ไรฟาบิวติน (Rifabutin)
- โดย เภสัชกร อภัย ราษฎรวิจิตร
- 10 เมษายน 2563
- Tweet
- บทนำ
- ยาไรฟาบิวตินมีสรรพคุณ (คุณสมบัติ) อย่างไร?
- ยาไรฟาบิวตินมีกลไกการออกฤทธิ์อย่างไร?
- ยาไรฟาบิวตินมีรูปแบบการจัดจำหน่ายอย่างไร?
- ยาไรฟาบิวตินมีขนาดรับประทานอย่างไร?
- เมื่อมีการสั่งยาควรแจ้งแพทย์/พยาบาลและเภสัชกรอย่างไร?
- หากลืมรับประทานยาควรทำอย่างไร?
- ยาไรฟาบิวตินมีผลไม่พึงประสงค์อย่างไร?
- มีข้อควรระวังการใช้ยาไรฟาบิวตินอย่างไร?
- ยาไรฟาบิวตินมีปฏิกิริยาระหว่างยากับยาตัวอื่นอย่างไร?
- ควรเก็บรักษายาไรฟาบิวตินอย่างไร?
- ยาไรฟาบิวตินมีชื่ออื่นอีกไหม? ผลิตจากบริษัทอะไรบ้าง?
- บรรณานุกรม
- ยารักษาโรค (Pharmaceutical drug)
- ข้อปฏิบัติพื้นฐานในการใช้ยาทุกชนิด
- วัณโรค (Tuberculosis)
- แบคทีเรีย: โรคจากแบคทีเรีย (Bacterial infection)
- โรคติดเชื้อ ภาวะติดเชื้อ (Infectious disease)
- เอดส์ (AIDS)
- เอชไอวี: โรคติดเชื้อเอชไอวี (HIV: HIV infection)
- ยาวัณโรค หรือ ยารักษาวัณโรค (Anti-tuberculosis medication)
บทนำ
ยาไรฟาบิวติน (Rifabutin ย่อว่า Rfb) เป็นยาปฏิชีวนะที่เป็นอนุพันธ์กึ่งสังเคราะห์ของยา Rifampicin ถูกค้น พบครั้งแรกในปี ค.ศ. 1975 (พ.ศ. 2518) ทางการแพทย์นำมาบำบัดรักษาผู้ป่วยที่ติดเชื้อวัณโรค แต่ด้วยที่มีราคาแพงจึงใช้ไม่แพร่หลายเท่ากับ Rifampicin ปัจจุบันไรฟาบิวตินยังถูกนำไปรักษาอาการติดเชื้อวัณโรค (Mycobacterium avium complex) ในผู้ป่วยโรคเอดส์ระยะสุดท้ายอีกด้วย
จากการศึกษาด้านเภสัชจลนศาสตร์ (Pharmacokinetic, การศึกษาความเป็นไปของยาเมื่อยาเข้าสู่ร่างกาย) ของยานี้พบว่า เมื่อไรฟาบิวตินถูกดูดซึมเข้าสู่กระแสเลือด ตัวยาจะเข้าจับกับพลาสมาโปรตีนประมาณ 70% ตับจะคอยเปลี่ยนโครงสร้างทางเคมีของยานี้ ร่างกายต้องใช้เวลา 28 - 62 ชั่วโมง เพื่อกำจัดยาออกจากกระแสเลือด 50% โดยผ่านไปกับปัสสาวะและอุจจาระ
องค์การอนามัยโลกได้ระบุให้ ยาไรฟาบิวตินเป็นยาจำเป็นขั้นพื้นฐานของระบบสาธารณสุขในเขตชุมชน สำหรับประเทศไทยพบการใช้ยานี้ในสถานพยาบาลได้น้อย ด้วยเป็นยาที่ไม่ได้อยู่ในบัญชียาหลักแห่งชาติ ประกอบกับมียาที่ใช้ทดแทนกันอยู่คือ Rifampicin
ยาไรฟาบิวตินมีสรรพคุณ (คุณสมบัติ) อย่างไร?
ยาไรฟาบิวตินมีสรรพคุณ/ข้อบ่งใช้ เช่น
- ใช้ป้องกันและบำบัดรักษาอาการติดเชื้อวัณโรค
ยาไรฟาบิวตินมีกลไกการออกฤทธิ์อย่างไร?
ยาไรฟาบิวตินมีกลไกการออกฤทธิ์โดยตัวยาจะเข้ายับยั้งการทำงานของเอนไซม์ DNA-dependent RNA polymerase ที่อยู่ในกระบวนการสร้างสารพันธุกรรมของเชื้อแบคทีเรีย ทำให้หยุดการเจริญเติบโตและตายลงในที่สุด
ยาไรฟาบิวตินมีรูปแบบการจัดจำหน่ายอย่างไร?
ยาไรฟาบิวตินมีรูปแบบการจัดจำหน่าย เช่น
- เป็นยาแคปซูลชนิดรับประทานขนาด 150 มิลลิกรัม/แคปซูล
ยาไรฟาบิวตินมีขนาดรับประทานอย่างไร?
ยาไรฟาบิวตินมีขนาดรับประทาน เช่น
ก.สำหรับป้องกันการติดเชื้อวัณโรค (Mycobacterium avium complex): เช่น
- ผู้ใหญ่: รับประทาน 300 มิลลิกรัมวันละครั้ง หากมีอาการคลื่นไส้ อาเจียน อาจปรับขนาดรับ ประทานยาเป็น 150 มิลลิกรัมวันละ 2 ครั้งทุกๆ 12 ชั่วโมง
ข.สำหรับรักษาการติดเชื้อวัณโรค (Mycobacterium avium complex): เช่น
- ผู้ใหญ่: รับประทาน 300 มิลลิกรัมวันละครั้ง หากมีอาการคลื่นไส้ อาเจียน อาจปรับขนาดรับ ประทานยาเป็น 150 มิลลิกรัมวันละ 2 ครั้งทุกๆ 12 ชั่วโมง
อนึ่ง:
- การรักษาป้องกันวัณโรคในผู้ป่วยเอดส์ อาจใช้ยาไรฟาบิวตินร่วมกับยาต้านแบคทีเรียตัวอื่นๆ เช่นยา Clarithromycin, Ethambutol, Rifampicin, Clofazimine หรือยาอื่นซึ่งขึ้นอยู่กับคำสั่งแพทย์ และระยะเวลาของการใช้ยาขึ้นกับอาการโรคของผู้ป่วย ดังนั้นจึงขึ้นกับดุลพินิจของแพทย์
- เด็ก (นิยามคำว่าเด็ก): ขนาดยาจะขึ้นกับอายุและน้ำหนักตัวของเด็ก และการใช้ยานี้ในเด็กยังมีข้อมูลที่จำกัด ดังนั้นการใช้ยานี้ในเด็กจึงอยู่ในดุลพินิจของแพทย์
- ควรรับประทานยานี้ในช่วงท้องว่าง คือ ประมาณ 1 ชม. ก่อนอาหาร หรือ ประมาณ 2 ชม. หลังอาหาร
*****หมายเหตุ: ขนาดยา และระยะเวลาในการใช้ยาที่ระบุในบทความนี้ เป็นเพียงตัวอย่างหนึ่งเท่านั้น ไม่สามารถใช้ทดแทนคำสั่งใช้ยาของแพทย์ผู้รักษาได้ การใช้ยาที่เหมาะสม ควรต้องปรึกษา แพทย์ หรือเภสัชกร ก่อนเสมอ
เมื่อมีการสั่งยาควรแจ้งแพทย์/พยาบาลและเภสัชกรอย่างไร?
เมื่อมีการสั่งยาทุกชนิดที่รวมถึงยาไรฟาบิวติน ผู้ป่วยควรแจ้ง แพทย์ พยาบาล และเภสัชกร เช่น
- ประวัติแพ้ยาทุกชนิด เช่น กินยา/ใช้ยาแล้ว คลื่นไส้มาก ขึ้นผื่น หรือแน่นหายใจติดขัด/หายใจลำบาก
- มีโรคประจำตัวต่างๆรวมทั้งกำลังกินยา/ใช้ยาอะไรอยู่ เพราะยาไรฟาบิวตินอาจส่งผลให้อาการของโรคเหล่านั้นรุนแรงขึ้น หรืออาจเกิดปฏิกิริยาระหว่างยากับยาอื่นๆที่กิน/ที่ใช้อยู่ก่อน
- หากเป็นสุภาพสตรี ควรแจ้งว่าอยู่ในภาวะตั้งครรภ์/มีครรภ์ หรือกำลังให้นมบุตร เพราะยาหลายประเภทสามารถผ่านทางน้ำนมหรือรกและเข้าสู่ทารก จนก่อให้เกิดผลข้างเคียงได้
หากลืมรับประทานยาควรทำอย่างไร?
หากลืมรับประทานยาไรฟาบิวตินสามารถรับประทานเมื่อนึกขึ้นได้ ถ้าเวลาใกล้เคียงกับการรับประทานยาในมื้อถัดไป ไม่จำเป็นต้องเพิ่มปริมาณยาเป็น 2 เท่า
ยาไรฟาบิวตินมีผลไม่พึงประสงค์อย่างไร?
ยาไรฟาบิวตินสามารถก่อให้เกิดผล/อาการไม่พึงประสงค์จากการใช้ยา (ผลข้างเคียง/อาการข้างเคียง) เช่น
- ท้องเสีย
- มีไข้
- อาหารไม่ย่อย
- แสบร้อนกลางอก
- เบื่ออาหาร
- คลื่นไส้
- ผื่นคัน
- ปวดกล้ามเนื้อ
- อุจจาระมีสีคล้ำ
- หนาวสั่น
- ไอ
- ปวดตา
- ปวดข้อ
- การมองเห็นไม่ชัดเจน
- กล้ามเนื้ออักเสบ
- ผิวแลดูซีด
- ปัสสาวะขัด
- หายใจขัด/หายใจลำบาก
- มีแผลในปาก
- อ่อนเพลีย
- เจ็บคอ
- อาเจียน
- การรับรสชาติเปลี่ยนไป
- ปวดท้อง
- ท้องอืด
- ปวดศีรษะ /ปวดหัว
- ปัสสาวะ น้ำลาย และน้ำตามี สีส้ม แดง หรือน้ำตาล (จากสารบางชนิดจากยานี้)
มีข้อควรระวังการใช้ยาไรฟาบิวตินอย่างไร?
มีข้อควรระวังการใช้ยาไรฟาบิวตินดังนี้
มีข้อควรระวังการใช้ยาไรฟาบิวติน เช่น
- ห้ามใช้กับผู้ที่แพ้ยานี้
- การใช้ยานี้กับสตรีตั้งครรภ์ต้องได้รับคำสั่งจากแพทย์เท่านั้น
- หลีกเลี่ยงการใช้ยานี้กับสตรีที่อยู่ในภาวะให้นมบุตร ด้วยยังไม่มีข้อมูลสนับสนุนว่า ไรฟาบิวตินสามารถขับออกมาทางน้ำนมมารดาได้หรือไม่
- หากพบอาการคล้ายกับแพ้ยาเช่น หายใจไม่ออก/หายใจลำบาก หน้าบวม ผื่นคันขึ้นเต็มตัว ให้หยุดยาแล้วรีบไปพบแพทย์/ไปโรงพยาบาล เพื่อการรักษาอาการแพ้ยาและเพื่อปรับเปลี่ยนการรักษาใหม่
- ระหว่างการใช้ยานี้
- สามารถพบสารให้สี (สีน้ำตาล ส้ม หรือแดง) ในสารคัดหลั่งของร่างกาย เช่น น้ำตา น้ำลาย เหงื่อ
- สำหรับผู้ป่วยที่ต้องใส่อุปกรณ์ทางทันตกรรมในช่องปาก (เช่น ฟันปลอม) หรือผู้ที่ใช้คอนแทคเลนส์ ควรถอดหรือเลี่ยงการสวมใส่อุปกรณ์ดังกล่าว ด้วยสีที่ออกมากับสารคัดหลั่ง สามารถจับกับอุปกรณ์ทางทันตกรรมหรือคอนแทคเลนส์ได้อย่างถาวร
- ห้ามแบ่งยาให้ผู้อื่นใช้
- ห้ามใช้ยาหมดอายุ
- ห้ามเก็บยาหมดอายุ
***** อนึ่ง ทุกคนต้องตระหนักถึงความปลอดภัยจากการใช้ ”ยา” ที่รวมถึงยาแผนปัจจุบันทุกชนิด (รวมยาไรฟาบิวตินด้วย) ยาแผนโบราณ อาหารเสริม ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ทุกชนิด และสมุนไพรต่างๆเสมอ เพราะยามีทั้งให้คุณและให้โทษ ดังนั้นเมื่อมีการใช้ยาทุกครั้งควรต้องปฏิบัติตาม ข้อปฏิบัติพื้นฐานในการใช้ยาทุกชนิดเสมอ (อ่านเพิ่มเติมได้ในเว็บ haamor.com บทความเรื่อง ข้อปฏิบัติพื้นฐานในการใช้ยาทุกชนิด) รวมทั้งควรต้องปรึกษาเภสัชกรประจำร้านขายยาก่อนซื้อยาใช้เองเสมอด้วยเช่นกัน
ยาไรฟาบิวตินมีปฏิกิริยาระหว่างยากับยาตัวอื่นอย่างไร?
ยาไรฟาบิวตินมีปฏิกิริยาระหว่างยากับยาตัวอื่น เช่น
- การใช้ยาไรฟาบิวติน ร่วมกับ ยาเม็ดคุมกำเนิด สามารถทำให้ฤทธิ์ของการคุมกำเนิดด้อยประ สิทธิภาพลงไป หากมีการใช้ยาทั้ง 2 กลุ่มร่วมกันแนะนำให้ใช้วิธีการคุมกำเนิดอื่นเช่น การใส่ห่วงคุมกำเนิด (การใส่ห่วงอนามัย) หรือการใช้ถุงยางอนามัยชายร่วมด้วย
- การใช้ยาไรฟาบิวติน ร่วมกับ ยาต้านการแข็งตัวของเลือด เช่น Warfarin อาจทำให้ฤทธิ์การรักษาของ Warfarin ด้อยลงไป หากพบอาการเจ็บหน้าอก หายใจขัด บวมตามร่างกาย ต้องรีบไปโรงพยาบาล/แจ้งแพทย์ทันที กรณีที่มีความจำเป็นต้องใช้ยาร่วมกัน แพทย์จะปรับขนาดรับประทาน ให้เหมาะสมกับผู้ป่วยเป็นรายบุคคลไป
- การใช้ยาไรฟาบิวติน ร่วมกับ ยาต้านไวรัสโรคเอดส์/ ยาต้านเอขไอวี เช่นยา Elvitegravir อาจทำให้ระดับยา Elvitegravir ในกระแสเลือดลดต่ำลงจนส่งผลต่อการรักษา จึงไม่ควรใช้ยาทั้ง 2 ตัวร่วมกัน
- การใช้ยาไรฟาบิวติน ร่วมกับ ยาต้านเอชไอวี บางตัวเช่นยา Indinavir อาจเสริมฤทธิ์ของยาไร ฟาบิวตินและก่อให้เกิดอาการข้างเคียงเพิ่มมากขึ้นเช่น ปวดหัว คลื่นไส้-อาเจียน ปวดท้อง มีไข้หนาวสั่น ปวดตามร่างกาย หากมีอาการดังกล่าว ควรรีบปรึกษาแพทย์/ไปโรงพยาบาล เพื่อแพทย์พิจารณาปรับเปลี่ยนแนวทางการรักษา หรือปรับขนาดการรับประทานให้เหมาะสมเป็นกรณีๆไป
ควรเก็บรักษายาไรฟาบิวตินอย่างไร?
สามารถเก็บยาไรฟาบิวติน เช่น
- เก็บยาภายใต้อุณหภูมิห้อง
- ห้ามเก็บยาในช่องแช่แข็งของตู้เย็น
- เก็บยาในภาชนะที่ปิดมิดชิด พ้นแสง/แสงแดด ความร้อนและความชื้น
- เก็บยาให้พ้นมือเด็กและสัตว์เลี้ยง
- และไม่ควรเก็บยาในห้องน้ำ
ยาไรฟาบิวตินมีชื่ออื่นอีกไหม? ผลิตจากบริษัทอะไรบ้าง?
ยาไรฟาบิวติน มียาชื่อการค้า และบริษัทผู้ผลิตเช่น
ชื่อการค้า | บริษัทผู้ผลิต |
---|---|
Mycobutin (ไมโคบิวติน) | Pfizer |
บรรณานุกรม
1 http://en.wikipedia.org/wiki/Rifabutin [2020,April4]
2 http://www.drugs.com/mtm/rifabutin.html [2020,April4]
3 http://www.mims.com/Hongkong/drug/info/Mycobutin/ [2020,April4]