ไบมาโตโพรสต์ (Bimatoprost)

สารบัญ บทความที่เกี่ยวข้อง

บทนำ

ยาไบมาโตโพรสต์ (Bimatoprost)เป็นสารประกอบที่มีโครงสร้างทางเคมีคล้ายคลึงกับสารโพรสตาแกลนดิน (Prostaglandin analog) ทางคลินิก นำมาใช้เป็นยาหยอดตาเพื่อบำบัดรักษาโรคต้อหิน และเพื่อช่วยลดแรงดันในลูกตา โดยตัวยามีกลไกเพื่มการไหลเวียนของเหลว/สารน้ำภายในลูกตาให้เป็นปกติ

ยาหยอดตาไบมาโตโพรสต์ถูกดูดซึมจากตาเข้าสู่กระแสเลือดได้ในระดับต่ำ หลังการหยอดตาด้วยยาชนิดนี้ จะต้องใช้เวลาประมาณ 4 ชั่วโมง ยาจึงเริ่มออกฤทธิ์ แต่มีระยะเวลาออกฤทธิ์อยู่นานประมาณ 24 ชั่วโมง แพทย์จึงมักให้ผู้ป่วยหยอดยาช่วงก่อนนอนวันละ 1ครั้ง การหยอดยานี้ที่มีระยะเวลาห่างกันน้อยกว่า 24 ชั่วโมง อาจส่งผลให้แรงดันของลูกตาลดต่ำลงมากเกินไป ซึ่งจะก่อให้เกิดอาการ ปวดตา และตามองเห็นภาพไม่ชัดเจน

ขนาดความเข้มข้นของสูตรตำรับยาไบมาโตโพรสต์ที่พบเห็นการใช้ในประเทศไทยคือ 0.01% และ 0.03% และบางสูตรตำรับยังมีการนำเอาตัวยา Timolol มาผสมร่วมด้วย ทั้งนี้เพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของการรักษา

คณะกรรมการอาหารและยาของไทยได้กำหนดให้สูตรตำรับยาหยอดตาไบมาโตโพรสต์ เป็นทั้งประเภทยาอันตราย และยาควบคุมพิเศษ

โดยทั่วไป ยาไบมาโตโพรสต์ สามารถทำให้ขนตาของผู้ใช้เปลี่ยนสี(อาจสีจาง หรือสีเข็มขึ้น)ได้ และอาจก่อให้เกิดการบวมของจอตา, และ กระจกตาอักเสบด้วยมีการติดเชื้อของแบคทีเรีย สำหรับผู้ที่สวมคอนแทคเลนส์จะต้องถอดคอนแทคเลนส์ออกก่อนหยอดยานี้เสมอ

ยังมีผู้ป่วยบางกลุ่มที่จัดเป็นกลุ่มเสี่ยงต่อการเกิดผลข้างเคียงจากการใช้ยาไบมาโตโพรสต์ และควรหลีกเลี่ยงการใช้ยานี้โดยไม่มีความจำเป็น เช่น สตรีตั้งครรภ์ และสตรีที่อยู่ในภาวะให้นมบุตร ผู้ที่เพิ่งรับการผ่าตัดตามาใหม่ๆ รวมถึงผู้ที่มีบาดแผลในตา หรือในขณะนั้น ผู้ป่วยมีอาการตาบวม หรือ เยื่อตาอักเสบ หรือมีตาอักเสบ

นอกจากนั้น ห้ามนำยาไบมาโตโพรสต์ไปรับประทาน หรือหยอดจมูกโดยเด็ดขาด

อนึ่ง ก่อนการใช้ และหลังใช้ ยาไบมาโตโพรสต์ ต้องล้างมือเพื่อความสะอาดและเป็นการป้องกันการปนเปื้อนสิ่งสกปรกในตัวยานี้ทุกครั้ง และการหยอดยาต้องมิให้ปลายขวด/หลอดยา (Applicator) สัมผัสกับนิ้วหรือแม้แต่เปลือกตา/หนังตาของผู้ป่วย

หากผู้ป่วยมีการใช้ยาหยอดตาชนิดอื่นๆอยู่ก่อนแล้ว ต้องแจ้งให้ แพทย์ พยาบาล เภสัชกรทราบ เพื่อจะได้ปรับวิธีการใช้ยาเหล่านั้นให้สามารถใช้ร่วมกันได้

หลังการใช้ยาไบมาโตโพรสต์แล้วพบว่าอาการไม่ดีขึ้น ผู้ป่วยควรต้องรีบกลับมาพบแพทย์/มาโรงพยาบาล เพื่อให้แพทย์ตรวจสอบ คัดกรองอาการอีกครั้ง

ข้อคำนึงที่สำคัญสำหรับผู้บริโภค/ผู้ป่วยในการใช้ยาไบมาโตโพรสต์ คือ ต้องปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์ พยาบาล เภสัชกร อย่างเคร่งครัด ห้ามมิให้ปรับขนาดการใช้ยาด้วยตนเอง และควรมาพบแพทย์ตามนัดหมายทุกครั้ง เพื่อให้แพทย์ประเมินความก้าวหน้าของการรักษาได้อย่างเหมาะสม และเป็นประโยชน์ต่อผู้ป่วยมากที่สุด

ไบมาโตโพรสต์มีสรรพคุณ(คุณสมบัติ)อย่างไร?

ไบมาโตโพรสต์

ยาไบมาโตโพรสต์มีสรรพคุณ/ข้อบ่งใช้ เช่น

  • รักษาอาการโรคต้อหิน
  • ช่วยลดความดันของลูกตา

ไบมาโตโพรสต์มีกลไกการออกฤทธิ์อย่างไร?

ยาไบมาโตโพรสต์ เป็นยาที่มีโครงสร้างเลียนแบบสารโพรสตาแกลนดิน(Prostaglandin) ซึ่งสามารถออกฤทธิ์ลดความดันภายในลูกตา โดยทำให้ของเหลวในลูกตามีการไหลเวียนออกจากลูกตาได้สะดวกมากยิ่งขึ้น ด้วยกลไกนี้จึงทำให้ความดันในลูกตาลดลง และเป็นผลให้เกิดฤทธิ์ของการรักษาตามสรรพคุณ

ไบมาโตโพรสต์มีรูปแบบการจัดจำหน่ายอย่างไร?

ยาไบมาโตโพรสต์มีรูปแบบการจัดจำหน่าย เช่น

  • ยาหยอดตา ขนาดความเข้มข้น 0.01% และ 0.03%
  • ยาหยอดตาที่ผสมร่วมกับยาอื่น เช่น Bimatoprost 0.3 มิลลิกรัม + Timolol 5 มิลลิกรัม / มิลลิลิตร

ไบมาโตโพรสต์มีขนาดการบริหารยาอย่างไร?

ยาไบมาโตโพรสต์ มีขนาดการบริหารยา/ใช้ยา เช่น

  • ผู้ใหญ่ที่อายุตั้งแต่ 16 ปีขึ้นไป: หยอดยา 1 หยด ในตาข้างที่เป็นต้อหิน หรือข้างมีแรงดันของลูกตาสูง วันละ 1 ครั้ง ก่อนนอน
  • เด็กและผู้อายุต่ำกว่า 16 ปี: การใช้ยานี้ ต้องเป็นไปตามคำสั่งของแพทย์เท่านั้น

* อนึ่ง:

  • การเลือกใช้ยานี้ ขนาด 0.01% หรือ 0.03% หรือเลือกใช้สูตรตำรับที่มียาอื่นๆผสมอยู่ด้วย เช่นยา Timolol ให้เป็นไปตามดุลยพินิจของแพทย์ผู้รักษา
  • ห้ามปรับขนาดการใช้ยานี้ด้วยตนเอง

*****หมายเหตุ: ขนาดยาและระยะเวลาในการใช้ยาที่ระบุในบทความนี้เป็นเพียง ตัวอย่างหนึ่งเท่านั้น ไม่สามารถใช้ทดแทนคำสั่งใช้ยาของแพทย์ได้ การใช้ยาที่เหมาะสมควรต้องปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรก่อนเสมอ

เมื่อมีการสั่งยาควรแจ้งแพทย์/พยาบาลและเภสัชกรอย่างไร?

เมื่อมีการสั่งยาทุกชนิดรวมยาไบมาโตโพรสต์ ผู้ป่วยควรแจ้งแพทย์/พยาบาล และเภสัชกร ดังนี้

  • ประวัติแพ้ยาทุกชนิด เช่น กินยา/ใช้ยาแล้ว คลื่นไส้มาก ขึ้นผื่น หรือ แน่นหายใจติดขัด/หายใจลำบาก
  • มีโรคประจำตัวต่างๆ รวมทั้งกำลังกินยา/ใช้ยา อะไรอยู่ เพราะยาไบมาโตโพรสต์ อาจส่งผลให้อาการของโรคเหล่านั้นรุนแรงขึ้น หรืออาจเกิดปฏิกิริยาระหว่างยากับยาอื่นๆที่กิน/ที่ใช้อยู่ก่อน
  • หากเป็นสุภาพสตรีควรแจ้งว่าอยู่ในภาวะตั้งครรภ์ หรือ กำลังให้นมบุตร เพราะยาหลายประเภทสามารถผ่านทางน้ำนม หรือรก และเข้าสู่ทารกจนก่อให้เกิดผลข้างเคียงได้

หากลืมหยอดตาควรทำอย่างไร?

หากลืมหยอดตาด้วยยาไบมาโตโพรสต์ สามารถหยอดตาเมื่อนึกขึ้นได้ ถ้าเวลาใกล้เคียงกับการหยอดตาในครั้งถัดไป ไม่จำเป็นต้องเพิ่มปริมาณยาเป็น 2 เท่า

อย่างไรก็ดี เพื่อประสิทธิผลของการรักษา ควรหยอดยาไบมาโตโพรสต์ ตรงเวลา

ไบมาโตโพรสต์มีผลไม่พึงประสงค์อย่างไร?

ยาไบมาโตโพรสต์ อาจก่อให้เกิดผลไม่พึงประสงค์(ผลข้างเคียง/อาการข้างเคียง)ต่อระบบอวัยวะต่างๆของร่างกาย ดังนี้ เช่น

  • ผลต่อตา: เช่น อาจเกิดอาการ คันตา แสบตา ระคายเคืองตา ขนตางอกยาวเร็ว สีของขนตาอาจจางลงหรือเข็มขึ้น เกิดความเสื่อมของกระจกตา/กระจกตาขุ่น อาจพบเลือดออกในบริเวณจอตา ปวดตา ตาแพ้แสงง่าย น้ำตาไหลผิดปกติ ขี้ตามาก เปลือกตา/หนังตาบวม
  • ผลต่อผิวหนัง: เช่น สีผิวหนังบริเวณรอบตาจางลง ขนบนผิวหนังดกขึ้น ผมยาวเร็วกว่าปกติ ผมเปราะขาดง่าย ขนตา-ขนคิ้วร่วง
  • ผลต่อระบบทางเดินหายใจ: เช่น อาการหอบหืด เกิดการติดเชื้อบริเวณทางเดินหายใจตอนบนได้ง่าย หายใจลำบาก
  • ผลต่อระบบประสาท: เช่น ปวดศีรษะ และวิงเวียน
  • ผลต่อตับ: เช่น อาจพบว่า ตับมีการทำงานผิดปกติ/ตับอักเสบ
  • ผลต่อระบบหัวใจและหลอดเลือด: เช่น เกิดภาวะความดันโลหิตสูง
  • ผลต่อระบบทางเดินอาหาร: เช่น คลื่นไส้
  • ผลต่อสภาพจิตใจ: เช่น อาจทำให้มีภาวะซึมเศร้า

มีข้อควรระวังการใช้ไบมาโตโพรสต์อย่างไร?

มีข้อควรระวังการใช้ไบมาโตโพรสต์ เช่น

  • ห้ามใช้กับผู้ที่แพ้ยานี้
  • ห้ามใช้ยานี้กับสตรีตั้งครรภ์ สตรีที่อยู่ในภาวะให้นมบุตร และเด็ก โดยไม่มีคำสั่งจากแพทย์
  • ห้ามใส่คอนแทคเลนส์ขณะที่ใช้ยานี้หยอดตา
  • ห้ามใช้ยาที่เปลี่ยนสภาพไปจากเดิม เช่น สียาเปลี่ยนไป หรือ ยาขุ่นเป็นตะกอน
  • ห้ามปรับปริมาณการใช้ยานี้ด้วยตนเองโดยมิได้มีคำสั่งจากแพทย์ผู้รักษา
  • หยุดการใช้ยาทันที หากพบอาการแพ้ยาเกิดขึ้น เช่น มีอาการอึดอัดหายใจไม่ออก/หายใจลำบาก ใบหน้าบวม หรือมีผื่นคันขึ้นเต็มตัว กรณีที่พบอาการแพ้ยาต้องรีบนำตัวผู้ป่วยส่งโรงพยาบาลทันที/ฉุกเฉิน
  • มาพบจักษุแพทย์ตามนัดหมายทุกครั้ง
  • ห้ามแบ่งยาให้ผู้อื่นใช้
  • ห้ามใช้ยาหมดอายุ
  • ห้ามเก็บยาหมดอายุ

***** อนึ่ง ทุกคนต้องตระหนักถึงความปลอดภัยจากการใช้ ”ยา”ที่รวมถึง ยาแผนปัจจุบันทุกชนิด (รวมยาไบมาโตโพรสต์ด้วย) ยาแผนโบราณทุกชนิด และสมุนไพรต่างๆเสมอ เพราะยามีทั้งให้คุณและให้โทษ ดังนั้นเมื่อมีการใช้ยาทุกครั้ง ควรต้องปฏิบัติตามข้อปฏิบัติพื้นฐานในการใช้ยาทุกชนิดเสมอ(อ่านเพิ่มเติมได้ในเว็บ haamor.comบทความเรื่อง ข้อปฏิบัติพื้นฐานในการใช้ยาทุกชนิด) รวมทั้งควรต้องปรึกษาเภสัชกรประจำร้านขายยาก่อนซื้อยาใช้เองเสมอ

ไบมาโตโพรสต์มีปฏิกิริยาระหว่างยากับยาตัวอื่นอย่างไร?

ยาไบมาโตโพรสต์มีปฏิกิริยาระหว่างยากับยาตัวอื่น เช่น

  • การใช้ยาไบมาโตโพรสต์ร่วมกับยาหยอดตา Latanoprost (ยารักษาโรคต้อหิน) อาจทำให้ความดันของลูกตาเพิ่มสูงขึ้น หากมีความจำเป็นต้องใช้ยาร่วมกัน แพทย์จะปรับขนาดการใช้ยาให้เหมาะสมเป็นรายบุคคลไป

ควรเก็บรักษาไบมาโตโพรสต์อย่างไร?

ควรเก็บยาไบมาโตโพรสต์ ในช่วงอุณหภูมิ 2 – 25 องศาเซลเซียส(Celsius) ห้ามเก็บยาในช่องแช่แข็งของตู้เย็น เก็บยาในภาชนะที่ปิดมิดชิด พ้นแสงสว่าง/แสงแดด ความร้อนและความชื้น เก็บยาให้พ้นมือเด็กและสัตว์เลี้ยง และไม่เก็บยาในห้องน้ำหรือในรถยนต์

ไบมาโตโพรสต์มีชื่ออื่นอีกไหม? ผลิตจากบริษัทอะไรบ้าง?

ยาไบมาโตโพรสต์ ที่จำหน่ายในประเทศไทย มียาชื่อการค้า และบริษัทผู้ผลิต/ผู้จำหน่าย เช่น

ชื่อการค้าบริษัทผู้ผลิต
Ganfort (แกนฟอร์ท)Allergan
Lumigan/Lumigan 0.01% (ลูมิแกน/ลูมิแกน 0.01%)Allergan

อนึ่ง ยาชื่อการค้าของยานี้ ที่จำหน่ายในประเทศอื่น เช่น Latisse, Bitoma, Careprost, Intraprost

บรรณานุกรม

  1. https://en.wikipedia.org/wiki/Bimatoprost [2016,Aug27]
  2. https://www.drugs.com/pro/bimatoprost-ophthalmic-solution.html [2016,Aug27]
  3. http://www.mims.com/thailand/drug/info/lumigan-lumigan%200-01percent/?type=brief [2016,Aug27]
  4. http://www.mims.com/thailand/drug/info/bimatoprost%20%2b%20timolol/?type=brief&mtype=generic [2016,Aug27]
  5. http://www.mims.com/thailand/drug/info/bimatoprost/?type=brief&mtype=generic [2016,Aug27]
  6. https://www.drugs.com/dosage/bimatoprost-ophthalmic.html [2016,Aug27]