น้ำเข้าหู (Swimmer’s ear)
- โดย แพทย์หญิง วัชราภรณ์ บัวโฉม
- 24 กันยายน 2565
- Tweet
สารบัญ
- บทนำ: คืออะไร?
- หูชั้นนอกอักเสบมีอาการอย่างไร?
- เมื่อน้ำเข้าหูควรทำอย่างไร? ควรพบแพทย์เมื่อไร?
- แนวทางการตรวจและรักษาน้ำเข้าหูและหูชั้นนอกอักเสบทำอย่างไรบ้าง?
- มีผลข้างเคียงแทรกซ้อนจากหูชั้นนอกอักเสบไหม?
- หลังพบแพทย์แล้วควรดูแลตนเองอย่างไร?
- กลับไปว่ายน้ำได้เมื่อไร?
- เมื่อคันหูควรทำอย่างไร?
- แนวทางการป้องกันน้ำเข้าหูทำอย่างไร?
- บรรณานุกรม
บทความที่เกี่ยวข้อง
- การตรวจทางหูคอจมูก การตรวจทางอีเอ็นที (Clinical examination of Ear Nose Throat or Clinical ENT examination)
- หูอื้อ (Tinnitus)
- หู: กายวิภาคหู (Ear anatomy) / สรีรวิทยาของหู (Ear physiology)
- ภาวะขี้หูอุดตัน (Impacted cerumen)
- หูติดเชื้อ (Ear infection)
- ยาหยอดหู (Ear drops)
- สมองอักเสบ (Encephalitis)
- แก้วหูทะลุ (Ruptured eardrum)
บทนำ: คืออะไร?
หลายท่านคงเคยประสบปัญหาน้ำเข้าหูมาแล้ว อาจเกิดระหว่าง ว่ายน้ำ อาบน้ำ หรือสระผม เป็นต้น ทำให้เกิดอาการหูอื้อ รู้สึกเหมือนมีเสียงน้ำอยู่ในหู การได้ยินลดลง ก่อให้เกิดความรำคาญขึ้น
หลายท่านพยายามจะเอาน้ำออกหูด้วยวิธีต่างๆ เช่น ตะแคงศีรษะแล้วตบที่หู เอาน้ำหยอดไปอีกครั้งเพื่อให้น้ำเต็มหูและออกมาเอง หรือบางคนใช้ไม้แคะหูปั่นหูเพื่อเอาน้ำออกจนเกิดแผลถลอกและเกิดการติดเชื้อแบคทีเรียซึ่งก่อให้เกิดการอักเสบของหูชั้นนอกตามมาได้ ภาวะที่หูชั้นนอกอักเสบนั้นเรียกว่า “Otitis externa หรือ Swimmer’s ear” นั่นเอง
(แนะนำอ่าน ความหมายของหูชั้นนอกจากเว็บ haamor.com บทความเรื่อง หู:กายวิภาคของหู/สรีรวิทยาของหู)
หูชั้นนอกอักเสบมีอาการอย่างไร?
อาการของหูชั้นนอกอักเสบติดเชื้อ คือ ปวดหู หูอื้อ มีน้ำหรือน้ำเหลืองไหลจากหู แพทย์ตรวจจะพบมีช่องหูบวมแดง, มองเห็นแก้วหูไม่ชัด (ใช้เครื่องมือส่องดูในช่องหู), กดเจ็บบริเวณหน้าใบหู, โยกใบหูแล้วเจ็บมากขึ้น
เมื่อน้ำเข้าหูควรทำอย่างไร? ควรพบแพทย์เมื่อไร?
โดยทั่วไป ช่องหูชั้นนอกจะเป็นรูปตัวเอส (S) ฉะนั้นเมื่อมีน้ำเข้าหู แนะนำให้เอียงศีรษะเอาหูข้างที่น้ำเข้าลงต่ำและดึงใบหูให้กางออก โดยดึงขึ้นบนและไปทางด้านหลังเพื่อทำให้ช่องหูอยู่ในแนวตรง ทำให้น้ำสามารถไหลออกมาได้ง่าย ไม่ควรปั่นหรือแคะหูเพราะจะทำให้หูอักเสบ แต่ถ้าปฏิบัติด้วยวิธีดังกล่าวเบื้องต้นแล้วน้ำยังไม่ออกจากช่องหู แนะนำพบแพทย์หูคอจมูก
แนวทางการตรวจรักษาน้ำเข้าหูและหูชั้นนอกอักเสบทำอย่างไรบ้าง?
ในการตรวจและดูแลรักษา แพทย์จะส่องตรวจหูด้วยเครื่องมือประเมินอาการบวมอักเสบของช่องหูว่า มีอาการมากน้อยเพียงใด ถ้าพบมีอาการบวมมาก แพทย์มักจะใส่สำลีชุบยาฆ่าเชื้อ (Ear wick) ไว้ที่หูชั้นนอกร่วมกับให้ยาหยอดหู และนัดเปลี่ยน Ear wick ประมาณ 48 - 72 ชั่วโมง
ยาที่ผู้ป่วยได้รับ เช่น ยาหยอดหู เช่นยา Sofradex เป็นต้น และให้กินยาแก้อักเสบ/ยาปฏิชีวนะ เช่นยา Cloxacillin เพื่อยาครอบคลุมเชื้อแบคทีเรียที่ก่อโรคส่วนใหญ่ซึ่งคือ Staphylococcus aureus แต่ถ้าผู้ ป่วยมีโรคประจำตัวเรื้อรัง เช่น โรคเบาหวาน อาจใช้ยาเป็น Ciprofloxacin เพื่อครอบคลุมเชื้อ Pseudomonas aeruginosa เป็นต้น
ส่วนยาอื่นๆมักใช้เพื่อบรรเทาอาการต่างๆ เช่น อาการปวด (เช่น ยาพาราเซตามอล) ทั้งนี้ขึ้นกับ อาการ, ความรุนแรงของอาการ, และดุลพินิจของแพทย์/แพทย์หูคอจมูก
ทั้งนี้ แพทย์จะนัดตรวจติดตามอาการอาจทุก 2 - 3 วันตามความรุนแรงของอาการและตามดุลพินิจของแพทย์/แพทย์หูคอจมูกจนกระทั่งอาการหายเป็นปกติ ซึ่งผู้ป่วยส่วนใหญ่อาการจะดีขึ้นภายใน 7 - 14 วัน
มีผลข้างเคียงแทรกซ้อนจากหูชั้นนอกอักเสบไหม?
ส่วนใหญ่โรคนี้ ผู้ป่วยมักจะมาพบแพทย์เร็วจึงพบผลข้างเคียงแทรกซ้อนน้อยมาก แต่ผู้ป่วยบางคนจะมีอาการปวดมาก บางคนช่องหูบวมแดงตีบทำให้การได้ยินลดลง และในผู้ป่วยกลุ่มที่มีภูมิคุ้มกันต้านทานโรคบกพร่องหรือมีโรคประจำตัว เช่น โรคเบาหวาน เมื่อมีการอักเสบมักรุนแรงมาก ถ้ารักษาไม่ทันอาจมีผลต่อเส้นประสาทเลี้ยงบริเวณใบหน้าทำให้มีใบหน้าเบี้ยว หรือถ้าเป็นมากขึ้นอาจติดเชื้อแบคทีเรียขึ้นสมอง (สมองอักเสบ) ซึ่งอาจเป็นสาเหตุถึงตายได้
หลังพบแพทย์แล้วควรดูแลตนเองอย่างไร?
หลังพบแพทย์/แพทย์หูคอจมูกแล้ว การดูแลตนเอง คือ การปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด ซึ่งโดยทั่วไปอาการปวดบวมจะทุเลาลงเรื่อยๆจนกระทั่งหายเป็นปกติ
โดยคำแนะนำทั่วไป เช่น
- ไม่ให้น้ำเข้าหู
- ไม่ปั่นหรือแคะหู
- ทานยาและหยอดยาตามคำแนะนำของแพทย์/แพทย์หูคอจมูก
นอกจากนั้น คือ ควรต้องพบแพทย์/แพทย์หูคอจมูกตามนัดเสมอ, และควรพบก่อนนัดเมื่อ
- มีอาการผิดปกติไปจากเดิม
- หรืออาการต่างๆเลวลง เช่น
- ปวดหูมากขึ้น
- หูบวมแดงมากขึ้น
- ปวดหัวมาก
- หรือเกิดมีไข้
กลับไปว่ายน้ำได้เมื่อไร?
เมื่อหายเป็นปกติแล้ว ผู้ป่วยสามารถกลับไปว่ายน้ำได้ตามปกติ แต่แนะนำห้ามน้ำเข้าหูและห้ามปั่นหูเพราะมีโอกาสที่หูชั้นนอกจะอักเสบได้อีก ทั้งนี้ในทางปฏิบัติเพื่อความเข้าใจตรงกันระหว่างแพทย์ /แพทย์หูคอจมูกและผู้ป่วยว่าโรคหายแล้ว ผู้ป่วยควรปรึกษาแพทย์/แพทย์หูคอจมูกก่อนกลับไปว่ายน้ำอีกจะเหมาะสมกว่า
เมื่อคันหูควรทำอย่างไร?
ถ้ามีอาการคันหูทั้งในช่วงมีอาการช่องหูอักเสบหรือในภาวะปกติ แนะนำให้ผู้ป่วยดึงขยับใบหู เบาๆจะช่วยบรรเทาอาการคันหูได้ดี โดยไม่ต้องใช้ไม้แคะหูหรือปั่นหู ทั้งนี้การป้องกันไม่ให้น้ำเข้าหูจะเป็นการป้องกันหรือเป็นการรักษาอาการคันหูที่มีประสิทธิภาพที่สุด
การทำให้รอบๆหูและใบหูแห้ง ก็เป็นอีกวิธีช่วยลดอาการคันหู ดังนั้นภายหลังอาบน้ำหรือว่ายน้ำ ควรใช้ผ้าเช็ดตัวแห้งและสะอาดเช็ดทำความสะอาดรอบๆหูและใบหูให้แห้ง
และในคนทั่วไป เมื่อมีปัญหาคันหูมากและบ่อย ควรพบแพทย์หูคอจมูกเพื่อหาสาเหตุและเพื่อการดูแลรักษาที่เหมาะสมเพราะอาจเกิดจากปัญหามีขี้หูมากหรือมีขี้หูอุดตันหรือช่องหูติดเชื้อราได้
แนวทางการป้องกันน้ำเข้าหูทำอย่างไร?
สำหรับบุคคลที่มีปัญหาทางหู เช่น แก้วหูทะลุ, หรือใส่ท่อระบายที่แก้วหู, หรือหูชั้นนอกอักเสบบ่อยๆ, แพทย์มักแนะนำไม่ให้น้ำเข้าหู ฉะนั้นควรป้องกันอย่างเคร่งครัด เช่น
- ในขณะอาบน้ำ ให้ใช้หมวกคลุมผมคลุมลงมาปิดบริเวณใบหู ซึ่งเป็นวิธีที่ง่ายที่สุดและช่วยป้องกันน้ำเข้าหูได้ดี
- ใส่วัสดุอุดรูหู (Ear plug) ที่นักดำน้ำใช้เพื่อป้องกันไม่ให้น้ำเข้าหู
- หรือใช้วัสดุที่หล่อขึ้นเองให้เข้ากับขนาดช่องหู (Ear mold) ซึ่งสามารถกันน้ำได้ดี มีทั้งแบบสำเร็จรูป, และแบบสั่งทำตามโรงพยาบาลที่มีนักตรวจการได้ยิน (มักเป็นโรงพยาบาลของโรงเรียนแพทย์) โดยโรงพยาบาลหล่อขึ้นเองให้เหมาะกับหูของบุคคลนั้นๆ
บรรณานุกรม
- Joel Guss and Michael J. Ruckenstein. Infections of the External Ear. . In:Cummings Otolaryngology: Head and Neck.5th vol.2.Philadelphia,USA:Lippincott Williams & Wilkins; 2010: 1944-47.
- Guthrie RM: Diagnosis and treatment of acute otitis externa: an interdisciplinary update. Ann Otol Rhinol Laryngol Suppl 1999; 176:1-23.
- Roland PS, Stroman DW: Microbiology of acute otitis externa. Laryngoscope 2002; 112:1166-1177.
- https://www.enthealth.org/conditions/swimmers-ear-otitis-externa/ [2022,Sept24]