ไวรัสอาร์เอสวี (ตอนที่ 3)

ไวรัสอาร์เอสวี-3

      

      เชื้อไวรัสอาร์เอสวีสามารถกระจายไปยังทางเดินหายใจส่วนล่างซึ่งเป็นสาเหตุทำให้ปอดอักเสบ (Pneumonia) หรือ หลอดลมฝอยอักเสบ (Bronchiolitis) ทำให้มีการอักเสบของทางเดินหายใจไปสู่ปอด โดยมีอาการ

  • เป็นไข้
  • ไอมาก
  • หายใจเสียงหวีด (Wheezing)
  • หายใจเร็วหรือหายใจลำบาก
  • อาการตัวเขียวเพราะขาดออกซิเจน (Cyanosis)

      ทั้งนี้ ทารกที่ติดเชื้อมักมีอาการรุนแรงซึ่งอาจสังเกตได้จากการที่อกบุ๋มเมื่อหายใจแต่ละครั้ง ส่วนอาการรุนแรงอย่างอื่นได้แก่

  • หายใจสั้น ตื้น และ เร็ว
  • ไอ
  • ไม่ดูดนมหรือดูดนมน้อย (Poor feeding)
  • อ่อนเพลียซึม (Lethargy)
  • หงุดหงิด

      ผู้ป่วยส่วนใหญ่สามารถหายได้ใน 1-2 สัปดาห์ แต่หากมีอาการรุนแรงให้ไปพบแพทย์ทันที

      แพทย์สามารถวินิจฉัยโรคได้จากการตรวจร่างกาย เช่น การใช้หูฟัง (Stethoscope) ฟังเสียงปอดว่ามีเสียงผิดปกติหรือเสียงหวีดหรือไม่ นอกจากนี้ยังอาจใช้

  • การตรวจเลือดเพื่อดูความสมบูรณ์ของเม็ดเลือดหรือการหาเชื้อไวรัส เชื้อแบคทีเรีย หรือเชื้ออื่นๆ
  • การเอกซเรย์เพื่อดูการอักเสบของปอด
  • การนำสารคัดหลั่งจากปากหรือจมูกไปตรวจหาเชื้อ
  • การวัดค่าความอิ่มตัวของออกซิเจนในเลือด (Pulse oximetry)

      สำหรับอาการแทรกซ้อนของการติดเชื้ออาร์เอสวี ได้แก่

  • โรคปอดอักเสบ หรือ หลอดลมฝอยอักเสบ
  • การติดเชื้อในหูส่วนกลางจนทำให้หูชั้นกลางอักเสบ (Otitis media) ซึ่งมักเกิดในทารกและเด็กเล็ก
  • โรคหอบหืด
  • การติดเชื้ออาร์เอสวีซ้ำ (Repeated infections)

      

แหล่งข้อมูล:

  1. Respiratory syncytial virus (RSV). https://www.mayoclinic.org/diseases-conditions/respiratory-syncytial-virus/symptoms-causes/syc-20353098 [2019, September 11].
  2. Respiratory Syncytial Virus Infection (RSV). https://www.cdc.gov/rsv/index.html [2019, September 11].