4. ตลาดเครื่องมือแพทย์ - ตอนที่ 10

ตามแผนพัฒนาสุขภาพแห่งชาติฉบับที่ 12 พ.ศ 2560 ถึง พ.ศ. 2564 สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) คาดว่าผู้ที่มีอายุมากกว่า 60 ปีขึ้นไปของไทยจะเพิ่มขึ้นจาก 11.2 ล้านคนในปี พ.ศ. 2561 เป็น 13.5 ล้านคนในปี พ.ศ. 2566 และค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพของผู้สูงอายุจะเพิ่มขึ้นจาก 6.3 หมื่นล้านบาท ในปี พ.ศ. 2553 ซึ่งเป็น 2.1% ของรายได้ประชาชาติ (Gross Domestic Product: GDP) เป็น 2.3 แสนล้านบาท ซึ่งเป็น 2.8% ของ GDP ในปี พ.ศ. 2565

กลุ่มครุภัณฑ์ทางการแพทย์ (Medical equipment) และกลุ่มน้ำยา (Re-agent) และชุดวินิจฉัยโรค (Diagnostic kit) มีศักยภาพเติบโตต่อเนื่อง โดยกลุ่มครุภัณฑ์ทางการแพทย์ได้ปัจจัยหนุนจากนโยบายภาครัฐ ที่สนับสนุนให้มีการตรวจโรคระดับชุมชน (Community) และหน่วยตรวจโรคเคลื่อนที่ (Mobile unit)

การขยายหรือปรับปรุง (Renovation) และการก่อสร้าง (Construction) ของโรงพยาบาลใหม่ ทำให้คาดว่าความต้องการใช้ครุภัณฑ์ทางการแพทย์ ในกลุ่มที่ใช้เทคโนโลยีมีแนวโน้ม (Trend) สูงขึ้น ส่วนกลุ่มน้ำยาและชุดวินิจฉัยโรค คาดว่าชุดตรวจวินิจฉัยโรคเพื่อเฝ้าระวังการเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจ (Cardio-vascular) จะเป็นกลุ่มที่มีอัตราการเติบโตสูงที่สุด

ส่วนเครื่องมือแพทย์ (Medical device) ที่คาดว่าจะมีบทบาทมากขึ้นในอนาคต ได้แก่ หุ่นยนต์ทางการแพทย์ (Medical robot) ซึ่งจะได้รับการนำมาใช้ในการวินิจฉัยโรค, การรักษา (Treatment), การฟื้นฟู (Rehabilitation) และการสร้างอวัยวะ (เช่น แขนและขา) เทียม (Prosthetics)

ตัวอย่างเช่น การใช้หุ่นยนต์และปัญญาประดิษฐ์ (Artificial intelligence: AI) มาช่วยในการวินิจฉัยภาพถ่ายรังสี (Imaging), หุ่นยนต์กล้อง (Robotic scope) และเครื่องจับความไว (Sensor) รวมถึงหุ่นยนต์ที่ใช้ในการผ่าตัด (Robotic surgery) ที่ศัลยแพทย์สามารถควบคุมได้จากระยะไกล (Distance) เป็นต้น

อย่างไรก็ตาม ประเทศไทยยังมีข้อจำกัด (Limitation) ในการพัฒนาเทคโนโลยีขั้นสูง (Advanced technology) ทั้งในด้านเงินทุน (Capital investment) และในด้านองค์ความรู้ (Know-how) ส่วนมากยังต้องพึ่งพาการนำเข้าหรือการผลิตจากบริษัทต่างชาติ ที่เข้ามาตั้งฐานการผลิต (Production base) ในประเทศไทย เช่น ญี่ปุ่น และฝรั่งเศส

ภาวการณ์แข่งขัน (Competitive landscape) ในอุตสาหกรรมเครื่องมือแพทย์มีแนวโน้มรุนแรงขึ้น จากการเข้ามาลงทุนอย่างต่อเนื่องของบริษัทผู้ผลิตเครื่องมือแพทย์จากต่างประเทศ ที่ตอบรับนโยบายส่งเสริมการลงทุน (Board of Investment: BOI) รวมถึงมาตรการยกเว้นอากรขาเข้าชิ้นส่วน (Parts) และวัตถุดิบ (Raw material) เพื่อใช้ในการวิจัยและพัฒนา

ในช่วงครึ่งแรกของปี พ.ศ. 2563 บริษัทต่างชาติได้ยื่นขอรับการส่งเสริมการลงทุนในธุรกิจการแพทย์ 18 โครงการ รวมเงินลงทุนทั้งสิ้น 1,453 ล้านบาท และระบบอัตโนมัติ (Automation) และหุ่นยนต์ 2 โครงการ รวมเงินลงทุนทั้งสิ้น 111 ล้านบาท โดยเฉพาะนักลงทุนบริษัทญี่ปุ่น ยังคงสนใจที่จะใช้ประเทศไทย เป็นฐานการผลิตอย่างต่อเนื่อง จึงอาจมีส่วนเพิ่มแรงกดดันด้านการแข่งขัน (Competitive pressure)

แหล่งข้อมูล – 

  1. https://www.krungsri.com/th/research/industry/industry-outlook/Other-Industries/Medical-Devices/IO/medical-devices [2023, July 2].
  2. https://www.thailandmedicalhub.net/policy [2023, July 2].