ไพราซีแตม (Piracetam)
- โดย เภสัชกร อภัย ราษฎรวิจิตร
- 15 กันยายน 2559
- Tweet
- บทนำ
- ไพราซีแตมมีสรรพคุณ(คุณสมบัติ)อย่างไร?
- ไพราซีแตมมีกลไกการออกฤทธิ์อย่างไร?
- ไพราซีแตมมีรูปแบบการจัดจำหน่ายอย่างไร?
- ไพราซีแตมมีขนาดรับประทานอย่างไร?
- เมื่อมีการสั่งยาควรแจ้งแพทย์/พยาบาลและเภสัชกรอย่างไร?
- หากลืมรับประทานยาควรทำอย่างไร?
- ไพราซีแตมมีผลไม่พึงประสงค์อย่างไร?
- มีข้อควรระวังการใช้ไพราซีแตมอย่างไร?
- ไพราซีแตมมีปฏิกิริยาระหว่างยากับยาตัวอื่นอย่างไร?
- ควรเก็บรักษาไพราซีแตมอย่างไร?
- ไพราซีแตมมีชื่ออื่นอีกไหม?ผลิตจากบริษัทอะไรบ้าง?
- บรรณานุกรม
- ยารักษาโรค (Pharmaceutical drug)
- ข้อปฏิบัติพื้นฐานในการใช้ยาทุกชนิด
- ยานูโทรปิก (Nootropic drug)
- Thyroxin
- ยาต้านการแข็งตัวของเลือด: ยากันเลือดแข็งตัว (Anticoagulants)
- สมองเสื่อม (Dementia)
- อาการกระตุกรัว กล้ามเนื้อกระตุกรัว (Myoclonus)
บทนำ
ยาไพราซีแตม(Piracetam) เป็นยาในยากลุ่มนูโทรปิก (Nootropic drug) ที่มีคุณสมบัติเสริมสร้างกระบวนการรับรู้ของสมอง ทางคลินิก นำยานี้มาใช้บำบัดอาการความจำเสื่อม อารมณ์ซึมเศร้า และวิตกกังวล โดยตัวยามีกลไกการออกฤทธิ์โดยช่วยเพิ่มการทำงานของสารสื่อประสาท ที่ชื่อ Acetylcholine จากการผ่านทางตัวรับ(Receptor)ที่เรียกว่า Muscarinic cholinergic receptor ซึ่งมีส่วนเกี่ยวข้องในกระบวนการจดจำของสมอง และยังเพิ่มการไหลเวียนของเลือดในสมอง จากการที่ตัวยายังส่งผลยับยั้งการรวมตัวของเกล็ดเลือดที่อาจจับตัวรวมกันจนอุดกั้นในหลอดเลือด และทำให้การไหลเวียนของเลือดในสมองทำได้ไม่ดีพอ ยานี้ไม่มีฤทธิ์กล่อมประสาท/ยาคลายเคลียด หรือกระตุ้นสมองแต่อย่างใด
รูปแบบผลิตภัณฑ์ของยาไพราซีแตมที่มีการจำหน่ายในไทย จะเป็นลักษณะของยารับประทาน และยาฉีด ในกรณีเป็นยารับประทาน หลังการดูดซึมจากระบบทางเดินอาหาร ตัวยาไพราซีแตมสามารถกระจายตัวเข้าสู่กระแสเลือดได้เป็นอย่างดี โดยทั่วไป หลังยานี้เข้าสู่กระแสเลือด ร่างกายจะใช้เวลาประมาณ 4 – 5 ชั่วโมง เพื่อกำจัดยานี้ออกจากร่างกาย โดยผ่านไปกับปัสสาวะ
สำหรับข้อจำกัดบางประการที่ทำให้ผู้ป่วย/ผู้บริโภคไม่สามารถใช้ยาไพราซีแตมได้ เช่น
- เป็นผู้ที่มีประวัติแพ้ยาไพราซีแตมมาก่อน
- เป็นผู้ป่วยโรคไตระยะรุนแรง
- ป่วยด้วยโรคฮันติงตัน (Huntington’s disease, โรคสมองชนิดหนึ่งที่เกิดจากความผิดปกติทางพันธุกรรม ที่ส่งผลให้ผู้ป่วยสูญเสียความจำ)
- เป็นผู้ป่วยที่มีภาวะเลือดออกในสมอง(ภาวะเลือดออกในกะโหลกศีรษะ)
นอกจากนี้ ยังต้องเพิ่มความระมัดระวังกับผู้ป่วยที่มีการใช้ยาบางประเภทอยู่ก่อน เช่น ยา Thyroxin ยาต้านการแข็งตัวของเลือด ยาแอสไพริน(Aspirin) เพราะเมื่อมีการใช้ยาเหล่านี้ร่วมกับยาไพราซีแตม อาจส่งผลกระทบต่อประสิทธิภาพในการรักษาของยาไพราซีแตมได้ ดังนั้น จึงถือเป็นสิ่งสำคัญที่ผู้ป่วยต้องแจ้งแพทย์ พยาบาล เภสัชกรทุกครั้งว่า ปัจจุบันมีการใช้ยาชนิดใดอยู่บ้าง
สำหรับกลุ่มสตรีตั้งครรภ์ สตรีที่อยู่ในภาวะให้นมบุตร ก็จัดเป็นอีกหนึ่งกลุ่มเสี่ยงต่อการเกิดผลข้างเคียงสูงจากการใช้ยาแทบทุกประเภทรวมถึงยาไพราซีแตม การจะใช้ยาไพราซีแตมกับผู้ป่วยกลุ่มนี้ จึงต้องเป็นไปตามดุลยพินิจของแพทย์ผู้รักษาเท่านั้น
เราอาจจะพบอาการข้างเคียง(ผลข้างเคียง)จากการใช้ยาไพราซีแตมได้ เช่น รู้สึกกระสับกระส่าย วิตกกังวล ปวดศีรษะ ปวดท้อง หรือนอนไม่หลับ เป็นต้น
การใช้ยาไพราซีแตม ต้องใช้ขนาดรับประทานตามคำสั่งแพทย์ และแพทย์อาจปรับขนาดยาเป็นระยะๆตามการตอบสนองของผู้ป่วยแต่ละรายบุคคลแตกต่างกันออกไป การลืมหรือหยุดการรับประทานยานี้เอง อาจทำให้อาการของผู้ป่วยไม่ดีขึ้นหรือมีอาการแย่ลงกว่าเดิม
ทั้งนี้ เราจะพบเห็นการใช้ยาไพราซีแตม ตามสถานพยาบาลที่ให้บริการรักษาอาการทางสมอง อย่างเช่น บำบัดภาวะความจำเสื่อม อารมณ์ซึมเศร้า หรือวิตกกังวล และยานี้ยังมีจำหน่ายตามร้านขายยาตั้งแต่ขนาดกลางขึ้นไป
คณะกรรมการอาหารและยาของไทยได้จัดให้ยาไพราซีแตมอยู่ในหมวดยาอันตราย ซึ่งผู้ป่วย/ผู้บริโภคจะต้องใช้ยาตามคำสั่งของแพทย์เท่านั้น
ไพราซีแตมมีสรรพคุณ(คุณสมบัติ)อย่างไร?
สรรพคุณ/ข้อบ่งใช้ของยาไพราซีแตมคือ ตัวยานี้ จัดเป็นยาอนุพันธ์ที่มีโครงสร้างเคมีใกล้เคียงกับสารกาบา (GABA) ของมนุษย์ จึงถูกนำมาใช้บำบัดรักษาอาการทางสมอง(ทางระบบประสาท) เช่น ความจำเสื่อม อาการซึมเศร้า วิตกกังวล อาการวิงเวียน รวมถึงอาการกล้ามเนื้อกระตุกรัว หรือที่มีชื่อเรียกเฉพาะว่า Cortical myoclonus
ไพราซีแตมมีกลไกการออกฤทธิ์อย่างไร?
กลไกการออกฤทธิ์ของยาไพราซีแตมจะเกิดขึ้นที่สมอง โดยตัวยาจะช่วยเพิ่มการทำงานของสารสื่อประสาท ชื่อ Acetylcholine ผ่านทางตัวรับที่จำเพาะเจาะจง และส่งผลเกิดการปรับสมดุลของสารสื่อประสาทที่เกี่ยวข้องในกระบวนการจดจำของสมอง นอกจากนี้ ตัวยายังเพิ่มการไหลเวียนของเลือดในสมอง โดยตัวยาจะช่วยชะลอการรวมตัวของเกล็ดเลือดเป็นลิ่มเลือดที่อาจอุดกั้นหลอดเลือด/อุดกั้นการไหลเวียนเลือดภายในสมอง จึงช่วยทำให้สมองได้รับออกซิเจนมากขึ้น จากกลไกเหล่านี้เองจึงเป็นที่มาของสรรพคุณ
ไพราซีแตมมีรูปแบบการจัดจำหน่ายอย่างไร?
ยาไพราซีแตมมีรูปแบบการจัดจำหน่าย เช่น
- ยาเม็ดชนิดรับประทาน ขนาด 400, 800, และ 1,200 มิลลิกรัม/เม็ด
- ยาแคปซูลชนิดรับประทาน ขนาด 400 มิลลิกรัม/แคปซูล
- ยาฉีด ขนาด 1 กรัม/5 มิลลิลิตร และ 3 กรัม/15 มิลลิลิตร
ไพราซีแตมมีขนาดรับประทานอย่างไร?
ยาไพราซีแตมมีขนาดรับประทาน เช่น
ก.สำหรับบำบัดรักษาภาวะสูญเสียความทรงจำ/สมองเสื่อม รวมถึงอาการเวียนศีรษะ:
- ผู้ใหญ่: รับประทานยา 2.4 – 4.8 กรัม/วัน โดยแบ่งรับประทานเป็น 2 – 3 ครั้ง
ข.สำหรับบำบัดรักษาภาวะ Cortical myoclonus:
- ผู้ใหญ่: รับประทานยา 7.2 กรัม/วัน ในนทุก 3 – 4 วัน แพทย์อาจปรับขนาดรับประทานเพิ่มอีก 4.8 กรัม จนกระทั่งขนาดรับประทานสูงสุดเป็น 24 กรัม และต้องแบ่งการรับประทานออกเป็นวันละ 2 – 3 ครั้ง
*อนึ่ง:
- เด็ก: การใช้ยานี้กับเด็ก ให้เป็นไปตามดุลยพินิจของแพทย์ผู้รักษา
- สามารถรับประทานยานี้ ก่อนหรือหลัง อาหารก็ได้
- ห้ามปรับขนาดการรับประทาน หรือหยุด การใช้ยานี้ด้วยตนเอง
*****หมายเหตุ: ขนาดยาและระยะเวลาในการใช้ยาที่ระบุในบทความนี้เป็นเพียง ตัวอย่างหนึ่งเท่านั้น ไม่สามารถใช้ทดแทนคำสั่งใช้ยาของแพทย์ได้ การใช้ยาที่เหมาะสมควรต้องปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรก่อนเสมอ
เมื่อมีการสั่งยาควรแจ้งแพทย์/พยาบาลและเภสัชกรอย่างไร?
เมื่อมีการสั่งยาทุกชนิดรวมยาไพราซีแตม ผู้ป่วยควรแจ้งแพทย์/พยาบาล และเภสัชกร ดังนี้
- ประวัติแพ้ยาทุกชนิด เช่น กินยา/ใช้ยาแล้ว คลื่นไส้มาก ขึ้นผื่น หรือ แน่นหายใจติดขัด/หายใจลำบาก
- มีโรคประจำตัวต่างๆ รวมทั้งกำลังกินยา/ใช้ยาอะไรอยู่ เพราะยาไพราซีแตมอาจส่งผลให้อาการของโรคเหล่านั้นรุนแรงขึ้น หรืออาจเกิดปฏิกิริยาระหว่างยากับยาอื่นๆที่กิน/ที่ใช้อยู่ก่อน
- หากเป็นสุภาพสตรีควรแจ้งว่าอยู่ในภาวะตั้งครรภ์ หรือ กำลังให้นมบุตร เพราะยาหลายประเภทสามารถผ่านทางน้ำนม หรือรก และเข้าสู่ทารกจนก่อให้เกิดผลข้างเคียงได้
หากลืมรับประทานยาควรทำอย่างไร?
หากลืมรับประทานยาไพราซีแตม สามารถรับประทานเมื่อนึกขึ้นได้ ถ้าเวลาใกล้เคียงกับการรับประทานยาในมื้อถัดไป ไม่จำเป็นต้องเพิ่มขนาดรับประทานเป็น 2 เท่า
อย่างไรก็ดี เพื่อประสิทธิผลของการรักษา ควรรับประทานยาไพราซีแตม ตรงเวลา
ไพราซีแตมมีผลไม่พึงประสงค์อย่างไร?
ยาไพราซีแตมอาจก่อให้เกิดผลไม่พึงประสงค์(ผลข้างเคียง/อาการข้างเคียง)ต่อระบบอวัยวะต่างๆของร่างกาย ดังนี้ เช่น
- ผลต่อระบบการเผาผลาญพลังงานของร่างกาย: เช่น ทำให้น้ำหนักตัวเพิ่ม
- ผลต่อระบบประสาท: เช่น กระสับกระส่าย วิงเวียน สูญเสียการทรงตัว ปวดศีรษะ
- ผลต่อระบบทางเดินอาหาร: เช่น ปวดท้อง ท้องเสีย คลื่นไส้ อาเจียน
- ผลต่อสภาพจิตใจ: เช่น นอนไม่หลับ รู้สึกสับสน วิตกกังวล ประสาทหลอน
- ผลต่อผิวหนัง: เช่น พบเกิด ผื่นคัน ลมพิษ
มีข้อควรระวังการใช้ไพราซีแตมอย่างไร?
มีข้อควรระวังการใช้ยาไพราซีแตม เช่น
- ห้ามใช้กับผู้ที่แพ้ยานี้
- ห้ามใช้ร่วมกับยากลุ่มอนุพันธ์ Pyrrolidone(สารประกอบอินทรีย์ชนิดหนึ่งที่สามารถนำมาเป็นผลิตภัณฑ์ยาได้) ซึ่งจัดเป็นยาประเภทเดียวกันกับยาไพราซีแตม
- ห้ามใช้ยานี้กับผู้ที่มีภาวะเลือดออกในสมอง(เลือดออกในกะโหลกศีรษะ) ผู้ป่วยโรคไตระยะสุดท้าย ผู้ป่วยโรคฮันติงตัน (Huntington’s chorea)
- ห้ามปรับขนาดการรับประทานหรือหยุดการใช้ยานี้ด้วยตนเอง
- การใช้ยานี้กับสตรีตั้งครรภ์ สตรีที่อยู่ในภาวะให้นมบุตร เด็ก และผู้สูงอายุ ต้องเป็น ไปตามคำสั่งจากแพทย์เท่านั้น
- หากพบอาการแพ้ยานี้ เช่น อึดอัด/แน่นหน้าอก/หายใจไม่ออก/หายใจลำบาก มีผื่นคันขึ้นเต็มตัว ตัวบวม ให้หยุดการใช้ยานี้ทันที แล้วรีบพาผู้ป่วยมาพบแพทย์/มาโรงพยาบาลโดยเร็ว ทันที/ฉุกเฉิน
- ปฏิบัติตามคำสั่งแพทย์ พยาบาล เภสัชกร อย่างเคร่งครัด และมาพบแพทย์ตามนัดทุกครั้ง
***** อนึ่ง ทุกคนต้องตระหนักถึงความปลอดภัยจากการใช้ ”ยา”ที่รวมถึง ยาแผนปัจจุบันทุกชนิด (รวมยาไพราซีแตมด้วย) ยาแผนโบราณทุกชนิด และสมุนไพรต่างๆเสมอ เพราะยามีทั้งให้คุณและให้โทษ ดังนั้นเมื่อมีการใช้ยาทุกครั้ง ควรต้องปฏิบัติตามข้อปฏิบัติพื้นฐานในการใช้ยาทุกชนิดเสมอ(อ่านเพิ่มเติมได้ในเว็บhaamor.com บทความเรื่อง ข้อปฏิบัติพื้นฐานในการใช้ยาทุกชนิด) รวมทั้งควรต้องปรึกษาเภสัชกรประจำร้านขายยาก่อนซื้อยาใช้เองเสมอ
ไพราซีแตมมีปฏิกิริยาระหว่างยากับยาตัวอื่นอย่างไร?
ยาไพราซีแตมมีปฏิกิริยาระหว่างยากับยาตัวอื่น เช่น
- การใช้ยาไพราซีแตมร่วมกับยาต้านการแข็งตัวของเลือด อย่างเช่น Warfarin อาจก่อให้เกิดภาวะเลือดออกง่าย หากไม่มีความจำเป็นใดๆ ควรหลีกเลี่ยงการใช้ยาร่วมกัน
- หลีกเลี่ยงการใช้ยาไพราซีแตมร่วมกับยากลุ่มไทรอยด์ฮอร์โมน เช่น Thyroxin ด้วยจะทำให้การนอนหลับของผู้ป่วยผิดปกติไป รวมถึงเกิดความรู้สึกสับสนตามมา
ควรเก็บรักษาไพราซีแตมอย่างไร?
ควรเก็บยาพราซีแตมภายใต้อุณหภูมิห้องที่เย็น ไม่เก็บยาในช่องแช่แช็งของตู้เย็น ไม่เก็บยาในห้องน้ำหรือในรถยนต์ เก็บยาในภาชนะที่ปิดมิดชิด พ้นแสงสว่าง/แสงแดด ความร้อนและความชื้น และเก็บยาให้พ้นมือเด็กและสัตว์เลี้ยง
ไพราซีแตมมีชื่ออื่นอีกไหม? ผลิตจากบริษัทอะไรบ้าง?
ยาพราซีแตม ที่จำหน่ายในประเทศไทย มียาชื่อการค้า และบริษัทผู้ผลิต/ผู้จำหน่าย เช่น
ชื่อการค้า | บริษัทผู้ผลิต |
---|---|
Embol (เอมโบล) | Yung Shin |
Mancetam (แมนเซแทม) | T.Man Pharma |
Mempil (เมมพิล) | General Drugs House |
Noocetam (นูซีแทม) | Central Poly Trading |
Nootropil (นูโทรพิล) | GlaxoSmithKline |
Scarda (สการ์ดา) | Pharmaland |
อนึ่ง ยาชื่อการค้าของยานี้ที่จำหน่ายในต่างประเทศ เช่น Alcetam, Arit, Braintam, Cerecetam
บรรณานุกรม
- https://en.wikipedia.org/wiki/Piracetam#Other [2016,Aug27]
- http://www.mims.com/thailand/drug/info/piracetam/?type=brief&mtype=generic [2016,Aug27]
- https://www.drugs.com/uk/piracetam-800mg-tablets-leaflet.html [2016,Aug27]
- http://www.mims.com/thailand/drug/info/nootropil [2016,Aug27]
- https://www.medicines.org.uk/emc/medicine/27470 [2016,Aug27]
- https://www.smartdrugsforthought.com/what-is-piracetam/ [2016,Aug27]