หัวใจอักเสบ กล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ (Myocarditis)

สารบัญ

บทความที่เกี่ยวข้อง

บทนำ

กล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ หรือหัวใจอักเสบ (Myocarditis หรืออีกชื่อ คือ Inflammatory cardiomyopathy) คือ โรคที่เกิดจากมีการอักเสบของกล้ามเนื้อหัวใจ ซึ่งเป็นเนื้อเยื่อสำคัญของหัวใจที่ทำหน้าที่บีบตัวเพื่อการสูบฉีดโลหิต/เลือดไปเลี้ยงเนื้อเยื่อและอวัยวะต่างๆทั่วร่างกายรวมทั้งของหัวใจเอง ดังนั้นเมื่อเกิดกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ อาการสำคัญของผู้ป่วย คือ หายใจลำบากจากเนื้อเยื่อ/อวัยวะต่างๆขาดเลือด ร่วมกับการมีหัวใจเต้นผิดปกติซึ่งที่พบบ่อยจะเป็นการเต้นผิดจังหวะ (หัวใจเต้นผิดจังหวะ)

 

กล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ จัดเป็นโรครุนแรง เป็นสาเหตุให้ผู้ป่วยเสียชีวิตได้ เป็นโรคพบทุกวัย ตั้งแต่เด็กไปจนถึงผู้สูงอายุ แต่พบได้สูงในช่วงอายุที่เป็นผู้ใหญ่วัย 40-50 ปี ผู้หญิงและผู้ชายมีโอกาสเกิดได้เท่าๆกัน

 

ทั้งนี้สถิติเกิดโรคนี้ที่แน่นอนยังไม่ทราบ เนื่องจากผู้ป่วยหลายคนอาจไม่ได้มาพบแพทย์และผู้ป่วยแต่ละคนมีอาการได้หลากหลายโดยไม่มีอาการเฉพาะของโรคนี้ นอกจากนั้นการวินิจฉัยโรคให้ได้แน่นอน ต้องใช้การตัดชิ้นเนื้อจากกล้ามเนื้อหัวใจ (เพื่อการตรวจทางพยาธิวิทยา) ซึ่งเป็นการตรวจที่ใช้เทคโนโลยีสูง ยุ่งยาก มีอันตราย และต้องตรวจโดยแพทย์เฉพาะทางโรคหัวใจ อย่างไรก็ตาม มีรายงานพบโรคนี้ได้ประมาณ 1-10 รายต่อประชากร 100,000 คน

 

กล้ามเนื้อหัวใจอักเสบเกิดได้อย่างไร? มีสาเหตุจากอะไร?

หัวใจอักเสบ

กล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ มีสาเหตุได้หลากหลาย ที่พบบ่อย ได้แก่

  • การติดเชื้อ: ซึ่งเป็นสาเหตุพบบ่อยที่สุด โดยพบจากติดเชื้อไวรัสบ่อยกว่าเชื้อแบคทีเรียหรือเชื้อรา
    • เชื้อไวรัสเกือบทุกชนิดสามารถเป็นสาเหตุโรคนี้ได้ แต่ที่พบเป็นสาเหตุบ่อย คือ ไวรัสที่ก่อให้เกิดการติดเชื้อระบบทางเดินหายใจ เช่น ไวรัสไข้หวัดใหญ่, Adenovirus, Coxsackie virus, Enterovirus, ไวรัสโรคหัด และโรคหัดเยอรมัน, นอกจากนั้น ที่พบได้น้อยกว่า ยังพบเกิดได้จาก ไวรัสเอชไอวี, ไวรัสตับอักเสบบี, ไวรัสตับอักเสบ ซี, และไวรัสโรคชิคุนกุนยา
    • จากการติดเชื้อแบคทีเรียพบได้รองลงมาจากไวรัส เช่นใน โรคคอตีบ, วัณโรค, เชื้อสเตร็บ (Streptococcus), ในโรคไข้รูมาติค, และโรคติดเชื้อไมโคพลาสมา
    • จากติดเชื้อสัตว์เซลล์เดียว (Protozoa) ในกลุ่มเชื้อปรสิต เช่น เชื้อโรคบิดอะมีบา (Amoebiasis) แต่การติดเชื้อกลุ่มนี้พบได้น้อยมาก
    • จากการติดเชื้อรา ที่มักพบในผู้ป่วยที่มีภูมิคุ้มกันต้านทานโรคต่ำ ซึ่งการติดเชื้อราพบได้น้อยเช่นกัน
  • เป็นผลข้างเคียงจากยาบางชนิด เช่น ยาเคมีบำบัดบางชนิด (เช่น ยา Doxorubicin), ยารักษาตรงเป้า/ยารักษาแบบจำเพาะต่อเซลล์มะเร็งบางชนิด (เช่น ยาTrastuzumab), และยาต้านไวรัสบางชนิด (เช่น ยา Zidovudine)
  • จากการแพ้ยาต่างๆ เช่น การแพ้ยาปฏิชีวนะ เป็นต้น
  • จากพิษของสัตว์บางชนิด เช่น พิษ งู ผึ้ง แมงป่อง และแมงมุม
  • ฤทธิ์จากสาร/ยาเสพติดบางชนิด เช่น โคเคน
  • การได้รับสารพิษบางชนิด เช่น สารหนู(Arsenic) สารตะกั่ว และก๊าซคาร์บอนโมนอกไซด์ (Carbon monoxide) ในควันพิษต่างๆ เช่น ควันรถยนต์
  • โรคออโตอิมมูน/โรคภูมิต้านตนเอง เช่น โรคเอสแอลอี (SLE) และโรคข้อรูมาตอยด์
  • โรคอื่นๆ: ที่ส่งผลให้เกิดการอักเสบของเนื้อเยื่อทั่วร่างกายโดยไม่ได้เกิดจากการติดเชื้อและไม่ใช่โรคออโตอิมมูน เช่น โรคคาวาซากิ
  • อื่นๆ: เช่น การได้รับรังสีรักษาบริเวณหัวใจ หรือ การปฏิเสธหัวใจใหม่ในการผ่าตัดเปลี่ยนหัวใจ

 

กล้ามเนื้อหัวใจอักเสบมีอาการอย่างไร?

ไม่มีอาการเฉพาะของกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ และในผู้ป่วยที่มีพยาธิสภาพของโรคไม่มาก ผู้ป่วยอาจไม่มีอาการผิดปกติและแพทย์มักไม่สามารถตรวจพบโรคได้

 

อย่างไรก็ตาม เมื่อกล้ามเนื้อหัวใจมีพยาธิสภาพมากขึ้น อาการที่อาจพบได้ คือ

 

ก. อาการจากโรคที่เป็นสาเหตุ: ซึ่งมักจะเกิดนำมาก่อนหลายๆวัน หรือเป็นสัปดาห์ก่อนที่จะมีอาการทางหัวใจ ที่พบได้บ่อย เช่น

  • มีไข้
  • ปวดศีรษะ
  • อ่อนเพลีย
  • ปวดเมื่อยเนื้อตัว
  • ปวดกล้ามเนื้อ
  • ปวดข้อ
  • อาจมีอาการทางระบบทางเดินหายใจ เช่น ไอ อาจมีเสมหะหรือไม่มีก็ได้ หรืออาจม
  • อาการทางระบบทางเดินอาหาร เช่น ปวดท้อง ไม่เจาะจงว่าส่วนไหนของช่องท้อง และอาจร่วมกับท้องเสีย

 

ข. อาการที่เกี่ยวกับโรคหัวใจ: เช่น

  • เจ็บหน้าอก
  • หายใจลำบากโดยเฉพาะเมื่อออกแรง
  • ใจสั่น
  • เหนื่อยง่ายโดยเฉพาะเมื่อออกแรง
  • รู้สึกเป็นลม หรือ เป็นลมบ่อย
  • ถ้าเป็นมาก อาจเกิดภาวะช็อก และ/หรือ อาจเกิดภาวะหัวใจล้มเหลว และอาจเสียชีวิตได้

 

แพทย์วินิจฉัยกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบได้อย่างไร?

แพทย์วินิจฉัยโรคกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบได้จาก

  • การซักถามประวัติทางการแพทย์ของผู้ป่วย ที่สำคัญ เช่น ประวัติอาการ ประวัติการเจ็บป่วยและการรักษาทั้งในอดีตและในปัจจุบัน ประวัติการใช้ยาต่างๆ
  • การตรวจร่างกาย ที่รวมถึง การตรวจวัดสัญญาณชีพ การใช้หูฟังฟังเสียงเต้นของหัวใจ
  • การตรวจเลือดดูค่าต่างๆตามดุลพินิจของแพทย์ เช่น ซีบีซี (CBC), ค่าสารภูมิต้านทานโรคต่างๆที่แพทย์สงสัย (เช่น ในการติดเชื้อไวรัสเอชไอวี), ค่าสารที่เกิดจากการอักเสบของเนื้อเยื่อต่างๆรวมทั้งกล้ามเนื้อหัวใจ (เช่น สาร C-reactive protein และสาร Troponin)
  • การตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ
  • การตรวจภาพปอดและหัวใจด้วยเอกซเรย์
  • การตรวจสืบค้นอื่นๆเพิ่มเติมโดยขึ้นกับอาการผิดปกติต่างๆที่แพทย์ตรวจพบและดุลพินิจของแพทย์ เช่น
    • การตรวจอัลตราซาวด์หัวใจ/เอคโคหัวใจ
    • การตรวจภาพหัวใจด้วยเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ และ/หรือเอมอาร์ไอ
    • ในบางครั้ง ต้องใส่สายสวนหัวใจเพื่อการตัดชิ้นเนื้อจากกล้ามเนื้อหัวใจเพื่อการตรวจทางพยาธิวิทยา

 

รักษากล้ามเนื้อหัวใจอักเสบอย่างไร?

แนวทางการรักษาโรคกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ คือ การรักษาสาเหตุ, การป้องกันและรักษาภาวะหัวใจล้มเหลว, และการรักษาประคับประคองตามอาการ

 

ก. การรักษาสาเหตุ: เช่น

  • การให้ยาปฏิชีวนะเมื่อสาเหตุเกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรีย
  • การให้ยาต้านไวรัสเมื่อสาเหตุเกิดการการติดเชื้อไวรัสชนิดที่มียาต้านไวรัส
  • การหยุดยาและให้ยาแก้แพ้ต่างๆ เมื่อสาเหตุเกิดจากการแพ้ยา เป็นต้น

 

ข. การป้องกันและรักษาภาวะหัวใจล้มเหลว: เช่น

  • จำกัดอาหารเค็ม เพื่อลดปริมาณเกลือโซเดียมในเลือดซึ่งจะส่งผลให้เกิด ความดันโลหิตสูงซึ่งจะเพิ่มการทำงานของหัวใจ หัวใจจึงมีโอกาสเกิดภาวะหัวใจล้มเหลวได้ง่าย
  • กินยาขับน้ำ/ขับเกลือโซเดียม/ยาขับปัสสาวะ
  • รักษาควบคุมโรคเรื้อรังต่างๆที่ส่งผลให้เกิดโรคของหลอดเลือด เช่น โรคความดันโลหิตสูง โรคไขมันในเลือดสูง และโรคเบาหวาน
  • เลิกบุหรี่ ไม่สูบบุหรี่
  • ควบคุมน้ำหนักไม่ให้เกิดโรคอ้วนและน้ำหนักตัวเกิน
  • กินอาหารมีประโยชน์ห้าหมู่ให้ครบในทุกวัน จำกัดอาหาร ไขมัน แป้ง และน้ำตาล แต่เพิ่มผัก ผลไม้ ให้มากๆ
  • ออกกำลังกายสม่ำเสมอตามควรกับสุขภาพทุกวัน
  • กินยาต่างๆที่แพทย์สั่งให้ครบถ้วน ถูกต้อง ไม่ขาดยา
  • รักษาสุขอนามัยพื้นฐาน (สุขบัญญัติแห่งชาติ) เพื่อสุขภาพกาย สุขภาพจิตที่แข็ง แรง ลดความเครียด

 

ค. การรักษาประคับประคองตามอาการ: เช่น

  • กินยาลดไข้, ยาแก้ปวด เมื่อมีอาการไข้ หรืออาการปวด
  • การให้ออกซิเจนเมื่อมีภาวะขาดออกซิเจน
  • การให้สารน้ำ/สารอาหารทางหลอดเลือดดำเมื่อกินอาหารได้น้อย หรือมีระดับเกลือแร่ในเลือดผิดปกติ เป็นต้น

 

กล้ามเนื้อหัวใจอักเสบรุนแรงไหม? มีผลข้างเคียงอย่างไร?

ความรุนแรง/การพยากรณ์โรคของกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบแตกต่างกันมากในผู้ป่วยแต่ละราย เพราะขึ้นกับหลากหลายปัจจัย เช่นอาการมากหรือน้อย, สาเหตุ, อายุ, โรคร่วม, สุขภาพโดยรวมของผู้ป่วย, ผู้ป่วยมาพบแพทย์เร็วหรือช้า, การตอบสนองต่อการรักษาดีหรือไม่ ซึ่งแพทย์ผู้รักษาเท่านั้นที่จะบอกการพยากรณ์โรคได้อย่างเหมาะสม

 

ซึ่งถ้าสาเหตุ ไม่ก่อให้เกิดพยาธิสภาพหรือการบาดเจ็บหรือการตายของกล้ามเนื้อหัวใจมาก กล่าวคือในผู้ป่วยที่มีอาการน้อย สุขภาพร่างกายทั่วไปไม่มีโรคประจำตัว มาพบแพทย์ได้เร็ว ผู้ป่วยตอบสนองได้ดีต่อการรักษา การพยากรณ์โรคจะดี มีโอกาสรักษาได้หายเกินกว่า 50%

 

แต่ถ้าผู้ป่วย มาพบแพทย์/มาโรงพยาบาลโดยมีอาการมาก โดยเฉพาะมาพบแพทย์ด้วยภาวะหัวใจล้มเหลว อัตราเสียชีวิตจะสูง

 

ผลข้างเคียง:

ในส่วน ผลข้างเคียงที่อันตรายของโรคกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ คือ

  • ภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ
  • โรคหลอดเลือดสมองที่มีสาเหตุจากภาวะหัวใจล้มเหลว และ
  • ภาวะหัวใจล้มเหลว

 

ดูแลตนเองอย่างไร? ควรพบแพทย์เมื่อไร?ควรพบแพทย์ก่อนนัดเมื่อไหร่?

การดูแลตนเองที่สำคัญคือ เมื่อมีอาการผิดปกติต่างๆ โดยเฉพาะอาการที่ได้กล่าวแล้วใน’หัวข้อ อาการฯ’ เมื่อดูแลตนเองแล้วอาการไม่ดีขึ้น หรืออาการเลวลง ควรรีบพบแพทย์/มาโรงพยาบาลเสมอ

 

และเมื่อทราบจากแพทย์แล้วว่า เป็นโรคกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ การดูแลตนเองที่สำคัญ ได้แก่

  • ปฏิบัติตาม แพทย์ พยาบาล แนะนำ
  • กินยาต่างๆที่แพทย์แนะนำให้ถูกต้อง ครบถ้วน ไม่ขาดยา
  • ป้องกัน ควบคุมภาวะหัวใจล้มเหลว เช่นเดียวกับที่ได้กล่าวแล้วใน ‘หัวข้อ การรักษาฯ’ ที่สำคัญ ได้แก่
    • จำกัดอาหารเค็ม/เกลือโซเดียม
    • รักษา ควบคุมโรคเรื้อรังต่างๆที่ส่งผลให้เกิด โรคของหลอดเลือด เช่น โรคความดันโลหิตสูง โรคไขมันในเลือดสูง และโรคเบาหวาน
    • เลิกบุหรี่ ไม่สูบบุหรี่
    • ควบคุมน้ำหนักไม่ให้เกิดโรคอ้วนและน้ำหนักตัวเกิน
    • กินอาหารมีประโยชน์ห้าหมู่ให้ครบในทุกวัน จำกัดอาหารไขมัน แป้งและน้ำตาล
    • ออกกำลังกายสม่ำเสมอตามควรกับสุขภาพทุกวัน
    • รักษาสุขอนามัยพื้นฐาน (สุขบัญญัติแห่งชาติ) เพื่อสุขภาพกาย สุขภาพจิตที่แข็งแรง ลดความเครียด
  • พบแพทย์/มาโรงพยาบาลตามแพทย์นัดเสมอ
  • ควรพบแพทย์/มาโรงพยาบาลก่อนนัดเมื่อ
    • อาการต่างๆเลวลง หรือมีอาการใหม่ที่ไม่เคยมีมาก่อน เช่น บวมตามเนื้อตัว แขนขามากขึ้น เหนื่อย/หายใจลำบากมากขึ้น
    • มีผลข้างเคียงจากยาที่แพทย์สั่งจนกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวัน เช่น ท้องผูกหรือท้องเสียต่อเนื่อง วิงเวียนศีรษะมาก ขึ้นผื่น
    • กังวลในอาการ

 

ป้องกันโรคกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบอย่างไร?

การป้องกันโรคกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ คือการป้องกันสาเหตุต่างๆ (ดังได้กล่าวแล้วใน’หัว ข้อ สาเหตุฯ’) ที่ป้องกันได้ ซึ่งที่สำคัญที่สุด คือการป้องกันการติดเชื้อซึ่งเป็นสาเหตุหลักของการเกิดกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ โดย

  • รักษาสุขอนามัยพื้นฐาน (สุขบัญญัติแห่งชาติ)
  • กินอาหารมีประโยชน์ห้าหมู่ให้ครบถ้วนในทุกวัน โดยจำกัดอาการเค็ม หวาน แป้ง น้ำตาล ไขมัน แต่เพิ่ม ผัก ผลไม้ให้มากๆ
  • ออกกำลังกายสม่ำเสมอทุกวันตามควรกับสุขภาพ
  • ฉีดวัคซีนป้องกันการติดเชื้อต่างๆตามกระทรวงสาธารณสุขแนะนำ เช่น
    • วัคซีนโรคหัด
    • วัคซีนโรคหัดเยอรมัน
    • วัคซีนคอตีบ
    • วัคซีนไข้หวัดใหญ่
    • วัคซีนไวรัสตับอักเสบ บี

 

บรรณานุกรม

  1. Blauwet,L., and Cooper,L. (2010). Myocarditis. Prog Cardiovasc Dis.52,274-288.
  2. Cooper,L. (2009). Myocarditis. N Engl J Med.360, 1526-1538.
  3. Magnani, J.,and Dec, W. (2006). Myocardits. Circulation.113,876-890.
  4. https://en.wikipedia.org/wiki/Myocarditis [2019,April27]
  5. https://emedicine.medscape.com/article/156330-overview#showall [2019,April27]