ไดฟลูคอร์โทโลน (Diflucortolone)
- โดย เภสัชกร อภัย ราษฎรวิจิตร
- 10 พฤษภาคม 2559
- Tweet
- บทนำ
- ไดฟลูคอร์โทโลนมีสรรพคุณ (คุณสมบัติ) อย่างไร?
- ไดฟลูคอร์โทโลนมีกลไกการออกฤทธิ์อย่างไร?
- ไดฟลูคอร์โทโลนมีรูปแบบการจัดจำหน่ายอย่างไร?
- ไดฟลูคอร์โทโลนมีขนาดการบริหารยาอย่างไร?
- เมื่อมีการสั่งยาควรแจ้งแพทย์/พยาบาลและเภสัชกรอย่างไร?
- หากลืมทายาควรทำอย่างไร?
- ไดฟลูคอร์โทโลนมีผลไม่พึงประสงค์อย่างไร?
- มีข้อควรระวังการใช้ไดฟลูคอร์โทโลนอย่างไร?
- ไดฟลูคอร์โทโลนมีปฏิกิริยาระหว่างยากับยาตัวอื่นอย่างไร?
- ควรเก็บรักษาไดฟลูคอร์โทโลนอย่างไร?
- ไดฟลูคอร์โทโลนมีชื่ออื่นอีกไหม? ผลิตจากบริษัทอะไรบ้าง?
- บรรณานุกรม
- ยารักษาโรค (Pharmaceutical drug)
- ข้อปฏิบัติพื้นฐานในการใช้ยาทุกชนิด
- สเตียรอยด์ ยาสเตียรอยด์ คอร์ติโคสเตียรอยด์ (Corticosteroid)
- ต้อหิน (Glaucoma)
- ยาต้านเชื้อรา (Antifungal drugs)
- ผื่นผิวหนังอักเสบ (Eczema)
บทนำ
ยาไดฟลูคอร์โทโลน (Diflucortolone หรือ Diflucortolone valerate) เป็นสารประเภทคอร์ติโคสเตียรอยด์ (Corticosteriod) มีรูปแบบผลิตภัณฑ์เป็นยาทาภายนอกในรูปแบบยาครีมและขี้ผึ้ง รู้จักกันในชื่อการค้าว่า Nerisone ยาไดฟลูคอร์โทโลนจะกดการอักเสบและการแพ้ของผิวหนังเช่น อาการแสบคัน อาการปวด รวมถึงช่วยป้องกันมิให้พื้นที่การอักเสบบนผิวหนังขยายออกเป็นบริเวณกว้างอีกด้วย ตัวยาสามารถแทรกซึมผ่านผิวหนังและกระจายไปสู่เนื้อเยื่อของอวัยวะในร่างกายได้ทั้งนี้ขึ้นกับปริมาณยาที่ทาลงบนผิวหนัง, พื้นที่ของผิวหนังที่มีการทายา, ระยะเวลาที่ผิวหนังสัมผัสยา, รวมถึงส่วนประกอบในสูตรตำรับยาก็มีผลต่อการดูดซึมตัวยาดังกล่าว ร่างกายต้องใช้เวลาประมาณ 4 - 5 ชั่วโมงเพื่อกำจัดยานี้ในกระแสเลือดทิ้งไปกับปัสสาวะและอุจจาระ
การเลือกใช้สูตรตำรับยาไดฟลูคอร์โทโลนอาจมีความสัมพันธ์กับผิวหนังของผู้ป่วยแต่ละราย กล่าวคือ กรณีผู้ป่วยมีผิวแห้งตั้งแต่แรกก่อนใช้ยาหรือใช้ยาไดฟลูคอร์โทโลนชนิดครีมบ่อยจนกระทั่งผิวแห้งมากก็อาจเปลี่ยนมาเป็นยาไดฟลูคอร์โทโลนชนิดขี้ผึ้ง ปกติสามารถใช้ยานี้กับผู้ใหญ่ แต่กรณีสตรีตั้งครรภ์ สตรีที่อยู่ในภาวะให้นมบุตร เด็ก ถือเป็นกลุ่มเสี่ยงที่จะต้องใช้ยานี้ตามคำสั่งของแพทย์เท่านั้น
นอกจากนี้ยังมีข้อห้ามอื่นๆที่ผู้บริโภคควรทราบก่อนการใช้ยาไดฟลูคอร์โทโลนเช่น
- หลีกเลี่ยงการใช้กับผู้ที่มีประวัติแพ้ยาไดฟลูคอร์โทโลนมาก่อน
- ผู้ป่วยด้วยวัณโรค โรคติดเชื้อไวรัสชนิดต่างๆเช่น โรคอีสุกอีใส งูสวัด รวมถึงผู้ที่เพิ่งได้รับการฉีดวัคซีน ล้วนแล้วเป็นกลุ่มที่ห้ามใช้ยานี้ด้วยยานี้จะทำให้อาการโรคเหล่านั้นรุนแรงขึ้น
- สูตรตำรับของยาไดฟลูคอร์โทโลนเป็นยาใช้ทาภายนอกเท่านั้น ห้ามนำไปทารักษาการอักเสบภายในช่องปาก
- การใช้ยานี้นานเกินคำสั่งแพทย์หรือการใช้ยานี้เป็นปริมาณมากอาจทำให้ร่างกายเกิดการติดเชื้อแบคทีเรีย เชื้อรา ในบริเวณผิวหนังที่ทายาหรือบางกรณีอาจทำให้มีภาวะต้อหินตามมา
ยาไดฟลูคอร์โทโลนก็เหมือนกับยาใช้ภายนอกชนิดอื่นๆคือ สามารถก่อให้เกิดอาการข้างเคียง(ผลข้างเคียง) ทางผิวหนังได้บ้างเช่น แสบคันในบริเวณที่ทายา หรือบางคนอาจไม่มีอาการข้างเคียงดังกล่าวเกิดขึ้นเลย
ผลิตภัณฑ์ยาไดฟลูคอร์โทโลนจัดเป็นเภสัชภัณฑ์ที่สามารถก่อให้เกิดอันตรายต่อผู้ใช้ยานี้ได้ หากมิได้มีการควบคุมการใช้ตามคำสั่งของแพทย์
หากมีข้อสงสัยเพิ่มเติมเกี่ยวกับยาไดฟลูคอร์โทโลน ผู้บริโภค/ผู้ป่วยสามารถสอบถามข้อมูลการใช้ยานี้จากแพทย์ผู้รักษาหรือเภสัชกรได้ทั่วไป
ไดฟลูคอร์โทโลนมีสรรพคุณ (คุณสมบัติ) อย่างไร?
ยาไดฟลูคอร์โทโลนมีสรรพคุณ/ข้อบ่งใช้เช่น
- รักษาภาวะผิวหนังอักเสบ ผื่นคัน ที่มิได้มีสาเหตุจากการติดเชื้อโรค
- บำบัดอาการผิวหนังไหม้ในระดับที่ไม่รุนแรงจากแสงแดด
ไดฟลูคอร์โทโลนมีกลไกการออกฤทธิ์อย่างไร?
ยาไดฟลูคอร์โทโลนมีกลไกการออกฤทธิ์โดยตัวยาจะยับยั้งการอักเสบของผิวหนังด้วยการกดภูมิคุ้มกันต้านทานโรคของร่างกายไม่ให้เข้ามาทำลายเซลล์ผิวหนังดังกล่าว เป็นผลให้ลดภาวะอักเสบของผิวหนังได้ตามสรรพคุณ
ไดฟลูคอร์โทโลนมีรูปแบบการจัดจำหน่ายอย่างไร?
ยาไดฟลูคอร์โทโลนมีรูปแบบการจัดจำหน่ายเช่น
- ยาครีมทาผิวหนังขนาดความเข้มข้น 0.1%
- ยาขี้ผึ้งทาผิวหนังขนาดความเข้มข้น 0.1%
- ยาครีมที่ผสมกับยาฆ่าเชื้อรา/ยาต้านเชื้อราอย่างเช่น ยา Isoconazole
ไดฟลูคอร์โทโลนมีขนาดการบริหารยาอย่างไร?
ยาไดฟลูคอร์โทโลนมีขนาดการบริหารยา/การใช้ยาเช่น
- ผู้ใหญ่: ทายาขนาด 0.1% บางๆในบริเวณผิวหนังที่มีการอักเสบวันละ 1 - 2 ครั้ง ใช้เวลาการรักษาไม่เกิน 4 สัปดาห์หรือตามคำสั่งแพทย์
- เด็ก: ยังขาดข้อมูลที่ชัดเจนทางคลินิกในการใช้ยานี้กับเด็ก หากจำเป็นต้องใช้ยานี้กับผู้ป่วยเด็กต้องได้รับคำสั่งจากแพทย์ผู้รักษาเท่านั้น
*****หมายเหตุ: ขนาดและระยะเวลาในการใช้ยาที่ระบุในบทความนี้เป็นเพียงตัวอย่างหนึ่งเท่านั้น ไม่สามารถใช้ทดแทนคำสั่งใช้ยาของแพทย์ได้ การใช้ยาที่เหมาะสมควรต้องปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรก่อนเสมอ
เมื่อมีการสั่งยาควรแจ้งแพทย์/พยาบาลและเภสัชกรอย่างไร?
เมื่อมีการสั่งยาทุกชนิดรวมยาไดฟลูคอร์โทโลน ผู้ป่วยควรแจ้งแพทย์/พยาบาลและเภสัชกร ดังนี้
- ประวัติแพ้ยาทุกชนิดเช่น กินยา/ใช้ยาแล้วคลื่นไส้มาก ขึ้นผื่น หรือแน่นหายใจติดขัด/หายใจลำบาก
- มีโรคประจำตัวต่างๆรวมทั้งกำลังกินยา/ใช้ยาอะไรอยู่ เพราะยาไดฟลูคอร์โทโลนอาจส่งผลให้อาการของโรคเหล่านั้นรุนแรงขึ้น หรืออาจเกิดปฏิกิริยาระหว่างยากับยาอื่นๆที่กิน/ที่ใช้อยู่ก่อน
- หากเป็นสุภาพสตรีควรแจ้งว่าอยู่ในภาวะตั้งครรภ์หรือกำลังให้นมบุตร เพราะยาหลายประเภทสามารถผ่านทางน้ำนมหรือรกและเข้าสู่ทารกจนก่อให้เกิดผลข้างเคียงได้
หากลืมทายาควรทำอย่างไร?
หากลืมทายาไดฟลูคอร์โทโลนสามารถทายาเมื่อนึกขึ้นได้ ถ้าเวลาใกล้เคียงกับการทายา ในครั้งถัดไป ไม่จำเป็นต้องเพิ่มปริมาณยาเป็น 2 เท่า
ไดฟลูคอร์โทโลนมีผลไม่พึงประสงค์อย่างไร?
ยาไดฟลูคอร์โทโลนสามารถก่อให้เกิดผลไม่พึงประสงค์ (ผลข้างเคียง/อาการข้างเคียง) ดังนี้ เช่น แสบคันในบริเวณที่ทายา ทำให้ผิวหนังบาง เกิดการติดเชื้อแบคทีเรียและ/หรือเชื้อราในบริเวณผิวหนังที่ทายานี้ได้ง่าย และอาจพบสิวเกิดขึ้นกับผู้ป่วยบางราย
มีข้อควรระวังการใช้ไดฟลูคอร์โทโลนอย่างไร?
มีข้อควรระวังการใช้ยาไดฟลูคอร์โทโลนเช่น
- ห้ามใช้กับผู้ที่แพ้ยานี้
- ห้ามปรับขนาดการใช้ยานี้เกินจากคำสั่งแพทย์รวมถึงใช้ยานี้ต่อเนื่องด้วยตนเอง
- ห้ามรับประทานหรือทายานี้ภายในช่องปากหรือให้ยานี้เข้าตา
- ห้ามใช้ยานี้กับสตรีตั้งครรภ์ สตรีที่อยู่ในภาวะให้นมบุตร รวมถึงเด็ก โดยไม่มีคำสั่งจากแพทย์
- ห้ามใช้ยานี้กับผู้ป่วยวัณโรค ผู้ที่เพิ่งได้รับวัคซีน ผู้ที่มีการติดเชื้อไวรัสชนิดต่างๆ
- หลีกเลี่ยงการทายานี้บริเวณใบหน้าด้วยอาจทำให้เกิดภาวะผิวบางหรือเกิดสิวขึ้นได้
- การใช้ยานี้นานเกินไปอาจก่อให้เกิดภาวะต้อหิน
- หากใช้ยานี้ตามระยะเวลาที่แพทย์กำหนดแล้วอาการไม่ดีขึ้น ต้องกลับมาพบแพทย์/มาโรงพยาบาลเพื่อให้แพทย์พิจารณาปรับแนวทางการรักษา
- ห้ามแบ่งยาให้ผู้อื่นใช้
- ห้ามใช้ยาหมดอายุ
- ห้ามเก็บยาหมดอายุ
***** อนึ่ง ทุกคนต้องตระหนักถึงความปลอดภัยจากการใช้ ”ยา” ที่รวมถึงยาแผนปัจจุบันทุกชนิด (รวมยาไดฟลูคอร์โทโลนด้วย) ยาแผนโบราณทุกชนิดและสมุนไพรต่างๆเสมอ เพราะยามีทั้งให้คุณและให้โทษ ดังนั้นเมื่อมีการใช้ยาทุกครั้งควรต้องปฏิบัติตามข้อปฏิบัติพื้นฐานในการใช้ยาทุกชนิดเสมอ (อ่านเพิ่มเติมได้ในเว็บ haamor.com บทความเรื่อง ข้อปฏิบัติพื้นฐานในการใช้ยาทุกชนิด) รวมทั้งควรต้องปรึกษาเภสัชกรประจำร้านขายยาก่อนซื้อยาใช้เองเสมอด้วยเช่นกัน
ไดฟลูคอร์โทโลนมีปฏิกิริยาระหว่างยากับยาตัวอื่นอย่างไร?
ด้วยยาไดฟลูคอร์โทโลนเป็นยาใช้ภายนอกจึงยังไม่มีรายงานพบปฏิกิริยาระหว่างยานี้กับยารับประทานชนิดใดๆ
ควรเก็บรักษาไดฟลูคอร์โทโลนอย่างไร?
เก็บยาไดฟลูคอร์โทโลนในช่วงอุณหภูมิที่ต่ำกว่า 25 องศาเซลเซียส (Celsius) ไม่เก็บยา ในช่องแช่แข็งของตู้เย็น เก็บยาให้พ้นมือเด็กและสัตว์เลี้ยง เก็บยาในภาชนะที่ปิดมิดชิด พ้นแสงแดด ความร้อนและความชื้น ไม่เก็บยาในห้องน้ำหรือในรถยนต์
อนึ่งยานี้ชนิดครีมมีอายุการเก็บผลิตภัณฑ์ 3 ปีนับจากวันผลิต และยานี้ชนิดขี้ผึ้งมีอายุการ เก็บผลิตภัณฑ์ 5 ปีนับจากวันผลิต
ไดฟลูคอร์โทโลนมีชื่ออื่นอีกไหม? ผลิตจากบริษัทอะไรบ้าง?
ยาไดฟลูคอร์โทโลนที่จำหน่ายในประเทศไทย มียาชื่อการค้าและบริษัทผู้ผลิตเช่น
ชื่อการค้า | บริษัทผู้ผลิต |
---|---|
NERISONE (เนริโซน) | Bayer |
Travocort (ทราโวคอร์ด) | Intendis |