9. ตลาดการแพทย์ทางไกล - ตอนที่ 3
- โดย ดร. วิทยา มานะวาณิชเจริญ
- 15 เมษายน 2566
- Tweet

การแพทย์ทางไกล (Tele-medicine) แบ่งออกเป็น 3 ประเภท อันได้แก่
- การเก็บข้อมูลและส่งต่อ (Store-and-forward telemedicine) - ปัจจุบัน เราสามารถเก็บข้อมูลของผู้ป่วย เช่น ประวัติการเจ็บป่วย, การจ่ายยา, การผ่าตัด, การดูแลรักษาอื่นๆ, ของตัวผู้ป่วยและครอบครัว ไว้ในไฟล์แบบออนไลน์ (On-line data file) โดยไม่จำเป็นต้องเก็บข้อมูลไว้ในแฟ้ม (เวชระเบียน) ซึ่งยากต่อการเก็บและการค้นหา รวมทั้งการส่งต่อข้อมูลผู้ป่วยโดยทางออนไลน์ เพื่อไปปรึกษาแพทย์ที่เชี่ยวชาญกว่า
แพทย์ที่จะส่งต่อ (Refer) ผู้ป่วยไปปรึกษาแพทย์ในโรงพยาบาลอื่น ก็ต้องเขียนใบส่งต่อผู้ป่วย โดยย่อประวัติผู้ป่วย, ผลการตรวจร่างกาย, และการตรวจวิเคราะห์ในห้องปฏิบัติการทางการแพทย์, การรักษาพยาบาลที่เคยให้ผู้ป่วยไปแล้วและกำลังให้อยู่, ฯลฯ ซึ่งต้องใช้เวลามาก (Time-consuming) และไม่มีรายละเอียด (Detail) เท่ากับข้อมูลทางออนไลน์
ผู้ป่วยและญาติมักจะต้องเป็นผู้นำใบส่งต่อไปยังโรงพยาบาลอื่นด้วยตนเอง ทำให้ผู้ป่วยและญาติต้องเสียเวลาและค่าใช้จ่ายมาก และหากแพทย์ผู้รับใบส่งต่อเห็นว่า ไม่มีความจำเป็นที่ผู้ป่วยจะต้องมารับการรักษาที่โรงพยาบาลใหม่ ก็มักจะส่งผู้ป่วยกลับไปยังโรงพยาบาลเดิม ยิ่งเพิ่มภาระแก่ผู้ป่วยและญาติอีก
นอกจากนี้ ในกรณีที่ปัญหานั้นยุ่งยากหรือซับซ้อน (Complication) ก็สามารถขอปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ (Consultant) ในหลายๆ สาขาพร้อมกัน เป็นการประชุมออนไลน์ (On-line conference) โดยทุกคนที่เข้าร่วมประชุม สามารถเห็นหน้าเห็นตาและเห็นข้อมูลพร้อมกัน ส่งผลให้ได้ข้อสรุปที่จะเป็นประโยชน์ต่อการรักษาพยาบาลยิ่งขึ้น
- การติดตามดูแลทางไกล (Remote patient monitoring) - ในปัจจุบัน มีอุปกรณ์การแพทย์มากมาย ที่ผู้ป่วยหรือญาติ สามารถใช้วัดข้อมูลสำคัญบางอย่างได้ด้วยตนเอง เช่น สัญญาณชีพ (Vital signs) อันได้แก่ อุณหภูมิ, ชีพจร, ความดันโลหิต, อัตราการหายใจ, ความอิ่มของออกซิเจนในเลือด (Blood-oxygen saturation), และระดับน้ำตาลในเลือด
ดังนั้น ผู้ป่วยหรือญาติสามารถรายงานข้อมูลต่างๆ เหล่านี้ให้บุคลากรทางการแพทย์ ได้ทราบตามวันและเวลาที่นัดหมาย (Appointment) กันไว้ หรือเมื่อผลการตรวจวัดนั้นผิดปกติ (Abnormal) หรือผิดไปจากเกณฑ์ที่บุคลากรทางการแพทย์แนะนำไว้ เป็นต้น
ยิ่งกว่านั้น ยังมีอุปกรณ์พิเศษมากขึ้น ที่สามารถติดแนบกับร่างกายผู้ป่วยตลอดเวลา เพื่อติดตามเฝ้าดูข้อมูลสำคัญบางอย่างตลอดเวลา และส่งเสียงแจ้งเตือน (Alarm) ผู้ป่วย และ/หรือ บุคลากรทางการแพทย์ที่อยู่ห่างไกลออกไป (Distant) ได้ทันที เมื่อเกิดความผิดปรกติขึ้น ทำให้บุคลากรทางการแพทย์สามารถให้คำแนะนำแก่ผู้ป่วย และ/หรือ ญาติให้รีบแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นได้อย่างรวดเร็ว โดยที่ผู้ป่วยไม่ต้องเดินทางไปโรงพยาบาล หากไม่จำเป็น
- การแพทย์ทางไกลในเวลาจริง (Real-time telemedicine) - ผู้ป่วยสามารถขอคำปรึกษาและความช่วยเหลือ (Assistance) จากบุคลากรทางการแพทย์คนใดก็ได้ที่ตนต้องการ โดยสามารถพูดคุยกันแบบเห็นหน้าเห็นตากันทางออนไลน์ ซึ่งอาจจะเป็นแบบติดต่อได้โดยตรงหรือผ่านศูนย์การแพทย์ทางไกล (Tele-medicine center) ก็ได้ ข้อสำคัญสถานการณ์ดังกล่าว สามารถเกิดขึ้นได้ทันทีทันใด (Instant)
แหล่งข้อมูล