ถุงน้ำคอร์ปัสลูเทียม (Corpus luteum cyst)
- โดย รองศาสตราจารย์ แพทย์หญิง ประนอม บุพศิริ
- 7 กุมภาพันธ์ 2563
- Tweet
- คอร์ปัสลูเทียมคืออะไร?
- ถุงน้ำคอร์ปัสลูเทียมคืออะไร?
- สาเหตุถุงน้ำคอร์ปัสลูเทียมเกิดจากอะไร?
- ใครที่มีความเสี่ยงที่จะเกิดถุงน้ำคอร์ปัสลูเทียม?
- อาการถุงน้ำคอร์ปัสลูเทียมมีอะไรบ้าง?
- แพทย์วินิจฉัยถุงน้ำคอร์ปัสลูเทียมอย่างไร?
- ดูแลตนเองอย่างไรเมื่อมีถุงน้ำคอร์ปัสลูเทียม?
- ควรไปพบแพทย์เมื่อไหร่?
- รักษาถุงน้ำคอร์ปัสลูเทียมอย่างไร?
- ถุงน้ำคอร์ปัสลูเทียมมีการพยากรณ์โรคอย่างไร?
- สามารถเป็นถุงน้ำคอร์ปัสลูเทียมซ้ำได้หรือไม่?
- ถุงน้ำคอร์ปัสลูเทียมป้องกันได้หรือไม่?
- บรรณานุกรม
- ถุงน้ำรังไข่ (Ovarian cyst)
- เนื้องอกรังไข่ (Ovarian tumor)
- มะเร็งรังไข่ (Ovarian cancer)
- เยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ (Endometriosis / Chocolate cyst)
- ท้องนอกมดลูก (Ectopic pregnancy)
- ยาเม็ดคุมกำเนิด (Birth control pill)
- ยาฉีดคุมกำเนิด (Injectable contraceptive)
คอร์ปัสลูเทียมคืออะไร?
คอร์ปัสลูเทียม (Corpus luteum) เป็นชื่อที่ใช้เรียกกลุ่มเซลล์ที่อยู่ในฟองไข่ (Follicle) ซึ่งเป็นเนื้อเยื่อในรังไข่ (Ovary) หลังจากไข่ (Ovum) ที่อยู่ในฟองไข่ตกออกไปจากรังไข่แล้ว เซลล์กลุ่มคอร์ปัสลูเทียมนี้จะทำหน้าที่สร้างฮอร์โมนเพศหญิงเอสโตรเจน (Estrogen) และโดย เฉพาะฮอร์โมนโปรเจสเตอโรน (Progesterone) เพื่อใช้เตรียมเยื่อบุโพรงมดลูกให้หนาตัวเพื่อรอรับการฝังตัวของตัวอ่อนหากไข่ได้รับการปฏิสนธิกับเชื้ออสุจิ แต่หากไม่มีการปฏิสนธิ คอร์ปัส ลูเทียมที่มีอายุประมาณ 14 วันก็จะเสื่อมสลายไป ทำให้หยุดการสร้างฮอร์โมนโปรเจสเตอโรน ส่งผลทำให้เยื่อบุโพรงมดลูกหลุดลอกออกมาเป็นเลือดประจำเดือน หลังจากนั้นจะมีฮอร์โมนจากต่อมใต้สมองมากระตุ้นให้ฟองไข่ค่อยๆโตขึ้นจนตกไข่อีกครั้งในรอบเดือนถัดไปและก็เกิดคอร์ปัสลูเทียมใหม่อีกครั้ง
ถุงน้ำคอร์ปัสลูเทียมคืออะไร?
ทั่วไป หากมองด้วยตาเปล่า จะเห็นคอร์ปัสลูเทียมเป็นก้อนสีเหลืองๆอยู่ในรังไข่ แต่บางครั้งจะมีการคั่งของของเหลว(ที่สร้างจากรังไข่)ในคอร์ปัสลูเทียมจนเกิดเป็นถุงน้ำ (Cyst/ซีสต์) ขึ้น ที่เรียกว่า “ถุงน้ำคอร์ปัสลูเทียม หรือคอร์ปัสลูเทียมซีสต์ (Corpus luteum cyst หรือ Corpus luteal cyst)” ซึ่งหากการตกไข่เกิดบริเวณใกล้เส้นเลือด สามารถทำให้เกิดเลือดออกที่ในคอร์ปัสลูเทียมได้ที่จะมองเห็นเป็นสีแดงแทนสีเหลือง ทำให้กลายเป็น ‘ถุงน้ำคอร์ปัสลูเทียมที่ภายในเป็นเลือด’
หากมีการตั้งครรภ์เกิดขึ้น คอร์ปัสลูเทียมจะทำงานต่อไปอีกระยะหนึ่ง (ประมาณ 8 - 10 สัปดาห์) ทำให้สามารถพบถุงน้ำคอร์ปัสลูเทียมได้ในช่วงตั้งครรภ์อ่อนๆ แต่ถุงน้ำนี้จะค่อยๆยุบหายไปเองเมื่อเวลาผ่านไป ทั่วไปมักภายหลังการตั้งครรภ์ได้ประมาณ 6 เดือนไปแล้ว
สาเหตุถุงน้ำคอร์ปัสลูเทียมเกิดจากอะไร?
ถุงน้ำคอร์ปัสลูเทียมจัดเป็นถุงน้ำประเภท Functional cyst (อ่านเพิ่มเติมในเว็บ haamor. com บทความเรื่อง ถุงน้ำรังไข่) คือ ถุงน้ำรังไข่ที่ไม่ใช่เนื้อร้าย/ไม่ใช่มะเร็ง ‘สามารถเกิดขึ้นและหายเองได้’ โดยมีสาเหตุเกิดจากอิทธิพลของฮอร์โมนสตรี/ฮอร์โมนเพศหญิงตามรอบประจำ เดือนดังกล่าวแล้วในหัวข้อ ‘ถุงน้ำคอร์ปัสลูเทียมคืออะไร?’
ใครที่มีความเสี่ยงที่จะเกิดถุงน้ำคอร์ปัสลูเทียม?
สตรีในวัยเจริญพันธุ์ทุกคนมีโอกาสเป็น/เกิดถุงน้ำคอร์ปัสลูเทียมรวมถึงสตรีที่ตั้งครรภ์ในช่วงระยะแรกๆของการตั้งครรภ์
อาการถุงน้ำคอร์ปัสลูเทียมมีอะไรบ้าง?
โดยทั่วไปถุงน้ำคอร์ปัสลูเทียมส่วนมากมักไม่มีอาการ มักตรวจพบโดยบังเอิญจากการตรวจอัลตราซาวด์ค้นหาพยาธิสภาพอย่างอื่น เช่น เนื้องอกมดลูก ตรวจการตั้งครรภ์ หรือจากการตรวจสุขภาพประจำปี
แต่เมื่อมีอาการ อาการที่อาจพบได้ เช่น
1. มีอาการปวดหน่วงๆที่ท้องน้อยด้านในด้านหนึ่ง (ด้านที่มีถุงน้ำ)
2. มีอาการปวดท้องน้อยด้านในด้านหนึ่งอย่างเฉียบพลันในกรณีที่มีการแตกของถุงน้ำคอร์ปัสลูเทียม (Rupture of Corpus luteum cyst) หรือมีเลือดออกในถุงน้ำฯเข้าไปในช่องท้อง(Hemorrhagic Corpus luteum cyst)
แพทย์วินิจฉัยถุงน้ำคอร์ปัสลูเทียมอย่างไร?
แพทย์วินิจฉัยถุงน้ำคอร์ปัสลูเทียมได้โ ดย
ก. การซักถามประวัติทางการแพทย์ของผู้ป่วย: ส่วนมากไม่มีประวัติผิดปกติ แต่มีบางคนจะมีอาการปวดท้องน้อยข้างที่มีถุงน้ำเนื่องจากมีการขยายตัวของรังไข่ อาจมีอาการปวดท้องน้อยเฉียบพลันหากมีการฉีกขาดของเส้นเลือดร่วมด้วย หรือมีอาการคลื่นไส้ อาเจียน เป็นลม ถ้ามีการแตกของถุงน้ำร่วมกับการแตกถูกบริเวณเส้นเลือดเข้าไปในช่องท้องที่ทำให้เสียเลือดมาก
ข. การตรวจร่างกาย: ส่วนมากถุงน้ำคอร์ปัสลูเทียมมีขนาดไม่ใหญ่มักไม่เกิน 5 ซม. (เซนติเมตร) การตรวจร่างกายจึงมักตรวจไม่พบก้อน ไม่มีอาการปวด/เจ็บระหว่างแพทย์ตรวจคลำหน้าท้อง
ค. การตรวจภายใน: ส่วนมากจะตรวจไม่พบก้อนเช่นกัน ยกเว้นมีการแตกของถุงน้ำหรือมีเลือด ออกในรังไข่ ผู้ป่วยจะรู้สึกเจ็บเวลาแพทย์กดหน้าท้องด้านนั้นๆได้ แต่หากมีเลือดออกจากถุงน้ำฯ/จากรังไข่เข้าไปในช่องท้องจะตรวจพบสัญญาณชีพที่ผิดปกติได้ แต่เหตุการณ์เช่นนี้พบได้ไม่บ่อย
ง. การตรวจทางห้องปฏิบัติการ: ในกรณีที่สงสัยว่าอาจมีการตั้งครรภ์หรือตั้งครรภ์นอกมดลูก/ท้อง นอกมดลูก แพทย์มักตรวจปัสสาวะทดสอบการตั้งครรภ์ก่อน แต่การตรวจที่เป็นประโยชน์มากที่ สุดที่ใช้ในการวินิจฉัยโรคถุงน้ำคอร์ปัสลูเทียมคือ การตรวจอัลตราซาวด์ภาพท้องน้อยโดยเฉพาะ อัลตราซาวด์ผ่านทางช่องคลอดจะเห็นถุงน้ำฯที่มีลักษณะเฉพาะที่แพทย์ให้การวินิจฉัยภาวะนี้ได้เลย
ดูแลตนเองอย่างไรเมื่อมีถุงน้ำคอร์ปัสลูเทียม?
ถุงน้ำคอร์ปัสลูเทียมส่วนมากสามารถหายเองได้ภายในระยะเวลาประมาณ 3 เดือน ดังนั้น เมื่อตรวจพบแพทย์จะนัดไปตรวจอัลตราซาวด์ซ้ำในอีก 3 เดือนข้างหน้า ผู้ป่วยไม่ต้องกังวล ควรใช้ชีวิตตามปกติ ไม่มีข้อห้ามในการมีเพศสัมพันธ์หรือในการตั้งครรภ์
ควรไปพบแพทย์เมื่อไหร่?
เมื่อทราบว่าเป็นถุงน้ำคอร์ปัสลูเทียม
- หากไม่มีอาการผิดปกติ แพทย์จะนัดไปตรวจอัลตราซาวด์ซ้ำในอีกประมาณ 3 เดือนข้างหน้า
- แต่หากมีอาการปวดท้องน้อยมากกว่าปกติ ต้องรีบไปพบแพทย์/ไปโรงพยาบาล เพราะ
- อาจมีการแตกของถุงน้ำและ/หรือแตกไปถูกบริเวณเส้นเลือด ทำให้มีเลือดออกในช่องท้องได้ และ
- บางครั้งต้องแยกจากโรคที่อันตราย เช่น การแตกของท่อนำไข่จากการตั้งครรภ์นอกมดลูก/ท้องนอกมดลูก
รักษาถุงน้ำคอร์ปัสลูเทียมอย่างไร?
ทั่วไป ไม่ต้องรักษาเมื่อตรวจพบถุงน้ำคอร์ปัสลูเทียม ถุงน้ำนี้สามารถยุบหายเองได้ไม่ต้องผ่าตัด แพทย์จะนัดมาตรวจซ้ำเป็นระยะๆ
หากมีอาการปวดหน่วงหรือปวดบริเวณปีกมดลูก แพทย์ จะให้รับประทานยาแก้ปวด พาราเซตามอล (Paracetamol) หรือ ยาพอนสแตน (Ponstan)
ยกเว้นมีการแตกของถุงน้ำและไปถูกบริเวณเส้นเลือดทำให้มีเลือดออกในช่องท้องไม่หยุด ที่ต้องมีการผ่าตัดเข้าไปหยุดจุดเลือดออกนั้น
ถุงน้ำคอร์ปัสลูเทียมมีการพยากรณ์โรคอย่างไร?
ถุงน้ำคอร์ปัสลูเมียมมีการพยากรณ์โรคที่ดี โรคหายเองโดยไม่ต้องรักษา ไม่กลายเป็น มะเร็ง และ
ผลข้างเคียงที่อาจพบได้ คือ ถุงน้ำฯแตก หรือถุงน้ำแตกเข้าเส้นเลือดและมีเลือดออกเข้าช่องท้อง แต่ก็พบได้น้อยมากๆ
สามารถเป็นถุงน้ำคอร์ปัสลูเทียมซ้ำได้หรือไม่?
ถุงน้ำคอร์ปัสลูเทียมสามารถเป็นซ้ำได้บ่อยๆ
ถุงน้ำคอร์ปัสลูเทียมป้องกันได้หรือไม่?
คอร์ปัสลูเทียมเกิดหลังจากที่มีการตกไข่แล้ว ดังนั้นหากสามารถป้องกันการตกไข่ได้ก็สามารถป้องกันการเกิดคอร์ปัสลูเทียมและถุงน้ำคอร์ปัสลูเทียมได้
ในสตรีที่รับประทานยาเม็ดคุมกำเนิดหรือฉีดยาคุมกำเนิด/ใช้ยาฉีดคุมกำเนิด จะมีฮอร์โมนจากยาคุมกำเนิดไปยับยั้งการตกไข่จึงสามารถใช้ยาเหล่านี้ป้องกันการเกิดถุงน้ำคอร์ปัสลูเทียมได้