ต้อเนื้อ (Pterygium) ต้อลม (Pinguecula) - Update
- โดย ปวีณ์พร โสภณ
- 5 สิงหาคม 2567
- Tweet
ต้อเนื้อ (Pterygium) ต้อลม (Pinguecula) - Update
สารบัญ
- ชนิดต้อเนื้อ
- ต้อเนื้อของดวงตา
- การผ่าตัดเพื่อนำต้อเนื้อออก
- สาเหตุ
- สัญญาณและอาการ
- เงื่อนไขที่เกี่ยวข้อง
- การวินิจฉัย
- การรักษา
- หมายเหตุ
ต้อเนื้อ (Pterygium) (พหูพจน์.: Pterygia หรือ Pterygiums) คือพังผืดสามเหลี่ยมคล้ายปีกที่เกิดขึ้นที่คอ ตา เข่า ข้อศอก ข้อเท้า หรือนิ้วมือ นิ้วเท้า คำนี้มาจากคำภาษากรีก Pterygion แปลว่า "ปีก"
ชนิดต้อเนื้อ
- กลุ่มอาการ Popliteal pterygium (Popliteal pterygium syndrome) ซึ่งเป็นภาวะแต่กำเนิดที่ส่งผลต่อใบหน้า แขนขา หรืออวัยวะเพศ แต่ตั้งชื่อตามความผิดปกติทางโครงสร้างคล้ายปีกหลังเข่า
- ต้อเนื้อที่ตา (Pterygium or surfer's eye) คือ การเติบโตของพังผืดบนกระจกตา (Cornea)
- คอเป็นพังผืด (Webbed neck or Pterygium) การพับของผิวหนังตั้งเเต่กำเนิดบริเวณคอลงมาถึงไหล่
- Pterygium inversum unguis หรือ Ventral pterygium การยึดของส่วนปลายของ Nail bed (เนื้อเยื่อที่อยู่ใต้แผ่นเล็บที่ยึดติดแน่นกับแผ่นเล็บ) กับพื้นผิวหน้าท้องของแผ่นเล็บ
- Pterygium unguis หรือ Dorsal pterygium เป็นแผลเป็นระหว่างรอยพับเล็บส่วนต้นและเนลเมทริกซ์ (เนลเมทริกซ์ คือ ตัวสร้างเล็บ)
ต้อเนื้อของดวงตา
ต้อเป็นตัวการให้การมองเห็นแย่ลงได้หลายสาเหตุ:
- การบิดเบือนของแสงและกระจกตา โดยมักจะเริ่มเมื่อต้อเนื้อกว้างขึ้นจากขอบกระจกตา (Corneal limbus) มากกว่า 2 มม.
- การหยุดชะงักของน้ำตา ชั้นน้ำตา (Tear film) เป็นเลนส์ตาตัวเเรกของดวงตา ต้อเนื้อเกี่ยวข้องกับเปลือกตาอักเสบ หรือ หนังตาอักเสบ จะเรียกว่า Blepharitis
- การเติบโตเหนือกลางกระจกตา ซึ่งจะนำไปสู่การมองเห็นที่เเย่ลงอย่างมาก
- ทำให้เกิดแผลเป็นจากกระจกตาด้านหน้า ซึ่งมักยังคงอยู่หลังการผ่าตัด
ต้อเนื้อของดวงตาเติบโตช้ามาก โดยปกติจะใช้เวลาหลายปีหรือหลายสิบปีกว่าจะลุกลาม
การผ่าตัดเพื่อนำต้อเนื้อออก
ข้อบ่งชี้สำหรับการผ่าตัด ตามลำดับความสำคัญ
- การเจริญเติบโตเหนือศูนย์กลางกระจกตา
- การมองเห็นลดลงเนื่องจากการบิดเบี้ยวของกระจกตา
- การเจริญเติบโตที่เพิ่มมากขึ้นของต้อ
- อาการไม่สบายตา
- เพื่อความสวยงาม
การผ่าตัดมักดำเนินการโดยใช้ยาชาเฉพาะที่ (Local anaesthetic) ร่วมกับการให้ยาสงบประสาทระดับเล็กน้อย (Light sedation) โดยเป็นการผ่าตัดตอนกลางวัน ต้อเนื้อจะถูกลอกออกจากผิวของดวงตาอย่างระมัดระวัง วิธีนี้มีอัตราการเกิดต้อซ้ำสูง วิธีที่มีอัตราการกลับเป็นซ้ำต่ำที่สุดจะใช้การปลูกถ่าย (Autotransplantation) เยื่อบุตาจากใต้เปลือกตา และจะวางเหนือความเสียหายที่เกิดขึ้นจากต้อที่ถูกนำออกไป การปลูกถ่ายอวัยวะ (graft) สามารถเย็บให้เข้าที่ได้ ซึ่งใช้เวลานาน และผู้ป่วยจะเจ็บในภายหลัง
อีกทางเลือกหนึ่งคือการใช้กาว Fibrin Glue ติดเนื้อเยื่อ Cochrane (องค์กรอิสระที่ไม่ได้แสวงหากำไร มุ่งสร้างฐานความรู้ที่เป็นปัจจุบัน ถูกต้องเกี่ยวกับผลการดูแลรักษาผู้ป่วยจากทั่วทุกมุมโลก) องค์นี้ได้ทบทวนวรรณกรรม โดยได้ศึกษา 14 เรื่องและเรื่องอัปเดตล่าสุด เมื่อเดือนตุลาคม ปี 2559 พบว่า การใช้กาว Fibrin Glue ในการปลูกถ่ายเยื่อบุตาจะเกี่ยวข้องกับโอกาสที่ต้อเนื้อจะเกิดขึ้นซ้ำลดลงเมื่อเทียบกับการเย็บแผล แต่จากการทบทวนวรรณกรรมพบว่าการผ่าตัดอาจใช้เวลาน้อยลง แต่ Fibrin glue อาจเกี่ยวข้องกับภาวะแทรกซ้อนที่มากกว่า (เช่น การแตก การหดตัว การอักเสบ เนื้องอก) การศึกษาทางคลินิกเป็นเวลา 3 ปีเกี่ยวกับการใช้คอลลาเจน แมทริกซ์ (Collagen Matrix) ในการปลูกถ่ายบริเวณจุดตัดต้อออกแสดงให้เห็นว่าอัตราความสำเร็จในการผ่าตัดดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ
กลไกของการปลูกถ่ายคอลลาเจน แมทริกซ์ (Collagen Matrix) ทำงานโดยการส่งเสริมการเจริญเติบโตของเซลล์ที่มีสุขภาพดีเข้าไปในเมทริกซ์ จึงป้องกันการเจริญเติบโตมากเกินไปของเยื่อบุตาที่สามารถปกคลุมม่านตาได้
ต้อลม (Pinguecula) เป็นชนิดปกติของการเสื่อมของส่วนพยุงเยื่อบุตาในดวงตา อาการปรากฏเป็นคราบสีขาวเหลืองยกสูงในเยื่อบุตาส่วนหน้า (Bulbar conjunctiva) ใกล้ขอบกระจกตาดำ (limbus) อาจเห็นเป็นหินปูนเป็นบางครั้ง
สาเหตุ
สาเหตุที่แท้จริงยังไม่ทราบแน่ชัด แต่อาจเกี่ยวข้องกับความชราและการได้รับแสงยูวีมากเกินไป
สัญญาณและอาการ
จะเห็นเป็นเหมือนคราบสีเหลืองขาวบนเยื่อบุลูกตาที่อยู่ติดขอบกระจกตาดำ (Limbus) หรือจุดเชื่อมต่อระหว่างกระจกตากับตาขาว ซึ่งต่างจากต้อเนื้อที่เป็นพังผืดรูปลิ่มที่เติบโตบนกระจกตา ต้อลมมักไม่ก่อให้เกิดอาการอื่นๆ พบมากในถูมิอากาศเขตร้อน และมีความสัมพันธ์โดยตรงกับรังสียูวี
ในทางจุลพยาธิวิทยา มีความเสื่อมสภาพของเส้นใยคอลลาเจนของสโตรม่าเยื่อบุตา (Conjunctival stroma) ร่วมกับการทำให้เนื้อเยื่อบุผิว (Epithelium) ที่วางอยู่บางลง และบางครั้งกลายเป็นหินปูน การสัมผัสรังสีของเนื้อเยื่อเยื่อบุตาที่บางส่งผลให้ Fibroblast (เซลล์ที่เป็นตัวสร้างโปรตีนสองชนิด คือคอลลาเจนและอิลาสติน) สร้างเส้นใยอิลาสติน (Elastin คือ โปรตีนให้ความยืดหยุ่นให้แก่เนื้อเยื่อในอวัยวะต่าง ๆ) ซึ่งเป็นเกลียวกว่าปกติ และสามารถนำไปสู่การเสื่อมสลายของเส้นใยคอลลาเจนได้ อีกทางหนึ่ง สมมติฐานว่าเส้นใยคอลลาเจนใต้เยื่อบุผิวผ่านการย่อยสลายและถือว่าคุณสมบัติของเนื้อเยื่อยืดหยุ่นในขณะที่แยกส่วนและบิดตัวในรูปแบบที่แตกต่างจากสภาวะปกติ
การสะท้อนแสงสูงของเนื้อเยื่อตาขาวสีขาวที่เป็นของเเข็งที่อยู่ใต้เนื้อเยื่อเยื่อบุตาอาจส่งผลให้ได้รับรังสียูวีเพิ่มขึ้นที่ด้านหลังของเนื้อเยื่อ ด้านข้างของจมูกยังสะท้อนแสงอาทิตย์เข้าสู่เยื่อบุลูกตาด้วย ผลที่ตามมาคืออาการต้อลมมีแนวโน้มที่จะเกิดขึ้นมากกว่าปกติที่ด้านข้างจมูกของตา ขณะที่ต้อลมส่วนใหญ่พบในผู้ที่มีอายุตั้งแต่ง 40 ปีขึ้นไป และพบในผู้ที่มีอายุตั้งเเต่ 20-30 ปี ที่อยู่ใต้เเสงแดดเป็นเวลานานบ่อยๆ
พื้นผิวของเนื้อเยื่อเยื่อบุตาที่อยู่เหนือต้อลมรบกวนต่อการเเพร่กระจายตามปกติของชั้นน้ำตา (Tear film) การทดสอบน้ำตา (The tear ferning test) เผยให้เห็นความผิดปกติของส่วนประกอบของเมือกของชั้นน้ำตา การทดสอบนี้เป็นประโยชน์เพื่อทำนายความทนทานต่อคอนแทคเลนส์ชนิดอ่อนที่ชอบน้ำของแต่ละบุคคล การแพ้คอนแทคเลนส์อาจเป็นผลมาจากการยกระดับขอบด้านนอกของคอนแทคเลนส์หากมันทับทับกับต้อลม
รูปพหูพจน์ของ Pinguecula คือ Pingueculae Pinguecula มาจากคำภาษาละตินว่า "Pinguis" ซึ่งแปลว่าไขมันหรือไขมัน
เงื่อนไขที่เกี่ยวข้อง
ต้อลมเป็นหนึ่งในการวินิจฉัยแยกโรคของต่อมใต้สมอง อาจมีความชุกของโรค Gaucher เพิ่มขึ้น
การวินิจฉัย
การวินิจฉัยโรคต้อลมมักทำโดยผู้เชี่ยวชาญด้านการดูแลดวงตาในระหว่างการตรวจตาเป็นประจำโดยใช้กล้องจุลทรรศน์ Slit lamp หากถูกสงสัยว่าเป็นเนื้อร้าย อาจมีการแนะนำให้ทำการผ่าตัดเพื่อการวินิจฉัยชิ้นเนื้อที่เยื่อบุตา(Conjunctival biopsy)
การรักษา
โรคต้อลมอาจขยายใหญ่ขึ้นอย่างช้าๆ เมื่อเวลาผ่านไป แต่เป็นภาวะที่ไม่ร้ายแรงซึ่งมักไม่ต้องการการรักษา น้ำตาเทียมอาจช่วยบรรเทาอาการไม่สบายได้ หากเกิดขึ้น หากมีปัญหาเรื่องความงาม หรือหากใช้คอนแทคเลนส์รู้สึกไม่สบาย อาจทำการผ่าตัดออกได้ ในบางครั้งต้อลมอาจเกิดการอักเสบ ซึ่งเป็นภาวะที่เรียกว่า Pingueculitis โดยสาเหตุให้เกิดการอักเสบนั้นยังไม่ทราบแน่ชัด รวมถึงสารที่เกี่ยวข้องด้วย หากการอักเสบทำให้ไม่สบายใจหรือกังวลเกี่ยวกับความงาม สามารถรักษาได้โดยการใช้สเตียรอยด์เฉพาะที่ในระยะสั้น การทำ Laser photocoagulation สามารถกำจัดอาการต้อลมได้
หมายเหตุ
ต้อเนื้อต้อลมพบน้อยลงในปัจจุบันเนื่องจากมีการป้องกันที่ดีขึ้นเช่นการสวมแว่นตาและการหลีกเลี่ยงการได้รับแสงยูวีอาการและอันตรายจากต่อก็น้อยลงด้วยการรักษาจึงจำเป็นน้อยลงการฟื้นฟูก็ได้ผลดีมากด้วยวิธีป้องกันต่อ
อ่านตรวจทานโดย รศ. นพ. ศุภชัย ถนอมทรัพย์
แปลและเรียบเรียงจาก https://en.wikipedia.org/wiki/Pterygium_(eye) และ https://en.wikipedia.org/wiki/Pinguecula [2024, August 5] โดย ปวีณ์พร โสภณ