ต้อเนื้อ (Pterygium) ต้อลม (Pinguecula) - Update

ต้อเนื้อ (Pterygium) ต้อลม (Pinguecula) - Update

สารบัญ

ต้อเนื้อ (Pterygium) (พหูพจน์.: Pterygia หรือ Pterygiums) คือพังผืดสามเหลี่ยมคล้ายปีกที่เกิดขึ้นที่คอ ตา เข่า ข้อศอก ข้อเท้า หรือนิ้วมือ นิ้วเท้า คำนี้มาจากคำภาษากรีก Pterygion แปลว่า "ปีก"

ชนิดต้อเนื้อ

  1. กลุ่มอาการ Popliteal pterygium (Popliteal pterygium syndrome) ซึ่งเป็นภาวะแต่กำเนิดที่ส่งผลต่อใบหน้า แขนขา หรืออวัยวะเพศ แต่ตั้งชื่อตามความผิดปกติทางโครงสร้างคล้ายปีกหลังเข่า
  2. ต้อเนื้อที่ตา (Pterygium or surfer's eye) คือ การเติบโตของพังผืดบนกระจกตา (Cornea)
  3. คอเป็นพังผืด (Webbed neck or Pterygium) การพับของผิวหนังตั้งเเต่กำเนิดบริเวณคอลงมาถึงไหล่
  4. Pterygium inversum unguis หรือ Ventral pterygium การยึดของส่วนปลายของ Nail bed (เนื้อเยื่อที่อยู่ใต้แผ่นเล็บที่ยึดติดแน่นกับแผ่นเล็บ) กับพื้นผิวหน้าท้องของแผ่นเล็บ
  5. Pterygium unguis หรือ Dorsal pterygium เป็นแผลเป็นระหว่างรอยพับเล็บส่วนต้นและเนลเมทริกซ์ (เนลเมทริกซ์ คือ ตัวสร้างเล็บ)

ต้อเนื้อของดวงตา

ต้อเป็นตัวการให้การมองเห็นแย่ลงได้หลายสาเหตุ:

  1. การบิดเบือนของแสงและกระจกตา โดยมักจะเริ่มเมื่อต้อเนื้อกว้างขึ้นจากขอบกระจกตา (Corneal limbus) มากกว่า 2 มม.
  2. การหยุดชะงักของน้ำตา ชั้นน้ำตา (Tear film) เป็นเลนส์ตาตัวเเรกของดวงตา ต้อเนื้อเกี่ยวข้องกับเปลือกตาอักเสบ หรือ หนังตาอักเสบ จะเรียกว่า Blepharitis
  3. การเติบโตเหนือกลางกระจกตา ซึ่งจะนำไปสู่การมองเห็นที่เเย่ลงอย่างมาก
  4. ทำให้เกิดแผลเป็นจากกระจกตาด้านหน้า ซึ่งมักยังคงอยู่หลังการผ่าตัด

ต้อเนื้อของดวงตาเติบโตช้ามาก โดยปกติจะใช้เวลาหลายปีหรือหลายสิบปีกว่าจะลุกลาม

การผ่าตัดเพื่อนำต้อเนื้อออก

ข้อบ่งชี้สำหรับการผ่าตัด ตามลำดับความสำคัญ

  1. การเจริญเติบโตเหนือศูนย์กลางกระจกตา
  2. การมองเห็นลดลงเนื่องจากการบิดเบี้ยวของกระจกตา
  3. การเจริญเติบโตที่เพิ่มมากขึ้นของต้อ
  4. อาการไม่สบายตา
  5. เพื่อความสวยงาม

การผ่าตัดมักดำเนินการโดยใช้ยาชาเฉพาะที่ (Local anaesthetic) ร่วมกับการให้ยาสงบประสาทระดับเล็กน้อย (Light sedation) โดยเป็นการผ่าตัดตอนกลางวัน ต้อเนื้อจะถูกลอกออกจากผิวของดวงตาอย่างระมัดระวัง วิธีนี้มีอัตราการเกิดต้อซ้ำสูง วิธีที่มีอัตราการกลับเป็นซ้ำต่ำที่สุดจะใช้การปลูกถ่าย (Autotransplantation) เยื่อบุตาจากใต้เปลือกตา และจะวางเหนือความเสียหายที่เกิดขึ้นจากต้อที่ถูกนำออกไป การปลูกถ่ายอวัยวะ (graft) สามารถเย็บให้เข้าที่ได้ ซึ่งใช้เวลานาน และผู้ป่วยจะเจ็บในภายหลัง

อีกทางเลือกหนึ่งคือการใช้กาว Fibrin Glue ติดเนื้อเยื่อ Cochrane (องค์กรอิสระที่ไม่ได้แสวงหากำไร มุ่งสร้างฐานความรู้ที่เป็นปัจจุบัน ถูกต้องเกี่ยวกับผลการดูแลรักษาผู้ป่วยจากทั่วทุกมุมโลก) องค์นี้ได้ทบทวนวรรณกรรม โดยได้ศึกษา 14 เรื่องและเรื่องอัปเดตล่าสุด เมื่อเดือนตุลาคม ปี 2559 พบว่า การใช้กาว Fibrin Glue ในการปลูกถ่ายเยื่อบุตาจะเกี่ยวข้องกับโอกาสที่ต้อเนื้อจะเกิดขึ้นซ้ำลดลงเมื่อเทียบกับการเย็บแผล แต่จากการทบทวนวรรณกรรมพบว่าการผ่าตัดอาจใช้เวลาน้อยลง แต่ Fibrin glue อาจเกี่ยวข้องกับภาวะแทรกซ้อนที่มากกว่า (เช่น การแตก การหดตัว การอักเสบ เนื้องอก) การศึกษาทางคลินิกเป็นเวลา 3 ปีเกี่ยวกับการใช้คอลลาเจน แมทริกซ์ (Collagen Matrix) ในการปลูกถ่ายบริเวณจุดตัดต้อออกแสดงให้เห็นว่าอัตราความสำเร็จในการผ่าตัดดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ

กลไกของการปลูกถ่ายคอลลาเจน แมทริกซ์ (Collagen Matrix) ทำงานโดยการส่งเสริมการเจริญเติบโตของเซลล์ที่มีสุขภาพดีเข้าไปในเมทริกซ์ จึงป้องกันการเจริญเติบโตมากเกินไปของเยื่อบุตาที่สามารถปกคลุมม่านตาได้

ต้อลม (Pinguecula) เป็นชนิดปกติของการเสื่อมของส่วนพยุงเยื่อบุตาในดวงตา อาการปรากฏเป็นคราบสีขาวเหลืองยกสูงในเยื่อบุตาส่วนหน้า (Bulbar conjunctiva) ใกล้ขอบกระจกตาดำ (limbus) อาจเห็นเป็นหินปูนเป็นบางครั้ง

สาเหตุ

สาเหตุที่แท้จริงยังไม่ทราบแน่ชัด แต่อาจเกี่ยวข้องกับความชราและการได้รับแสงยูวีมากเกินไป

สัญญาณและอาการ

จะเห็นเป็นเหมือนคราบสีเหลืองขาวบนเยื่อบุลูกตาที่อยู่ติดขอบกระจกตาดำ (Limbus) หรือจุดเชื่อมต่อระหว่างกระจกตากับตาขาว ซึ่งต่างจากต้อเนื้อที่เป็นพังผืดรูปลิ่มที่เติบโตบนกระจกตา ต้อลมมักไม่ก่อให้เกิดอาการอื่นๆ พบมากในถูมิอากาศเขตร้อน และมีความสัมพันธ์โดยตรงกับรังสียูวี

                ในทางจุลพยาธิวิทยา มีความเสื่อมสภาพของเส้นใยคอลลาเจนของสโตรม่าเยื่อบุตา (Conjunctival stroma) ร่วมกับการทำให้เนื้อเยื่อบุผิว (Epithelium) ที่วางอยู่บางลง และบางครั้งกลายเป็นหินปูน การสัมผัสรังสีของเนื้อเยื่อเยื่อบุตาที่บางส่งผลให้ Fibroblast (เซลล์ที่เป็นตัวสร้างโปรตีนสองชนิด คือคอลลาเจนและอิลาสติน) สร้างเส้นใยอิลาสติน (Elastin คือ โปรตีนให้ความยืดหยุ่นให้แก่เนื้อเยื่อในอวัยวะต่าง ๆ) ซึ่งเป็นเกลียวกว่าปกติ และสามารถนำไปสู่การเสื่อมสลายของเส้นใยคอลลาเจนได้ อีกทางหนึ่ง สมมติฐานว่าเส้นใยคอลลาเจนใต้เยื่อบุผิวผ่านการย่อยสลายและถือว่าคุณสมบัติของเนื้อเยื่อยืดหยุ่นในขณะที่แยกส่วนและบิดตัวในรูปแบบที่แตกต่างจากสภาวะปกติ

                การสะท้อนแสงสูงของเนื้อเยื่อตาขาวสีขาวที่เป็นของเเข็งที่อยู่ใต้เนื้อเยื่อเยื่อบุตาอาจส่งผลให้ได้รับรังสียูวีเพิ่มขึ้นที่ด้านหลังของเนื้อเยื่อ ด้านข้างของจมูกยังสะท้อนแสงอาทิตย์เข้าสู่เยื่อบุลูกตาด้วย ผลที่ตามมาคืออาการต้อลมมีแนวโน้มที่จะเกิดขึ้นมากกว่าปกติที่ด้านข้างจมูกของตา ขณะที่ต้อลมส่วนใหญ่พบในผู้ที่มีอายุตั้งแต่ง 40 ปีขึ้นไป และพบในผู้ที่มีอายุตั้งเเต่ 20-30 ปี ที่อยู่ใต้เเสงแดดเป็นเวลานานบ่อยๆ

พื้นผิวของเนื้อเยื่อเยื่อบุตาที่อยู่เหนือต้อลมรบกวนต่อการเเพร่กระจายตามปกติของชั้นน้ำตา (Tear film) การทดสอบน้ำตา (The tear ferning test) เผยให้เห็นความผิดปกติของส่วนประกอบของเมือกของชั้นน้ำตา การทดสอบนี้เป็นประโยชน์เพื่อทำนายความทนทานต่อคอนแทคเลนส์ชนิดอ่อนที่ชอบน้ำของแต่ละบุคคล การแพ้คอนแทคเลนส์อาจเป็นผลมาจากการยกระดับขอบด้านนอกของคอนแทคเลนส์หากมันทับทับกับต้อลม

 รูปพหูพจน์ของ Pinguecula คือ Pingueculae Pinguecula มาจากคำภาษาละตินว่า "Pinguis" ซึ่งแปลว่าไขมันหรือไขมัน

เงื่อนไขที่เกี่ยวข้อง

                ต้อลมเป็นหนึ่งในการวินิจฉัยแยกโรคของต่อมใต้สมอง อาจมีความชุกของโรค Gaucher เพิ่มขึ้น

การวินิจฉัย

                การวินิจฉัยโรคต้อลมมักทำโดยผู้เชี่ยวชาญด้านการดูแลดวงตาในระหว่างการตรวจตาเป็นประจำโดยใช้กล้องจุลทรรศน์ Slit lamp หากถูกสงสัยว่าเป็นเนื้อร้าย อาจมีการแนะนำให้ทำการผ่าตัดเพื่อการวินิจฉัยชิ้นเนื้อที่เยื่อบุตา(Conjunctival biopsy)

การรักษา

                โรคต้อลมอาจขยายใหญ่ขึ้นอย่างช้าๆ เมื่อเวลาผ่านไป แต่เป็นภาวะที่ไม่ร้ายแรงซึ่งมักไม่ต้องการการรักษา น้ำตาเทียมอาจช่วยบรรเทาอาการไม่สบายได้ หากเกิดขึ้น หากมีปัญหาเรื่องความงาม หรือหากใช้คอนแทคเลนส์รู้สึกไม่สบาย อาจทำการผ่าตัดออกได้ ในบางครั้งต้อลมอาจเกิดการอักเสบ ซึ่งเป็นภาวะที่เรียกว่า Pingueculitis โดยสาเหตุให้เกิดการอักเสบนั้นยังไม่ทราบแน่ชัด รวมถึงสารที่เกี่ยวข้องด้วย หากการอักเสบทำให้ไม่สบายใจหรือกังวลเกี่ยวกับความงาม สามารถรักษาได้โดยการใช้สเตียรอยด์เฉพาะที่ในระยะสั้น การทำ Laser photocoagulation สามารถกำจัดอาการต้อลมได้

หมายเหตุ

ต้อเนื้อต้อลมพบน้อยลงในปัจจุบันเนื่องจากมีการป้องกันที่ดีขึ้นเช่นการสวมแว่นตาและการหลีกเลี่ยงการได้รับแสงยูวีอาการและอันตรายจากต่อก็น้อยลงด้วยการรักษาจึงจำเป็นน้อยลงการฟื้นฟูก็ได้ผลดีมากด้วยวิธีป้องกันต่อ

อ่านตรวจทานโดย รศ. นพ. ศุภชัย ถนอมทรัพย์

แปลและเรียบเรียงจาก https://en.wikipedia.org/wiki/Pterygium_(eye) และ https://en.wikipedia.org/wiki/Pinguecula [2024, August 5] โดย ปวีณ์พร โสภณ