ครรภ์ไข่ปลาอุก (Molar pregnancy)
- โดย รองศาสตราจารย์ แพทย์หญิง ประนอม บุพศิริ
- 26 ตุลาคม 2562
- Tweet
สารบัญ
- ครรภ์ไข่ปลาอุกคืออะไร?
- ครรภ์ไข่ปลาอุกแตกต่างจากครรภ์ปกติอย่างไร?
- สาเหตุของการตั้งครรภ์ไข่ปลาอุกคืออะไร?
- ปัจจัยเสี่ยงการตั้งครรภ์ไข่ปลาอุกมีอะไรบ้าง?
- ครรภ์ไข่ปลาอุกมีผลหรือทำให้เกิดอันตรายอย่างไร?
- ครรภ์ไข่ปลาอุกมีอาการอย่างไร?
- แพทย์วินิจฉัยการตั้งครรภ์ไข่ปลาอุกได้อย่างไร?
- การตั้งครรภ์ไข่ปลาอุกรักษาอย่างไร?
- ครรภ์ไข่ปลาอุกมีการพยากรณ์โรคอย่างไร?
- ดูแลตนเองเมื่อมีการตั้งครรภ์ไข่ปลาอุกอย่างไร?
- เมื่อมีบุตรเพียงพอแล้ว แพทย์แนะนำอย่างไร?
- เมื่อต้องการมีบุตรอีก แพทย์แนะนำอย่างไร?
- ทารกที่เกิดจากมารดาเคยมีครรภ์ไข่ปลาอุกจะปกติหรือไม่?
- มีวิธีป้องกันตั้งครรภ์ไข่ปลาอุกหรือไม่?
บทความที่เกี่ยวข้อง
- การตั้งครรภ์ (Pregnancy)
- ครรภ์เป็นพิษ (Preeclampsia)
- ความดันโลหิตสูง (Hypertension)
- ต่อมไทรอยด์เป็นพิษ (Thyrotoxicosis)
- มะเร็งรก (Choriocarcinoma)
- การแท้งบุตร (Miscarriage)
- การตัดมดลูก (Hysterectomy)
- ภาวะต่อมไทรอยด์ทำงานเกิน (Hyperthyroidism)
ครรภ์ไข่ปลาอุกคืออะไร?
ครรภ์ไข่ปลาอุก (Molar pregnancy หรือ Hydatidiform Mole) เป็นคำที่ใช้เรียกการตั้ง ครรภ์ที่รก มีลักษณะจากที่มองเห็น เป็นถุงน้ำใสๆจำนวนมากมาย อยู่ติดกันเป็นพวงคล้ายกับไข่ปลา (โดยเฉพาะไข่ของปลาอุก ซึ่งเป็นปลาน้ำจืดถึงน้ำกร่อยชนิดหนึ่ง) หรือพวงองุ่น หรือลักษณะคล้ายเม็ดสาคูจำนวนมากมาย แต่แท้จริงเป็นเนื้องอกของเนื้อรกชนิดหนึ่งที่แบ่งตัวมากผิดปกติ เกิดจากการปฏิสนธิระหว่างไข่กับเชื้ออสุจิที่มีโครโมโซมผิดปกติ ทำให้ไม่สามารถเจริญไปเป็นตัวอ่อนของมนุษย์ได้ แต่จะเจริญผิดปกติเป็นถุงน้ำเล็กๆจำนวนมากมาย
ครรภ์ไข่ปลาอุกพบได้เรื่อยๆ แต่ไม่สูงมาก สถิติการเกิดแตกต่างกันในแต่ละประเทศ มีรายงานพบได้ตั้งแต่ 1 ใน 100 ไปจนถึง 1 ใน 5,000 การตั้งครรภ์ทั้งหมด
ครรภ์ไข่ปลาอุกแตกต่างจากครรภ์ปกติอย่างไร?
การตั้งครรภ์ไข่ปลาอุกต่างจากครรภ์ปกติ คือ เป็นการตั้งครรภ์ไม่ปกติ โดยแบ่งเป็น
- ครรภ์ไข่ปลาอุกอย่างเดียว (Complete molar pregnancy) จะมีเฉพาะเนื้องอกของเนื้อรกทั้งหมด ไม่มีตัวทารก
- ครรภ์ไข่ปลาอุกร่วมกับมีทารกด้วย (Incomplete molar pregnancy or partial mole) มีเนื้องอกของเนื้อรกร่วมกับมีตัวทารกด้วย แต่เป็นทารกที่ผิดปกติที่ไม่สามารถมีชีวิตเจริญ เติบโตได้
- ครรภ์ไข่ปลาอุกที่เนื้องอกรกลุกลามเข้าไปในกล้ามเนื้อมดลูก (Invasive mole)
- มะเร็งไข่ปลาอุก/มะเร็งรก/หรือมะเร็งเนื้อรก (Choriocarcinoma) คือเป็นครรภ์ที่เนื้องอก รก เป็นเนื้องอกชนิดเป็นมะเร็ง
สาเหตุของการตั้งครรภ์ไข่ปลาอุกคืออะไร?
สาเหตุที่แท้จริงของการเกิดครรภ์ไข่ปลาอุก ยังไม่ทราบว่า เหตุใดหรือมีสิ่งใดที่ทำให้ไข่ของสตรีไม่มีโครโมโซมเพศ (โครโมโซม X) เมื่อถูกผสมจากเชื้ออสุจิ โครโมโซมของตัวอ่อนจะเป็นโครโมโซมของพ่อทั้งหมด ทำให้ไม่สามารถเจริญไปเป็นตัวอ่อนของมนุษย์ปกติได้
ปัจจัยเสี่ยงการตั้งครรภ์ไข่ปลาอุกมีอะไรบ้าง?
ปัจจัยเสี่ยงการเกิดครรภ์ไข่ปลาอุก ได้แก่
- สตรีตั้งครรภ์เมื่ออายุมาก (>35 ปี)
- การตั้งครรภ์แรก
- สูบบุหรี่
- บางเชื้อชาติ เผ่าพันธุ์ เช่น พวกแอฟริกัน
ครรภ์ไข่ปลาอุกมีผลหรือทำให้เกิดอันตรายอย่างไร?
ครรภ์ไข่ปลาอุก จะเป็นสาเหตุทำให้มีเลือดออกทางช่องคลอดต่อเนื่อง
- หากเลือดออกครั้งเดียวจำนวนมาก จะทำให้ ช็อก หมดสติได้
- แต่หากเลือดออกทีละน้อยและไมได้ไปพบแพทย์ สามารถทำให้เกิดโลหิตจางได้
- การตั้งครรภ์ไข่ปลาอุกสามารถลุกลามแทรกเข้าไปในกล้ามเนื้อมดลูก (Invasive mole) ทำให้มีเลือดออกจากโพรงมดลูกได้อย่างต่อเนื่อง การรักษาจึงจำเป็นต้องตัดมดลูก
- นอกจากนั้น เนื้องอกครรภ์ไข่ปลาอุกยังสามารถกลายไปเป็นมะเร็งได้ (Choriocarcinoma) แต่เกิดขึ้นไม่มาก
ครรภ์ไข่ปลาอุกมีอาการอย่างไร?
อาการที่พบได้จากการตั้งครรภ์ไข่ปลาอุก ได้แก่
- ขาดประจำเดือนเหมือนคนตั้งครรภ์ทั่วไป
- แพ้ท้อง คลื่นไส้อาเจียน มากกว่าคนตั้งครรภ์ทั่วไป (Hyperemesis gravidarum)
- อาการครรภ์เป็นพิษ คือ มีความดันโลหิตสูงในขณะอายุครรภ์น้อยๆก่อน 20 สัปดาห์ เนื่องจากมีปริมาณฮอร์โมนที่เกี่ยวกับการตั้งครรภ์ (Beta hCG/ Human chorionic gona dotropin hormone) สูงเกินไป (โดยทั่วไปหากเป็นการตั้งครรภ์ปกติ อาการครรภ์เป็นพิษ จะเกิดเมื่ออายุครรภ์มากแล้ว)
- ขนาดของท้องมักจะโตกว่าอายุครรภ์ คล้ายครรภ์แฝด
- อาการไทรอยด์เป็นพิษ/ภาวะต่อมไทรอยด์ทำงานเกิน เช่น เหนื่อยง่าย ใจสั่น เนื่องจากมีปริมาณฮอร์โมน Beta hCG จึงไปกระตุ้นให้มีการสร้างฮอร์โมนจากต่อมไทรอยด์มากเกินไป
- มีเลือดออกทางช่องคลอด ลักษณะคล้ายการแท้งบุตร
- บางครั้งจะพบคล้ายมีเม็ดสาคูหลุดออกมาจากช่องคลอด
อนึ่ง:
- เมื่อมีอาการดังกล่าว ควรพบสูตินรีแพทย์ที่ได้ฝากครรภ์ไว้ ก่อนนัดเสมอ
- และในส่วนของอาการครรภ์เป็นพิษ และภาวะต่อมไทรอยด์ทำงานเกิน
แพทย์วินิจฉัยการตั้งครรภ์ไข่ปลาอุกได้อย่างไร?
แพทย์วินิจฉัยครรภ์ไข่ปลาอุก ได้จาก
ก. ประวัติอาการ: ส่วนมากผู้ป่วยจะมีประวัติการขาดประจำเดือนเหมือนคนตั้งครรภ์ทั่วไป บางครั้งจะมีอาการคลื่นไส้อาเจียนมากๆกว่าคนตั้งครรภ์ปกติ เนื่องจากมีฮอร์โมน Beta hCG มากเกินไป ต่อมามักมีเลือดออกเหมือนจะแท้งบุตร มักได้ประวัติรู้สึกท้องโตเร็วกว่าปกติ หรือท้องโตแล้วแต่ไม่รู้สึกว่าลูกดิ้น
ข. การตรวจร่างกาย: บางครั้งตรวจพบความดันโลหิตสูงได้ จากการที่มีฮอร์โมน Beta hCG ที่สูงๆ บางครั้งตรวจพบคล้ายอาการไทรอยด์เป็นพิษ มีใจสั่น มือสั่น เหงื่อออกมาก เนื่องจากมีฮอร์โมนที่คล้ายฮอร์โมนไทรอยด์มากเกินไป ตรวจพบขนาดของครรภ์ใหญ่กว่าอายุครรภ์ที่ควรจะเป็น และไม่สามารถฟังเสียงการเต้นของหัวใจทารกได้ในเวลาที่เหมาะสม
ค. การตรวจอัลตราซาวด์ครรภ์: ถือว่ามีความสำคัญมากที่ช่วยวินิจฉัยสาเหตุที่ทำให้มีเลือด ออกทางช่องคลอดในสตรีตั้งครรภ์ โดยครรภ์ไข่ปลาอุกจะมีลักษณะพิเศษทางอัลตราซาวด์ ซึ่งทำให้วินิจฉัยได้ง่าย คือจะพบถุงน้ำจำนวนมากในโพรงมดลูกและไม่พบทารก และสามารถพบถุงน้ำรังไข่ร่วมด้วยทั้ง 2 ข้างของรังไข่
ง. การตรวจเลือด: เพื่อหาระดับฮอร์โมน Beta hCG ที่เป็นฮอร์โมนที่จำเพาะสำหรับช่วยวิ นิจฉัยครรภ์ไข่ปลาอุก ฮอร์โมนนี้สร้างจากเนื้อรก ซึ่งจะทำให้มีระดับในเลือดสูงมากเมื่อเปรียบ เทียบการตั้งครรภ์ปกติ นอกจากนั้น แพทย์ยังใช้ระดับ Beta hCG ในการประเมินความรุนแรงของโรค และใช้ติดตามผลการรักษาด้วย
การตั้งครรภ์ไข่ปลาอุกรักษาอย่างไร?
หลักการรักษาครรภ์ไข่ปลาอุก ประกอบด้วย
- การประเมินสภาพผู้ป่วยก่อนยุติการตั้งครรภ์ ประกอบด้วย การตรวจเลือดเพื่อประเมินความรุนแรงของโรค, การเอกซเรย์ปอดดูการแพร่กระจายของโรคนี้สู่ปอด (เพื่อช่วยการวินิจฉัยว่า เป็นมะเร็งหรือไม่ และเพื่อประเมินระยะโรค), หากพบว่ามีภาวะครรภ์เป็นพิษ
- การยุติการตั้งครรภ์
เนื่องจากการตั้งครรภ์ไข่ปลาอุกไม่ใช่การตั้งครรภ์ปกติ จึงต้องยุติการตั้งครรภ์ ซึ่งวิธีการรักษาเพื่อยุติการตั้งครรภ์มี 3 วิธี คือ
- ดูดเนื้อเยื่อในโพรงมดลูกโดยใช้เครื่องดูดไฟฟ้า (Suction curettage) เป็นวิธีที่แพทย์เลือกใช้เป็นส่วนมาก เพราะทำได้เร็ว และเสียเลือดน้อยกว่าการขูดมดลูกด้วยเครื่องมือปกติ
- ผ่าตัดมดลูก จะพิจารณาทำในสตรีที่มีอายุมาก มีระดับฮอร์โมน Beta hCG ในเลือดสูง เนื่องจากจะมีโอกาสเสี่ยงเป็นมะเร็งของเนื้อรกสูง, มีมดลูกทะลุ, และมีเลือดออกจากโพรงมดลูกมาก
- รักษาด้วยวิธีการ ข้อ 1 หรือ 2 ร่วมกับการให้ยาเคมีบำบัด เพื่อป้องกันความเสี่ยงในการเป็นมะเร็งเนื้อรก (Prophylaxis chemotherapy) การให้ยาเคมีบำบัดนี้มีทั้งข้อดีข้อเสีย แพทย์จะพิจารณาให้ในกรณีที่ผู้ป่วยนั้นมีความเสี่ยงสูงมีที่จะมีโอกาสกลายไปเป็นมะเร็งเท่านั้น เช่น อายุมาก ระดับฮอร์โมน Beta hCG ในเลือดสูงมาก โดยยาที่ใช้ คือ
- Actinomycin D ให้ยานานประมาณ 5 วัน หรือ
- Methotrexate ให้ยานานประมาณ 1สัปดาห์
อนึ่ง หลังการรักษา ต้องมีการติดตามการรักษา เพราะการตั้งครรภ์ไข่ปลาอุกเป็นการตั้ง ครรภ์ผิดปกติ และมีโอกาสกลายเป็นมะเร็งได้ จึงจำเป็นต้องมีการตรวจติดตามหลังการรักษา ผู้ ป่วยต้องปฏิบัติตัวตามคำแนะนำของแพทย์ อย่างน้อย 1 ปี ซึ่งโดยทั่วไปแพทย์จะแนะนำดังนี้
- ตรวจเลือดเพื่อวัดระดับฮอร์โมน Beta hCG ทุกสัปดาห์ จนกว่าจะได้ผลลบติดต่อกัน 3 ครั้ง หลังจากนั้นจะตรวจเดือนละ 1 ครั้งจนครบ 1 ปี
- ควรคุมกำเนิดด้วยยาเม็ดคุมกำเนิดชนิดรวมอย่างน้อย 1 ปี เนื่องจากโรคนี้มีโอกาสกลับเป็นซ้ำสูงภายใน 1 ปีแรกหลังการรักษา ไม่ควรคุมกำเนิดด้วยวิธีฉีดยาคุมกำเนิด (ยาฉีดคุมกำ เนิด) หรือ ใส่ห่วงคุมกำเนิด เนื่องจากทำให้มีเลือดออกกะปริดกะปรอยทางช่องคลอด จึงทำให้สับสนว่าอาจเกิดจากการเป็นโรคซ้ำขึ้นมาอีก
ครรภ์ไข่ปลาอุกมีการพยากรณ์โรคอย่างไร?
การพยากรณ์โรคในครรภ์ไข่ปลาอุก โดยทั่วไปได้รับผลดีในการรักษา ซึ่งธรรมชาติของโรค
- ในกรณีที่เป็นการตั้งครรภ์ไข่ปลาอุกอย่างเดียว โอกาสเปลี่ยนไปเป็นมะเร็งเนื้อรกประมาณ 25 %
- กรณีที่เป็นครรภ์ไข่ปลาอุกร่วมกับมีตัวทารก โอกาสเปลี่ยนไปเป็นมะเร็งเนื้อรก ประมาณ 3-6 %
- ส่วนกรณีที่โรคลุกลามเข้ากล้ามเนื้อมดลูก ยังไม่มีรายงานสถิติที่แน่ชัดในการจะเปลี่ยนไปเป็นมะเร็ง แต่โรคกลุ่มนี้มีโอกาสแพร่กระจายคล้ายในมะเร็งรกได้ (แต่พบได้น้อยกว่าในมะเร็งรกมาก) ซึ่งเมื่อแพร่กระจาย มักแพร่กระจายสู่ปอด
*นอกจากนั้น เมื่อเคยตั้งครรภ์ไข่ปลาอุก จะมีโอกาสตั้งครรภ์ไข่ปลาอุกซ้ำอีกได้ประมาณ 1-2% ดังนั้นเมื่อทราบหรือสงสัยว่าตนเองตั้งครรภ์ ให้รีบไปพบแพทย์/ไปโรงพยาบาล เพื่อจะได้มีการตรวจยืนยันว่า ตั้งครรภ์ปกติหรือไม่ ด้วยการตรวจครรภ์ด้วยอัลตราซาวด์
ดูแลตนเองเมื่อมีการตั้งครรภ์ไข่ปลาอุกอย่างไร?
การดูแลตนเองเมื่อมีครรภ์ไข่ปลาอุก คือ
- ต้องดูแลตนเองอย่างเคร่งครัดตามแพทย์ พยาบาลแนะนำ เนื่องจากไม่สามารถตั้งครรภ์ (ครั้งนี้) ต่อไปได้
- แพทย์จะให้นอนพักรักษาตัวในโรงพยาบาล เพื่อดูดเนื้อเยื่อรกที่ผิดปกติออก
- ในผู้ป่วยบางรายที่เป็นครรภ์เสี่ยงสูงที่จะกลายเป็นมะเร็งเนื้อรก แพทย์จะแนะนำผ่าตัดมดลูกออก
เมื่อมีบุตรเพียงพอแล้ว แพทย์แนะนำอย่างไร?
หากมีบุตรเพียงพอแล้ว
- และระดับฮอร์โมน Beta-hCG ในเลือดไม่สูงมาก ไม่อยู่ในกลุ่มเสี่ยงที่จะกลายไปเป็นมะเร็งเนื้อรก ก็ควร
- ทำหมันด้วยวิธีตามปกติ (อ่านเพิ่มเติมในเว็บ haamor .com บทความเรื่อง การทำหมันหญิง)
- และต้องไปตรวจติดตามหลังการรักษากับแพทย์ตามที่กล่าวมาแล้ว
- แต่หากมีความเสี่ยงที่จะเป็นมะเร็งเนื้อรกสูง แพทย์จะแนะนำผ่าตัดมดลูก
- อย่างไรก็ตามแม้จะตัดมดลูกแล้ว ก็ต้องมีการตรวจติดตามจากแพทย์เหมือนเดิม เพราะการตัดมดลูกสามารถช่วยลดโอกาสที่โรคจะลุกลามเข้าไปในมดลูก แต่ไม่สามารถป้องกันการเป็นมะเร็งได้
เมื่อต้องการมีบุตรอีก แพทย์แนะนำอย่างไร?
ผู้ป่วยโรคนี้ ในกรณีที่ต้องการมีบุตรอีก
- ควรวางแผนเริ่มมีบุตรหลังจากยุติการตั้งครรภ์ที่เป็นครรภ์ไข่ปลาอุกไปประมาณ 1 ปี (ซึ่งตามปกติในช่วง 1 ปีหลังการรักษา แพทย์จะแนะนำให้คุมกำเนิดอยู่แล้ว)
- เมื่อตั้งครรภ์ครั้งใหม่ต้องรีบไปฝากครรภ์ และบอกแพทย์ผู้ดูแลว่าเคยตั้งครรภ์ไข่ปลาอุก แพทย์จะทำการตรวจครรภ์ด้วยคลื่นเสียงความถี่สูง (อัลตราซาวด์) โดยเร็ว เพื่อดูว่าเป็นการตั้งครรภ์ปกติหรือไม่ เพราะโรคนี้มีโอกาสเป็นซ้ำได้ ประมาณ 1-2%
ทารกที่เกิดจากมารดาเคยมีครรภ์ไข่ปลาอุกจะปกติหรือไม่?
ในการตั้งครรภ์ครั้งต่อไปหลังจากตั้งครรภ์ไข่ปลาอุกแล้ว ถ้าเป็นการตั้งครรภ์ปกติ ทารกก็จะเป็นปกติเหมือนทารกทั่วไป
มีวิธีป้องกันตั้งครรภ์ไข่ปลาอุกหรือไม่?
วิธีป้องกันการตั้งครรภ์ไข่ปลาอุก คือ
- หลีกเลี่ยงการตั้งครรภ์ตอนอายุมาก
- และงดสูบบุหรี่ ไม่สูบบุหรี่