนื่องจากมดลูกหดรัดตัวไม่ดี
  • รกเกาะลึกผิดปกติ อาจต้องตัดมดลูกหลังผ่าตัดคลอดทารกแล้ว ( Cesarean hysterec tomy)

ข. ในทารก: เช่น

  • คลอดก่อนกำหนด
  • ทารกเสียชีวิต หากมารดาเสียเลือดมาก และแพทย์ช่วยเหลือไม่ทัน

ควรดูแลตนเองเมื่อมีภาวะรกเกาะต่ำอย่างไร?

เมื่อมีเลือดออกทางช่องคลอดในสตรีตั้งครรภ์ ต้องรีบไปพบแพทย์/มาโรงพยาบาลเพื่อหาสาเหตุ

ภาวะเลือดออกจากรกเกาะต่ำ มีตั้งแต่เลือดออกกระปริดกระปรอยทางช่องคลอด จนถึงเลือดออกมาก โดยทั่วไปเลือดที่ออกครั้งแรกมักไม่มาก แต่เลือดที่ออกครั้งต่อๆมามักจะมาก

หากไปพบแพทย์แล้ว เลือดที่เคยออกค่อยๆหยุดไป และอายุครรภ์ยังไม่ครบกำหนด (ประมาณ 37 สัปดาห์) แพทย์สามารถให้กลับมาพักผ่อนที่บ้านได้ ซึ่งการดูแลตนเองสำคัญมาก ได้แก่

  • ห้ามมีเพศสัมพันธ์เด็ดขาด
  • ต้องไม่ทำงานหนัก
  • ต้องนอนพักมากๆ
  • และต้องรีบกลับไปพบแพทย์/ไปโรงพยาบาลเมื่อมีอาการผิดปกติผิดไปจากเดิม

การรักษาภาวะรกเกาะต่ำมีอย่างไรบ้าง?

หากแพทย์วินิจฉัยภาวะรกเกาะต่ำได้ตั้งแต่ในช่วงอายุครรภ์น้อยๆ มักต้องตรวจอัลตราซาวด์ซ้ำ เพื่อยืนยันว่าตำแหน่งของรกเปลี่ยนไปหรือไม่ เมื่ออายุครรภ์ประมาณ 32-34 สัปดาห์ เพราะตอนอายุครรภ์น้อยๆ รกอาจอยู่ต่ำ แต่เมื่ออายุครรภ์มากขึ้น รกอาจมีการเคลื่อนไปด้านบนได้เอง

นอกจากนี้ การรักษาภาวะรกเกาะต่ำ ยังขึ้นอยู่กับอายุครรภ์

ก. หากอายุครรภ์ยังไม่ครบกำหนด: แพทย์จะทำการรักษาประคับประคองตามอาการ เช่น มีการให้นอนพักสังเกตอาการในโรงพยาบาล ให้น้ำเกลือ ให้เลือดทดแทนถ้าเสียเลือดมาก แพทย์มักจะฉีดยากระตุ้นความพร้อมของปอดของทารก (เพื่อให้ปอดทำงานได้มีประสิทธิภาพขึ้น เมื่อต้องคลอดก่อนกำหนด เช่น ยาในกลุ่มสเตียรอยด์) เพราะหากฉุกเฉินต้องทำคลอดทารกด่วน มีการตรวจติดตามสุข ภาพทารกในครรภ์เป็นระยะๆ

  • เมื่อเลือดหยุดไหล แพทย์จะอนุญาตให้สามารถกลับไปพักที่บ้านได้ หากบ้านอยู่ไม่ไกลมาก สามารถมาโรงพยาบาลได้เร็ว เพราะธรรมชาติของรกเกาะต่ำ ช่วงแรกเลือดอาจออกน้อยๆ แต่เลือดที่ออกครั้งต่อๆมามักรุนแรง
  • ทั้งนี้ สตรีตั้งครรภ์ที่มีรกเกาะต่ำต้องดูแลตนเองอย่างดี
    • ห้ามทำงานหนัก
    • ห้ามมีเพศสัมพันธ์
    • หากมีเลือดออกอีกทางช่องคลอด ต้องรีบกลับมาพบแพทย์/มาโรงพยาบาลฉุกเฉิน
    • และหากเลือดออกมาก อาจจำเป็นต้องผ่าท้องคลอดเพื่อช่วยชีวิตแม่

ข. หากอายุครรภ์ครบกำหนด: การรักษาภาวะรกเกาะต่ำ เป็นการผ่าตัดคลอด เพราะรกคลุมอยู่ที่ปากมดลูกทั้งหมด หากปล่อยให้กระบวนการคลอดดำเนินต่อไปตามธรรมชาติ จะทำให้มารดาเสียเลือดจนเสียชีวิตได้ ระยะเวลาที่แพทย์จะนัดมาผ่าตัดคลอด คืออายุครรภ์ประมาณ 37-38 สัปดาห์ ก่อนที่จะมีอาการเจ็บครรภ์ เพราะหากปล่อยให้เจ็บครรภ์ เลือดจะออกมากได้

แพทย์จะพิจารณาผ่าตัดคลอดเมื่อไหร่?

ในภาวะรกเกาะต่ำ แพทย์จะพิจารณาผ่าตัดคลอด เมื่อ

  • อายุครรภ์ครบกำหนด (ประมาณ 37-38 สัปดาห์)
  • ทารกอยู่ในภาวะอันตราย เช่น หัวใจเต้นผิดปกติ
  • ทารกเสียชีวิตในครรภ์ แม้ทารกจะเสียชีวิต ก็ต้องผ่าท้องคลอด เพื่อไม่ให้เกิดอันตรายต่อมารดา เช่น มารดาเกิดภาวะเลือดออกผิดปกติมาก (DIC, Disseminated intravascu lar coagulation)
  • มารดามีเลือดออกมากจนต้องให้เลือดทดแทน

การพยากรณ์โรคของภาวะรกเกาะต่ำเป็นอย่างไร?

การพยากรณ์โรคของภาวะรกเกาะต่ำ ขึ้นกับ ชนิดของรกเกาะต่ำ, ปริมาณเลือดที่ออก, และอายุครรภ์

  • มารดา: หากได้รับการช่วยเหลือทันท่วงที การพยากรณ์โรคของมารดามักจะดี
  • ทารก: สำหรับลูก ขึ้นอยู่กับอายุครรภ์ด้วย หากอายุครรภ์อ่อนมาก จะมีผลแทรกซ้อน (ผลข้างเคียง) จากการคลอดก่อนกำหนดมาก ซึ่งทารกจะมีปัญหาจากอวัยวะในระบบต่างๆยังไม่เจริญเติบโตเต็มที่ จึงมีโอกาสเสียชีวิตได้สูง แต่หากอายุครรภ์ครบกำหนด การพยากรณ์โรคของทารกมักจะดี คือ มีโอกาสรอดและปกติสูง

การป้องกันไม่ให้เกิดภาวะรกเกาะต่ำทำได้อย่างไร?

การป้องกันภาวะรกเกาะต่ำเป็นเรื่องที่ป้องกันยาก แต่ที่สามารถช่วยได้ คือ การหลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยงต่างๆดังกล่าวแล้วใน ‘หัวข้อ ปัจจัยเสี่ยงฯ’ ที่หลีกเลี่ยงได้ เช่น

  • ควรหลีกเลี่ยงการขอร้องให้แพทย์ผ่าท้องคลอดในครรภ์แรก โดยไม่มีข้อบ่งชี้การผ่าคลอดที่แน่ชัด
  • นอกจากนั้น คือ
    • หากมีการผ่าตัดเข้าไปในโพรงมดลูก (เช่น ผ่าเนื้องอกมดลูก) หรือ เคยขูดมดลูกหลายครั้ง ควรแจ้งแพทย์ผู้ดูแลให้ทราบเพื่อจะได้มีการเฝ้าระวังภาวะรกเกาะต่ำ และมีการตรวจอัลตราซาวด์ดูตำแหน่งรกเมื่อใกล้คลอด

เมื่อมีภาวะรกเกาะต่ำในครรภ์แรก มีโอกาสเป็นอีกไหมในครรภ์ต่อไป?

เป็นเรื่องน่าสนใจมากว่า ภาวะแทรกซ้อนต่างๆในระหว่างตั้งครรภ์ เมื่อเคยเกิดขึ้นแล้ว มัก จะเกิดขึ้นซ้ำในการตั้งครรภ์ครั้งถัดไป ภาวะรกเกาะต่ำก็เช่นกัน มีโอกาสเกิดขึ้นในการตั้งครรภ์ครั้งต่อไปมากกว่าสตรีตั้งครรภ์ปกติ และความรุนแรงอาจมากขึ้นด้วย

ในครรภ์ต่อไป อาจต้องมีการตรวจคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า/เอมอาร์ไอ ( Magnetic resonance imaging- MRI) เพื่อดูว่ารกที่เกาะต่ำนั้น มีการเกาะลึกไปถึงชั้นกล้ามเนื้อมดลูกหรือไม่ หรือเกาะลึกจนทะลุผิวมดลูกไปยังอวัยวะอื่น ซึ่งเป็นภาวะที่อันตรายมาก มักต้องลงท้ายด้วยการตัดมดลูกหลังจากผ่าเอาเด็กออกแล้ว

เตรียมตัวสำหรับตั้งครรภ์ครั้งต่อไปอย่างไร?

เมื่อมีภาวะรกเกาะต่ำและต้องผ่าท้องคลอดในครรภ์ที่แล้ว ควรเว้นระยะการมีบุตร/การตั้ง ครรภ์ครั้งใหม่ไปอย่างน้อย 2-3 ปี เพื่อให้ร่างกายแข็งแรงที่สุด แก้ไขภาวะซีดจากการเสียเลือดให้ได้กลับมาปกติ

ต้องแจ้งแพทย์ รวมทั้งสูตินรีแพทย์ ที่ดูแลถึงปัญหาที่ประสบในครรภ์ที่แล้ว ต้องให้เลือดทดแทนหรือไม่ ต้องให้เลือดทดแทนกี่ถุง ซึ่งเป็นการสะท้อนความรุนแรงของโรค

ระหว่างการฝากครรภ์:

  • หากมีภาวะรกเกาะต่ำอีก ต้องงดการมีเพศสัมพันธ์เด็ดขาด, ควรต้องพักผ่อนเต็มที่, งดการทำงานหนัก, อาจจำเป็นต้องตรวจคลื่นสนามแม่เหล็กไฟฟ้า (เอมอาร์ไอ) เพื่อดูว่ามีรกเกาะลึกผิดปกติหรือไม่
  • หากครรภ์ต่อไป ไม่มีภาวะรกเกาะต่ำ ก็ดูแลตนเองเช่น เดียวกับการตั้งครรภ์ปกติ

บรรณานุกรม

  1. https://emedicine.medscape.com/article/262063-overview#showall [2019,Oct5]
  2. https://www.emedicinehealth.com/pregnancy_bleeding/article_em.htm [2019,Oct5]