คุยกับหมอรักษาโรคมะเร็ง ตอน ผลของบุหรี่ต่อประสิทธิผล การรักษามะเร็งโพรงหลังจมูก

คุยกับหมอรักษาโรคมะเร็ง ตอน ผลของบุหรี่ต่อประสิทธิผล การรักษามะเร็งโพรงหลังจมูก

มะเร็งโพรงหลังจมูก  พบบ่อยเป็นลำดับที่23ของมะเร็งทั่วโลก  เกือบทั้งหมดพบในผู้ใหญ่วัยตั้งแต่ 40ปีขึ้นไป เพศชายพบบ่อยกว่าเพศหญิง2-3เท่า  มีรายงานในปี 2018 พบอัตราเกิดในเพศชาย 1.7 รายต่อประชากรโลกชาย  1แสนคน และ เพศหญิงรายงาน 0.7 รายต่อประชากรโลกหญิง1แสนคน โรคนี้พบสูงในภูมิภาคจีนตอนใต้และตะวันออกเฉียงใต้ที่รวมถึงไทย

 สำหรับประเทศไทย รายงานจากสถาบันมะเร็งแห่งชาติปี 2018 มะเร็งชนิดนี้ไม่ติดมะเร็งพบบ่อย10ลำดับแรกทั้งเพศชายและเพศหญิง โดยเพศชายพบ2.6รายต่อประชากรชายไทย 1แสนคน และ เพศหญิงพบ 1.0รายต่อประชากรหญิงไทย1แสนคน  

มะเร็งโพรงหลังจมูกจัดอยู่ในมะเร็งระบบศีรษะและลำคอ การรักษาหลักคือ รังสีรักษาวิธีเดียวในโรคระยะแรก ส่วนโรคระยะลุกลามการรักษาหลักจะเป็นรังสีรักษาร่วมกับยาเคมีบำบัด  ปัจจัยเสี่ยงเกิดโรค เช่น ภูมิภาคที่อยู่อาศัยดังกล่าวในตอนต้น, เชื้อชาติจีน, การติดเชื้อไวรัส Epstein-Barr virus (EBV), การบริโภคปลาหมักดองเค็มเป็นอาหารหลัก,   แต่เนื่องจากในมะเร็งระบบศีรษะและลำคอ ปัจจัยเสี่ยงสำคัญอีกปัจจัยคือ การสูบบุหรี่ คณะแพทย์จากประเทศจีน นำโดย นพ.Xue-Song Sun จาก Sun Yat-sen University Cancer Center, State Key Laboratory of Oncology in South China ,ประเทศจีน จึงต้องการศึกษาว่า การสูบบุหรี่มีผลต่ออัตรารอดชีวิตของผู้ป่วยมะเร็งชนิดนี้หรือไม่ และได้รายงานผลศึกษาในวารสารการแพทย์ด้านโรคมะเร็งแห่งสหราชอาณาจักร  Radiotherapy & Oncology ฉบับ 1 กันยายน 2021

การศึกษานี้ ศึกษาผู้ป่วยมะเร็งโพรงหลังจมูกในประเทศจีนช่วง1990-2016 มีผู้ป่วยที่ศึกษาทั้งหมด 23,325ราย ได้รับการรักษาด้วยการฉายรังสีรักษาด้วยเทคนิคแบบ 2มิติ หรือ 3มิติ หรือ ไอเอ็มอาร์ที(IMRT/เทคนิคฉายรังสีปัจจุบัน)

ผลการศึกษา:

  • อัตรารอดที่ห้าปี:
  • ผู้เคยสูบบุหรี่= 76.4%
  • ผู้ที่สูบบุหรี่จนถึงวันที่วินิจฉัยเป็นมะเร็ง=68.9%
  • ผู้ไม่เคยสูบบุหรี่เลย=79.8%
  • ผู้ได้รับการฉายรังสีไอเอ็มอาร์ มีอัตรารอดที่ห้าปีสัมพันธ์กับสถานภาพสูบบุหรี่เช่นเดียวกับผู้ป่วยกลุ่มฉายรังสีฯเทคนิคอื่นๆ
  • อัตราปลอดจากโรคแพร่กระจายทางกระแสเลือดที่ห้าปีในผู้ไม่เคยสูบบุหรี่ สูงกว่าในผู้เคยสูบบุหรี่ หรือ ในผู้สูบบุหรี่จนถึงวันวินิจฉัยโรค อย่างสำคัญ ทางสถิติ, P<0.004 และ P<0.001 ตามลำดับ
  • การวิเคราะห์พหุตัวแปร (Multivariate Analysis)ในกลุ่มผู้รักษาด้วยไอเอ็มอาร์ที พบว่า
  • อัตราตาย(P=0.003)และอัตราโรคย้อนกลับเป็นซ้ำ(P=0.027)สูงในผู้สูบบุหรี่จนถึงวันวินิจฉัยโรคอย่างสำคัญทางสถิติเมื่อเปรียบกับผู้ไม่เคยสูบบุหรี่
  • ในผู้มีการแพร่กระจายโรคทางกระแสเลือดปัจจัยเสี่ยงจะอยู่ในกลุ่มผู้เคยสูบบุหรี่และกลุ่มผู้สูบบุหรี่จนถึงวันวินิจฉัยโรค, P=0.031 และ P=0.019 ตามลำดับเมื่อเปรียบกับผู้ไม่เคยสูบบุหรี่
  • ตัวแปรอื่นที่เป็นปัจจัยสำคัญร่วมกับการสูบบุหรี่ คือ เพศ, อายุ, ผลติดเชื้อ Epstein-Barr virus

คณะผู้ศึกษาสรุปว่า ในยุคของการฉายรังสีรักษาด้วยเทคนิคไอเอ็มอาร์ ผู้ที

  • เคยสูบุหรี่มาก่อน หรือ  สูบบุหรี่จนถึงวันที่วินิจฉัยมะเร็งได้เป็นปัจจัยเสี่ยงการเกิดมะเร็งโพรงหลังจมูกแพร่กระจายทางกระแสเลือด  และ
  • อัตรารอดจากโรคและอัตราปลอดจากโรคย้อนกลับเป็นซ้ำแย่กว่าอย่างสำคัญทางสถิติเฉพาะในกลุ่มผู้สูบบุหรี่จนถึงวันวินิจฉัยมะเร็งเมื่อเทียบกับผู้ไม่เคยสูบบุหรี่

บรรณานุกรม

  1. Imsamran, W. et al. (2018). Cancer in Thailand vol ix, 2013-2015, National Cancer Institute, Ministry of Public Health. Thailand
  2. Xue-Song Sun, et al. Radiotherapy&Oncology. 2021;162, 7-17 (abstract)
  3. https://www.wcrj.net/wp-content/uploads/sites/5/2018/03/e1046-Nasopharyngeal-cancer-in-the-world-epidemiology-incidence-mortality-and-risk-factors.pdf [2022,April14]
  4. https://www.wcrf.org/dietandcancer/nasopharyngeal-cancer-statistics/ [2022,April14]