ไซมีพรีเวียร์ (Simeprevir)

สารบัญ บทความที่เกี่ยวข้อง

บทนำ

ยาไซมีพรีเวียร์ (Simeprevir) เป็นยาต้านไวรัสสำหรับรักษาไวรัสตับอักเสบ(Antihepaciviral)ในกลุ่มยาโปรติเอสอินฮิบิเตอร์ (Protease inhibitor, PI) มีข้อบ่งใช้ในการรักษาโรคไวรัสตับอักเสบซีชนิดเรื้อรัง (Chronic hepatitis C)ในผู้ใหญ่ ซึ่งการใช้ยาไซมีพรีเวียร์จะใช้เพื่อรักษาไวรัสตับอักเสบซีเรื้อรังชนิดสายพันธุ์ย่อยที่ 1 จำเป็นต้องบริหารยา/ใช้ยาไซมีพรีเวียร์ ร่วมกับยาอีก 1 ชนิด คือ ยาโซฟอสบูเวียร์(Sofosbuvir) เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพในการรักษา

ข้อควรระวังในการใช้ยาไซมีพรีเวียร์ คือ ปฏิกิริยาระหว่างยา (Drug-drug interaction) ซึ่งจะมีผลต่อยาอื่นๆที่ใช้ร่วมกันที่จะส่งผลทำให้ระดับยาชนิดอื่นๆที่ใช้ร่วมลดลงหรือเพิ่มขึ้นก็ได้ ดังนั้นผู้ป่วยที่กำลังได้รับยาไซมีพรีเวียร์อยู่ ควรต้องแจ้งแพทย์ พยาบาล และเภสัชกร ผู้ดูแลว่า กำลังได้รับยาอื่นๆอยู่ เพื่อให้ แพทย์ พยาบาล และเภสัชกร ตรวจสอบคู่ยาที่ผู้ป่วยกำลังได้รับร่วมอยู่ เพื่อป้องกันการเกิดปฏิกิริยาระหว่างยา และเพิ่มประสิทธิภาพในการรักษาให้ผู้ป่วย และเพิ่มความปลอดภัยสูงสุดจากการใช้ยาของผู้ป่วย

ยาไซมีพรีเวียร์มีสรรพคุณ(คุณสมบัติ)อย่างไร?

ไซมีพรีเวียร์

ยาไซมีพรีเวียร์ มีข้อบ่งใช้ในการรักษาโรคไวรัสตับอักเสบซีชนิดเรื้อรัง สายพันธุ์ย่อยที่1 ในผู้ใหญ่ โดยการใช้ยาไซมีพรีเวียร์เพื่อรักษาไวรัสตับอักเสบเรื้อรังชนิดซีนี้ จำเป็นต้องบริหารยา/ใช้ยาไซมีพรีเวียร์ร่วมกับยาอีก 1 ชนิด คือ ยาโซฟอสบูเวียร์(Sofosbuvir) เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพในการรักษา โดยยาไซมีพรีเวียร์ สามารถใช้ได้ทั้งในผู้ป่วยที่ไม่มีโรคตับ หรือผู้ป่วยมีโรคตับแต่ตับยังสามารถทำงานชดเชยได้ (Compensated liver disease) หรือกับผู้ป่วยตับแข็ง (Liver cirrhosis)

สำหรับการรักษาผู้ป่วยไวรัสตับอักเสบซี ด้วยการใช้ยาไซมีพรีเวียร์ ร่วมกับยาเพ็กกิเลตอินเตอร์เฟอรอน( Pegylated Interferon (Peg-IFN)) และยาไรบาไวริน (Ribavirin)นั้น ไม่ได้ถูกแนะนำอย่างเป็นมาตรฐานให้ใช้ในการรักษา นอกจากแพทย์เฉพาะทางพิจารณาแล้วว่ามีประโยชน์ต่อผู้ป่วย

ยาไซมีพรีเวียร์มีกลไกการออกฤทธิ์อย่างไร?

ยาไซมีพรีเวียร์มีกลไกการออกฤทธิ์โดย ตัวยาจะออกฤทธิ์ยับยั้งเอนไซม์ชื่อ โปรติเอส (Protease enzyme) ของเชื้อไวรัสตับอักเสบซี ซึ่งเอนไซม์โปรติเอสมีความสำคัญต่อการเพิ่มจำนวนเซลล์ของไวรัสตับอักเสบซีในร่างกายมนุษย์ ดังนั้นเมื่อยาไซมีพรีเวียร์เข้าสู่ร่างกายแล้ว จะส่งผลยับยั้งการเพิ่มจำนวนของไวรัสตับอักเสบซีในเซลล์มนุษย์ได้เป็นอย่างดี

ยาไซมีพรีเวียร์มีรูปแบบการจัดจำหน่ายอย่างไร?

รูปแบบทางเภสัชภัณฑ์ของยาไซมีพรีเวียร์ที่มีจำหน่ายในประเทศไทย คือ ยาแคปซูล (Capsules) ขนาด 150 มิลลิกรัม ของตัวยาไซมีพรีเวียร์

ยาไซมีพรีเวียร์มีขนาดรับประทานหรือวิธีใช้ยาอย่างไร?

ยาไซมีพรีเวียร์ มีขนาดรับประทานหรือวิธีใช้ยา/บริหารยา เช่น

ก. เด็กและวัยรุ่นอายุต่ำกว่า 18 ปี: ไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับความปลอดภัยและประสิทธิภาพในการรักษาด้วยยาไซมีพรีเวียร์ในกลุ่มผู้ป่วยดังกล่าว

ข. การรักษาผู้ป่วยผู้ใหญ่ที่ติดเชื้อไวรัสตับอักเสบซีเรื้อรังที่ไม่มีภาวะตับแข็งสำหรับไวรัสตับอักเสบซีสายพันธุ์ที่ 1: รับประทานยาไซมีพรีเวียร์ขนาด 150 มิลลิกรัม วันละ 1 ครั้ง โดยรับประทานพร้อมมื้ออาหาร (มื้ออาหารหลักหรืออาหารว่างก็ได้) โดยรับประทานร่วมกับยาโซฟอสบูเวียร์ขนาด 400 มิลลิกรัม วันละ 1 ครั้ง เป็นเวลานาน 12 สัปดาห์

ค. การรักษาผู้ป่วยผู้ใหญ่ที่ติดเชื้อไวรัสตับอักเสบซีเรื้อรังที่มีภาวะตับแข็งสำหรับไวรัสตับอักเสบซีสายพันธุ์ที่ 1: รับประทานยาไซมีพรีเวียร์ขนาด 150 มิลลิกรัม วันละ 1 ครั้ง โดยรับประทานพร้อมมื้ออาหาร (มื้ออาหารหลักหรืออาหารว่างก็ได้) โดยรับประทานร่วมกับยาโซฟอสบูเวียร์ขนาด 400 มิลลิกรัม วันละ 1 ครั้ง เป็นเวลานาน 24 สัปดาห์

ในการนี้ วิธีการรับประทานยาในเรื่องขนาดยาและระยะเวลาในการรับประทานยาอาจเปลี่ยนแปลงได้ตามแพทย์ผู้ที่ทำการรักษา โดย พิจารณาจากข้อบ่งใช้ของ ยาต่ออาการโรค ต่อภาวะโรคที่ต้องการรักษา ต่อปริมาณเชื้อไวรัสตับอักเสบซีที่ตรวจพบ และต่อการตอบสนองของร่างกายต่อยานี้ ดังนั้นหากผู้ป่วยที่กำลังได้รับยานี้อยู่ ควรปฏิบัติตามคำแนะนำของ แพทย์ พยาบาล และเภสัชกร อย่างเคร่งครัดที่เกี่ยวกับการปฏิบัติตนระหว่างได้รับยานี้ และควรสังเกตอาการต่างๆ หากท่านมีอาการไม่พึงประสงค์จากยานี้(ผลข้างเคียง)ที่รุนแรง จนส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำ วันเกิดขึ้น ท่านควรต้องรีบไปพบแพทย์โดยเร็วก่อนกำหนดแพทย์นัด เพื่อรับการรักษาอาการไม่พึงประสงค์ดังกล่าว

ง. ขนาดยาในผู้ป่วยไตบกพร่อง: แพทย์ไม่จำเป็นต้องต้องปรับขนาดยาในผู้ป่วยที่การทำงานของไตบกพร่อง และในผู้ป่วยที่ได้รับการบำบัดทดแทนไต(การล้างไต)

จ. ขนาดยาในผู้ป่วยตับบกพร่อง: แพทย์ไม่จำเป็นต้องปรับขนาดยาในผู้ป่วยที่มีการทำงานของตับบกพร่องที่มีระดับความรุนแรงน้อย และไม่แนะนำให้ใช้ยานี้ในผู้ป่วยที่มีการทำงานของตับบกพร่องที่รุนแรงปานกลางหรือมาก

เมื่อมีการสั่งยาควรแจ้งแพทย์/พยาบาลและเภสัชกรอย่างไร?

เมื่อมีการสั่งยาทุกชนิดรวมยาไซมีพรีเวียร์ ผู้ป่วยควรแจ้งแพทย์/พยาบาล และเภสัชกร ดังนี้

  • ประวัติแพ้ยา แพ้อาหาร หรือแพ้สารเคมีทุกชนิด
  • โรคประจำตัวต่างๆ เช่น โรคไวรัสตับอักเสบซีชนิดเรื้อรัง หรือโรคประจำตัวอื่นๆ เช่น โรคตับ โรคไต
  • ผู้ป่วยควรแจ้ง แพทย์ พยาบาล เภสัชกร ถึงประวัติการใช้ยาต่างๆในปัจจุบัน เพราะยาไซมีพรีเวียร์อาจส่งผลให้อาการของโรคเหล่านั้นรุนแรงขึ้น หรือเกิดปฏิกิริยาระหว่างยากับยาอื่นๆที่กิน/ที่ใช้อยู่ก่อนแล้ว
  • หากเป็นสุภาพสตรีควรแจ้งว่าอยู่ในภาวะตั้งครรภ์ หรือกำลังให้นมบุตรอยู่หรือไม่ เนื่องจากยาไซมีพรีเวียร์มีข้อมูลการศึกษาในสัตว์ว่า ยานี้มีผลพิษต่อทารกในครรภ์ ดังนั้นเพื่อความปลอดภัยในการใช้ยานี้ ผู้ป่วยหญิงตั้งครรภ์จึงไม่ควรใช้ยาไซมีพรีเวียร์
  • สุภาพสตรีที่กำลังได้รับยาไซมีพรีเวียร์และกำลังให้นมบุตรอยู่ด้วย ควรหลีกเลี่ยงการให้นมบุตรในช่วงที่ได้รับยานี้ เนื่องจากข้อมูลการศึกษาเรื่องการขับผ่านของยานี้ผ่านน้ำนมยังมีจำกัด เพื่อความปลอดภัยของทารกที่กำลังได้รับนมบุตร มารดาจึงควรงดการให้นมบุตรขณะได้รับยานี้

หากลืมรับประทานยาไซมีพรีเวียร์ควรทำอย่างไร?

สำหรับการรักษาการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบซีเรื้อรังด้วยยาไซมีพรีเวียร์นั้น ผู้ป่วยจำเป็นต้องรับประทานยาให้ตรงเวลาทุกวันอย่างเคร่งครัด โดยรับประทานยาวันละ 1 ครั้ง แนะนำรับประทานยาพร้อมอาหาร โดยอาจเป็นมื้ออาหารหรืออาหารรองท้องก็ได้ เนื่องจากอาหารจะช่วยเพิ่มให้ร่างกายดูดซึมยาไซมีพรีเวียร์จากระบบทางเดินอาหารได้มากขึ้น แต่เพื่อให้ระดับยาในร่างกายคงที่ สามารถยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อไวรัสตับอักเสบซีได้อย่างมีประสิทธิภาพ จึงควรรับประทานยาในเวลาเดียวกันของทุกวัน และรับประทานพร้อมอาหารตามแนะนำข้างต้น

กรณีลืมรับประทานยาไซมีพรีเวียร์ ให้รับประทานยาทันทีที่นึกขึ้นได้ แต่หากใกล้กับเวลาที่ต้องรับประทานยามื้อถัดไป(เกินกว่า 12 ชั่วโมงของเวลารับประทานยามื้อปกติ) ให้รอรับประทานยามื้อถัดไปเลย โดยไม่ต้องเพิ่มขนาดยาเป็น 2 เท่า เช่น ปกติรับประทานยาเวลา 8.00 น.หลังอาหารเช้า หากผู้ป่วยนึกขึ้นได้ว่าลืมรับประทานยามื้อ 8.00 น. ตอนเวลา 15.00 น. ผู้ป่วยก็สามารถรับประทานยามื้อ 8.00 น. ได้ทันที แต่หากนึกขึ้นได้ในช่วงที่ใกล้กับช่วงเวลาของยามื้อถัดไป (หมายถึงเกินกว่า 12 ชั่วโมงจากเวลารับประทานยาปกติ) เช่น นึกขึ้นได้ช่วงเวลาเกินกว่า 20.00 น. ของวันเดียวกัน ให้ผู้ป่วยรอรับประทานยามื้อถัดไปในขนาดยาปกติช่วงเวลาเดิมได้เลย ไม่ต้องรับประทานยามื้อที่ลืมและไม่ต้องเพิ่มขนาดยาเป็น 2 เท่า ทั้งนี้ผู้ป่วยที่รับประทานยาไซมีพรีเวียร์ในช่วงที่ลืม ควรหาอาหารรับประทานเพิ่มด้วยเพื่อเพิ่มการดูดซึมยาจากระบบทางเดินอาหาร

อย่างไรก็ตาม การรับประทานยาต้านไวรัสตับอักเสบซีเรื้อรังทุกชนิดรวมถึงยาไซมีพรีเวียร์ ที่ไม่สม่ำเสมอ จะทำให้ระดับยาในเลือดอยู่ในระดับสูงบ้างต่ำบ้าง ซึ่งช่วงที่ระดับยามีขนาดต่ำ เสมือนเป็นการกระตุ้นให้เชื้อไวรัสตับอักเสบซีเกิดการกลายพันธุ์เป็นสาเหตุของการดื้อยาในเวลาต่อมา

ยาไซมีพรีเวียร์มีผลไม่พึงประสงค์อย่างไร?

ผล/อาการไม่พึงประสงค์จากยา(ผลข้างเคียง/อาการข้างเคียง)ของยาไซมี พรีเวียร์ที่พบได้บ่อย ได้แก่ ปวดศีรษะ, อ่อนเพลีย, อ่อนล้า, ปวดเมื่อยตามตัว, นอนไม่หลับ, รู้สึกง่วง, ผิวหนังไวต่อแสงแดด, ผิวแห้ง คัน, ผื่นลมพิษ, คลื่นไส้, อาเจียน, ท้องเสีย นอกจากนี้ยังมีอาการไม่พึงประสงค์อื่นๆอีก เช่น ค่าเอนไซม์การทำงานของตับในเลือดเพิ่มสูงขึ้น

มีข้อควรระวังการใช้ยาไซมีพรีเวียร์อย่างไร?

มีข้อควรระวังการใช้ยาไซมีพรีเวียร์ เช่น

  • ห้ามใช้กับผู้ป่วยที่แพ้ยานี้หรือแพ้ส่วนประกอบของยานี้
  • ห้ามใช้ยานี้ในผู้ป่วยที่มีการทำงานของตับบกพร่องรุนแรง
  • ไม่ควรใช้ยานี้ในผู้ป่วยเด็กที่อายุต่ำกว่า 18 ปี เนื่องจากยังไม่มีข้อมูลด้านความปลอดภัย และประสิทธิภาพของยา
  • หลีกเลี่ยงหรือพิจารณาไม่ใช้ยาไซมีพรีเวียร์ คู่กับยาดังที่กล่าวในหัวข้อ ๑๐ ยาไซมีพรีเวียร์มีปฏิกิริยาระหว่างยากับยาตัวอื่นอย่างไร? เนื่องจากอาจเกิดอันตรกิริยารุนแรงได้เมื่อใช้ยาดังกล่าวร่วมกับยาไซมีพรีเวียร์
  • ทุกครั้งที่มีการใช้ยาไซมีพรีเวียร์ คู่กับยาชนิดอื่นๆ ควรตรวจสอบอันตรกิริยาระหว่างยากับยาอื่นๆก่อนการเริ่มใช้ยาชนิดใหม่ๆขณะที่ผู้ป่วยกำลังรับประทานยาไซมีพรีเวียร์อยู่ เพี่อความปลอดภัยของผู้ป่วย หรือหากจำเป็นต้องใช้ยาที่มีอันตรกิริยา อาจพิจารณายาทางเลือกอื่นที่มีโอกาสในการเกิดอันตรกิริยาน้อยที่สุด
  • ห้ามแบ่งยาให้ผู้อื่นใช้
  • ห้ามใช้ยาหมดอายุ
  • ห้ามเก็บยาหมดอายุ

***** อนึ่ง: ทุกคนต้องตระหนักถึงความปลอดภัยจากการใช้ ”ยา” ที่รวมถึง ยาแผนปัจจุบันทุกชนิด(รวมยาไซมีพรีเวียร์) ยาแผนโบราญ อาหารเสริม ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ทุกชนิด และสมุนไพรต่างๆเสมอ เพราะ ยามีทั้งให้คุณและให้โทษ ดังนั้นเมื่อมีการใช้ยาทุกชนิด ควรต้องปฏิบัติตาม ข้อปฏิบัติพื้นฐานในการใช้ยาทุกชนิดเสมอ (อ่านเพิ่มเติมได้ในเว็บ haamor.com บทความเรื่อง ข้อปฏิบัติพื้นฐานในการใช้ยาทุกชนิด) รวมทั้งควรต้องปรึกษาเภสัชกรประจำร้านขายยาก่อนซื้อยาใช้เองเสมอด้วยเช่นกัน

ยาไซมีพรีเวียร์มีปฏิกิริยาระหว่างยากับยาตัวอื่นอย่างไร?

ข้อควรระวังในการใช้ยาไซมีพรีเวียร์ ซึ่งเป็นยากลุ่มโปรติเอส อินฮิบิเตอร์ (Protease Inhibitors,PIs) คือ ปฏิกิริยาระหว่างยากับยาอื่นๆ(Drug-drug interaction) เนื่องจากยาในกลุ่ม PI มีคุณสมบัติเป็น CYP3A4 (Cytochrome P450 3A4)substrate/สาร/เอนไซม์ ซึ่งมักอาจทำให้เกิดอันตรกิริยาระหว่างยากับยาต่างๆได้ เมื่อมีการใช้ยาหลายชนิดร่วมกันกับยาในกลุ่มPI

1. เมื่อใช้ยาไซมีพรีเวียร์คู่กับยาดังต่อไปนี้ ซึ่งคาดว่าสามารถเพิ่มการทำงานของเอนไซม์ CYP3A4 ได้ เช่นยา ฟีโนบาร์บีทาล (Phenobarbital: ยากันชัก), คาร์บามาซีปิน(Carbamazepine: ยากันชัก), ฟีนีทอย (Phenytoin:ยากันชัก), ไรแฟมปิซิน (Rifampicin: ยาฆ่าเชื้อแบคทีเรีย, ยาต้านวัณโรค/ยาวัณโรค), ไรฟาบูติน (Rifambutin:ยาฆ่าเชื้อแบคทีเรีย, ยาต้านวัณโรค) ดังนั้น หากใช้ยาเหล่านี้ที่กล่าวมาคู่กับยาไซมีพรีเวียร์ อาจทำให้ระดับยาไซมีพรีเวียร์ในเลือดลดลงจนขาดประสิทธิภาพในการรักษาโรค

2. หลีกเลี่ยงหรือพิจารณาไม่ใช้ยาไซมีพรีเวียร์คู่กับยาดังต่อไปนี้ เนื่องจากอาจเกิดอันตรกิริยารุนแรงได้เมื่อใช้คู่ยาทั้งสองร่วมกัน โดยอาจทำให้เกิดอาการไม่พึงประสงค์จากยาที่ใช้ร่วมอย่างรุนแรง ยาดังกล่าว เช่นยา อาฟูโซซิน (Alfuzosin: ยารักษาโรคต่อมลูกหมากโต), อะมิโอดาโลน (Amiodarone:ยาต้านหัวใจเต้นผิดจังหวะ), ควินิดีน(Quinidine:ยาต้านหัวใจเต้นผิดจังหวะ), ฟูซิดิกเอซิด (Fusidic acid: ยาฆ่าเชื้อแบคทีเรีย), โวลิโคนาโซล (Voriconazole: ยาต้านเชื้อรา), แอสทิมีโซล (Astemizole: ยาแก้แพ้), เทอร์ฟีนีดีน(Terfenadine: ยาแก้แพ้), โบรนาซีลีน (Blonanserin: ยารักษาโรคจิต), Ergot derivetives (ยาที่มีส่วนผสมของ Ergot เช่นยา Erogatamine/เออโกตามีน: ยารักษาไมเกรน , Ergonovine/ เออร์โกโนวีน: ยาบีบมดลูก, Methylergonovine/เมททิวเออร์โกโนวีน: ยาบีบมดลูก), ซิสซาพาย(Cisapide: ยากระตุ้นการเคลื่อนไหวของกระเพาะอาหารและลำไส้), สมุนไพรเซนต์จอห์นเวิร์ธ (St. John's wort: สมุนไพรคลายเครียด), โลวาสสะตาติน(Lovastatin: ยาลดไขมัน), ซิมวาสสะตาติน (Simvastatin: ยาลดไขมัน), เซาเมทารอล (Salmeterol: ยาขยายหลอดลม), พิโมซายด์ (Pimozide: ยาต้านโรคจิต ), ซิเดนาฟิว (Sidenafil: ยารักษาภาวะPulmonary Hypertension/ความดันในปอดสูง), ไมด้าโซแลม (Midazolam: ยาสงบประสาท /ยานอนหลับ), ไตรอะโซแลม (Triazolam: ยาสงบประสาท /ยานอนหลับ)

3 . นอกจากนี้ ยังมียาอีกหลายชนิดที่อาจจะทำให้เกิดอันตรกิริยาระหว่างยาได้ เมื่อใช้คู่กับยาไซมีพรีเวียร์ จึงแนะนำให้ผู้ป่วยให้แพทย์และเภสัชกรตรวจเช็คคู่ยาที่ได้รับร่วม หากกำลังใช้ยาไซมีพรีเวียร์อยู่เสมอ เพื่อให้ผู้ป่วยได้รับความปลอดภัยสูงสุดจากการใช้ยา

ควรเก็บรักษายาไซมีพรีเวียร์อย่างไร?

ผู้ป่วยสามารถเก็บรักษายาไซมีพรีเวียร์ที่อุณหภูมิห้องได้ โดยอุณหภูมิห้องต้องไม่เกิน 30 องศาเซลเซียส(Celsius) โดยควรเก็บยาในภาชนะบรรจุเดิมของยา เก็บให้พ้นจากแสงแดดส่องถึงโดยตรง หลีกเลี่ยงการเก็บยาไว้ในรถ หรือในห้องครัวที่อาจมีความชื้นมากระทบกับยาได้ และควรเก็บยาให้พ้นมือเด็กและสัตว์เลี้ยง

ยาไซมีพรีเวียร์มีชื่ออื่นอีกไหม? ผลิตจากบริษัทอะไรบ้าง?

ยาไซมีพรีเวียร์ มียาชื่อการค้า และบริษัทผู้ผลิต/ผู้จำหน่าย เช่น

ชื่อการค้าบริษัทผู้ผลิต
Olysio Janssen

บรรณานุกรม

  1. Lacy CF. Amstrong LL, Goldman MP, Lance LL. Drug Information handbook. 24th ed. Ohio: Lexi-Comp; 2015-16.
  2. Micromedex Healthcare Series, Thomson Micromedex, Greenwood Village, Colorado.
  3. Product Information: Olysio, Simeprevir. Janssen.
  4. TIMS (Thailand). MIMS. 140th ed. Bangkok: UBM Medica; 2015.