ไกโนฟลอร์วาไจนาแท็บเล็ต (Gynoflor vagina tablet)

สารบัญ บทความที่เกี่ยวข้อง

บทนำ

ยาไกโนฟลอร์วาไจนาแท็บเล็ต (Gynoflor vagina tablet) หรือยาไกโนฟลอร์ (Gynoflor) เป็นยาเม็ดสำหรับสอด/เหน็บช่องคลอดเพื่อรักษาอาการตกขาว ช่วยปรับสภาพและสร้างสมดุลความเป็นกรด-ด่างในช่องคลอดให้กลับมาเป็นปกติ นอกจากนี้ยังนำมารักษาความผิดปกติของช่องคลอดในวัยหมดประจำเดือนเช่น มีภาวะช่องคลอดแห้งและมีอาการคันภายในช่องคลอด หรือมีอา การเจ็บปวดขณะมีเพศสัมพันธ์

ส่วนประกอบสำคัญของยาไกโนฟลอร์ได้แก่

  • เชื้อแบคทีเรียชนิดแลคโตบาซิลลัส (Lactobacillus acidophilus): เชื้อนี้จะคอยผลิตกรดแลคติก (Lactic acid) ซึ่งเป็นกรดอ่อนและผลิตสารต้านการอักเสบของช่องคลอด ทำให้สภาพภายในช่องคลอดมีฤทธิ์เป็นกรดอ่อนๆส่งผลยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อโรคต่างๆที่อาจเกิดในช่องคลอดได้ ปกติช่องคลอดของสตรีจะมีเชื้อโรค/เชื้อแบคทีเรียที่เป็นประโยชน์ (Vaginal flora) แต่เชื้อฯเหล่านี้อาจกลับลดน้อยลงเมื่อร่างกายได้รับยาบางชนิดที่พบบ่อยคือ ยาปฏิชีวนะที่จะฆ่าทำลาย Vaginal flora จนเป็นผลให้เชื้อโรคที่สามารถก่อโรคชนิดอื่นๆในช่องคลอดเจริญเติบโตขึ้นมาแทน และก่อให้เกิดผลเสียต่อช่องคลอดตามมาเช่น เกิดภาวะช่องคลอดอักเสบจากเชื้อแบคทีเรีย (Bacterial vaginosis)
  • ฮอร์โมนเพศหญิงเอสไตรออล (Estriol): จัดเป็นฮอร์โมนเอสโตรเจน (Estrogen) ชนิดหนึ่ง และพบในร่างกายของสตรี โดยจะทำให้ผนังของเยื่อบุช่องคลอดมีความหนาตัว ยืดหยุ่น เกิดความ ชุ่มชื้น และช่วยเพิ่มการไหลเวียนของเลือดในบริเวณช่องคลอด ซึ่งสภาพแวดล้อมดังกล่าวจะทำให้เชื้อแลคโตบาซิลลัสในช่องคลอดเจริญเติบโตได้ดีและมีชีวิตอยู่ได้
  • สารประกอบอื่นๆ: อย่างเช่น น้ำตาลแลคโตสที่อยู่ในสูตรตำรับยานี้ก็สามารถถูกเปลี่ยนไปเป็นกรดแลคติกได้อย่างรวดเร็วเมื่ออยู่ในช่องคลอด และช่วยปรับสมดุลและสภาพภายในช่องคลอดให้มีความเหมาะสมทางธรรมชาติมากยิ่งขึ้น

อย่างไรก็ตามมีข้อจำกัดบางประการที่ทำให้ไม่สามารถใช้ยาไกโนฟลอร์กับผู้ป่วย หรือมีบางเงื่อนไขที่จะต้องใช้ยานี้ด้วยความระมัดระวังเช่น

  • ห้ามใช้ในผู้แพ้ยานี้และ/หรือแพ้ส่วนประกอบในสูตรตำรับของยานี้
  • ไม่สมควรใช้ยานี้กับผู้ป่วยที่มีเนื้องอกในมดลูกหรือในช่องคลอด หรือในผู้ป่วยเนื่องอกเต้านม(อ่านเพิ่มเติมในเว็บ haamor.com บทความเรื่อง ก้อนในเต้านม) และ/หรือมะเร็งเต้านม
  • แพทย์จะไม่ใช้ยานี้กับผู้ที่มีภาวะช่องคลอดอักเสบแบบรุนแรง หรือมีเลือดออกจากช่องคลอดโดยที่ยังหาสาเหตุไม่ได้
  • สตรีที่ยังไม่เคยมีประจำเดือนก็ถือเป็นกลุ่มที่ห้ามใช้ยานี้เช่นกัน
  • ผู้ที่มีประวัติเป็นโรคประจำตัวดังต่อไปนี้อยู่ในกลุ่มเสี่ยงต่อการใช้ยานี้ ซึ่งต้องอาศัยการตรวจคัดกรองสุขภาพจากแพทย์ก่อนที่ใช้ยาไกโนฟลอร์เช่น ผู้ที่มีภาวะเกล็ดเลือดจับตัวง่าย ผู้ป่วยโรคหัวใจ โรคไตอย่างรุนแรง ผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูง ผู้ป่วยโรคไมเกรน ผู้ป่วยกลุ่มโรคลมชัก ผู้ป่วยที่ปัสสาวะออกมาแล้วมีเลือดปนหรือปัสสาวะมีสีคล้ำเข้มผิดปกติ/ปัสสาวะเป็นเลือด ผู้ป่วยโรคเบาหวาน และผู้ที่มีก้อนเนื้อหรือมีก้อนซีสต์ (Cyst) ในเต้านม (อ่านเพิ่มเติมในเว็บ haamor.com บทความเรื่อง ก้อนในเต้านม)
  • สตรีตั้งครรภ์และสตรีที่อยู่ในภาวะให้นมบุตรล้วนแล้วเป็นกลุ่มเสี่ยงต่อการใช้ยาต่างๆทุกชนิด ซึ่งรวมถึงยาไกโนฟลอร์ด้วย

จากรายละเอียดดังที่ได้กล่าวมาพอจะสรุปได้ว่า ยาไกโนฟลอร์วาไจนาแท็บเล็ตเป็นยาที่มีความจำเพาะเจาะจงต่ออาการภายในช่องคลอดของสตรี การที่จะได้รับประโยชน์สูงสุดรวมถึงความปลอดภัยในการใช้ยานี้ ผู้บริโภค/ผู้ป่วยจะต้องใช้ภายใต้คำแนะนำของแพทย์แต่เพียงผู้เดียว ห้ามซื้อยานี้มาใช้ด้วยตนเอง

ไกโนฟลอร์วาไจนาแท็บเล็ตมีสรรพคุณ (คุณสมบัติ) อย่างไร?

ไกโนฟลอร์วาไจนาแท็บเล็ต

ยาไกโนฟลอร์วาไจนาแท็บเล็ตมีสรรพคุณ/ข้อบ่งใช้เช่น

  • รักษาภาวะตกขาวที่เกิดจากภาวะช่องคลอดอักเสบจากเชื้อแบคทีเรีย (Bacterial vaginosis)
  • บำบัดอาการช่องคลอดอักเสบจากการขาดฮอร์โมนเพศหญิง (Atrophic vaginitis)

ไกโนฟลอร์วาไจนาแท็บเล็ตมีกลไกการออกฤทธิ์อย่างไร?

กลไกการออกฤทธิ์ของยาไกโนฟลอร์คือ เชื้อแลคโตบาซิลลัสในช่องคลอดจะช่วยผลิตกรดแลคติก (Lactic acid) ส่งผลให้สภาพภายในช่องคลอดมีฤทธิ์เป็นกรดอ่อนซึ่งเป็นสภาพที่เชื้อโรคชนิดอื่นไม่สามารถเจริญเติบโตจนก่อโรคได้ และฮอร์โมนเอสไตรออล (Estriol) เป็นฮอร์โมนเพศหญิงที่ช่วยปรับสภาพให้ผนังช่องคลอดมีความหนาตัวอย่างเหมาะสม มีความชุ่มชื้น และเพิ่มการไหล เวียนของเลือดในช่องคลอด ด้วยกลไกดังกล่าวจึงมีผลลดอาการแสบ-คันหรืออาการจากช่องคลอดแห้ง และยังช่วยให้ช่องคลอดมีสภาวะที่ทำให้ตัวเชื้อแลคโตบาซิลลัสเจริญเติบโตได้ดีและเหมาะสม จากกลไกข้างต้นจึงทำให้ยานี้มีฤทธิ์ของการรักษาตามสรรพคุณ

ไกโนฟลอร์วาไจนาแท็บเล็ตมีรูปแบบการจัดจำหน่ายอย่างไร?

ยาไกโนฟลอร์วาไจนาแท็บเล็ตมีรูปแบบการจัดจำหน่ายเป็นยาเม็ดสำหรับเหน็บ/สอดช่องคลอด ซึ่งเม็ดยาแต่ละเม็ดจะมีส่วนประกอบของเชื้อแลคโตบาซิลลัสที่มีชีวิต 100 ล้านเซลล์กับฮอร์โมนเอสไตรออล 0.03 มิลลิกรัม (Lactobacillus acidophilus 100 million viable cells + Estriol 0.03 mg)

ไกโนฟลอร์วาไจนาแท็บเล็ตมีขนาดการบริหารยาอย่างไร?

ยาไกโนฟลอร์วาไจนาแท็บเล็ตมีขนาดการบริหารยา/ใช้ยาเช่น

ก. สำหรับรักษาภาวะตกขาวที่เกิดจากภาวะช่องคลอดอักเสบจากเชื้อแบคทีเรีย (Bacterial vaginosis):

  • ผู้ใหญ่: เหน็บยาในช่องคลอดวันละ 1 - 2 เม็ดเป็นเวลา 6 - 12 วัน
  • เด็ก: ห้ามใช้ยานี้กับเด็กและกับสตรีที่ยังไม่เคยมีประจำเดือน

ข. สำหรับบำบัดอาการช่องคลอดอักเสบจากการขาดฮอร์โมนเพศหญิง:

  • ผู้ใหญ่: เหน็บยาในช่องคลอดวันละ 1 เม็ดเป็นเวลา 6 - 12 วัน และเพื่อคงระดับในการรักษา ให้ตามด้วยการเหน็บยานี้ครั้งละ 1 เม็ดต่ออีกทุก 1 - 2 วัน/สัปดาห์ โดยระยะเวลาในการรักษาขึ้นกับดุลพินิจของแพทย์ผู้รักษา
  • เด็ก: ห้ามใช้ยานี้กับเด็กและกับสตรีที่ยังไม่เคยมีประจำเดือน

*อนึ่ง:

  • สามารถจุ่มยานี้ในน้ำสะอาดเล็กน้อยเพื่อให้มีความชุ่มชื้นกับยาเพื่อช่วยลดอาการระคายเคืองขณะเหน็บยา
  • แพทย์จะเป็นผู้พิจารณาระยะเวลาของการใช้ยานี้ได้เหมาะสมที่สุดในผู้ป่วยแต่ละราย

*****หมายเหตุ: ขนาดและระยะเวลาในการใช้ยาที่ระบุในบทความนี้เป็นเพียงตัวอย่างหนึ่งเท่านั้น ไม่สามารถใช้ทดแทนคำสั่งใช้ยาของแพทย์ได้ การใช้ยาที่เหมาะสมควรต้องปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรก่อนเสมอ

เมื่อมีการสั่งยาควรแจ้งแพทย์/พยาบาลและเภสัชกรอย่างไร?

เมื่อมีการสั่งยาทุกชนิดรวมยาไกโนฟลอร์ ผู้ป่วยควรแจ้งแพทย์/พยาบาลและเภสัชกรดังนี้

  • ประวัติแพ้ยาทุกชนิดเช่น กินยา/ใช้ยาแล้วคลื่นไส้มาก ขึ้นผื่น หรือแน่นหายใจติดขัด/หายใจลำบาก
  • มีโรคประจำตัวต่างๆรวมทั้งกำลังกินยา/ใช้ยาหรือใช้อาหารเสริมอะไรอยู่ เพราะยาไกโนฟลอร์อาจส่งผลให้อาการของโรคเหล่านั้นรุนแรงขึ้น หรืออาจเกิดปฏิกิริยาระหว่างยากับยาอื่นๆ และ/หรือกับอาหารเสริมที่กิน/ที่ใช้อยู่ก่อน
  • หากเป็นสุภาพสตรีควรแจ้งว่าอยู่ในภาวะตั้งครรภ์หรือกำลังให้นมบุตร เพราะยาหลายประเภทสามารถผ่านทางน้ำนมหรือรกและเข้าสู่ทารกจนก่อให้เกิดผลข้างเคียงได้

หากลืมเหน็บยาควรทำอย่างไร?

หากลืมเหน็บยาไกโนฟลอร์สามารถเหน็บยาเมื่อนึกขึ้นได้ หากเวลาใกล้เคียงกับการใช้ยาในครั้งถัดไป ไม่จำเป็นต้องเพิ่มปริมาณการใช้ยาเป็น 2 เท่า

ไกโนฟลอร์วาไจนาแท็บเล็ตมีผลไม่พึงประสงค์อย่างไร?

ผลไม่พึงประสงค์ (ผลข้างเคียง/อาการข้างเคียง) จากยาไกโนฟลอร์วาไจนาแท็บเล็ตเช่น อาจก่อให้เกิดอาการแสบ-คันในบริเวณช่องคลอดขณะที่เหน็บยานี้

นอกจากนั้นผู้ป่วยบางรายอาจเกิดอาการแพ้ต่อเชื้อแลคโตบาซิลลัสได้บ้างเช่น มีช่องคลอด อักเสบ บวม แดง คัน ซึ่งเมื่อเกิดอาการดังกล่าวหลังใช้ยานี้ควรรีบกลับไปพบแพทย์/ไปโรงพยาบาล เพื่อให้แพทย์ปรับการรักษาต่อไป

ทั้งนี้สามารถปรึกษาเรื่องอาการข้างเคียงดังกล่าวกับแพทย์ผู้รักษาเพื่อปรับแนวทางการใช้ยานี้ให้เหมาะสมเป็นกรณีบุคคลไป

มีข้อควรระวังการใช้ไกโนฟลอร์วาไจนาแท็บเล็ตอย่างไร?

มีข้อควรระวังการใช้ไกโนฟลอร์วาไจนาแท็บเล็ตเช่น

  • ห้ามใช้กับผู้ที่มีประวัติแพ้ยาไกโนฟลอร์วาไจนาแท็บเล็ตหรือแพ้ส่วนประกอบของยานี้
  • ห้ามใช้ยานี้กับสตรีตั้งครรภ์ สตรีที่อยู่ในภาวะให้นมบุตร และเด็ก โดยไม่มีคำสั่งจากแพทย์
  • ห้ามใช้ยาที่มีสภาพเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมเช่น เม็ดยาแตก หัก หรือบวม
  • ห้ามปรับขนาดการใช้ยานี้ หรือใช้ยานี้ไม่ครบตามกำหนดที่แพทย์แนะนำ หรือหยุดการใช้ยานี้เอง หรือแม้แต่การใช้ยานี้ต่อเนื่องโดยไม่ขอคำแนะนำจากแพทย์
  • ห้ามใช้ยานี้กับผู้ป่วยโรคมะเร็ง หรือผู้ที่มีเนื้องอก/มีก้อนที่เต้านม เนื้องอกที่มดลูก หรือเนื้องอกในช่องคลอด รวมถึงผู้ที่มีเลือดออกจากช่องคลอดโดยไม่ทราบสาเหตุ
  • ขณะเหน็บยานี้ห้ามฉีดน้ำล้างภายในช่องคลอด (การสวนช่องคลอด) เพื่อทำความสะอาด
  • หลังการเหน็บยานี้อาจพบว่ามีส่วนประกอบของยาที่ไม่ละลายหลงเหลือหลุดออกมาจากช่องคลอดอยู่บ้าง ผู้บริโภค/ผู้ป่วยจึงควรต้องได้รับคำอธิบายและทำความเข้าใจจากแพทย์/เภสัชกรก่อนการใช้ยานี้ทุกครั้ง
  • ปฏิบัติตามคำแนะนำอื่นๆของแพทย์พยาบาลและ/หรือเภสัชกรที่จะเป็นประโยชน์ต่อตัวผู้ป่วยเอง
  • ห้ามแบ่งยาให้ผู้อื่นใช้
  • ห้ามใช้ยาหมดอายุ
  • ห้ามเก็บยาหมดอายุ

***** อนึ่ง ทุกคนต้องตระหนักถึงความปลอดภัยจากการใช้ ”ยา” ที่รวมถึงยาแผนปัจจุบันทุกชนิด (รวมยาไกโนฟลอร์วาไจนาแท็บเล็ตด้วย) ยาแผนโบราณทุกชนิดและสมุนไพรต่างๆเสมอ เพราะยามีทั้งให้คุณและให้โทษ ดังนั้นเมื่อมีการใช้ยาทุกครั้งควรต้องปฏิบัติตามข้อปฏิบัติพื้นฐานในการใช้ยาทุกชนิดเสมอ (อ่านเพิ่มเติมได้ในเว็บ haamor.com บทความเรื่อง ข้อปฏิบัติพื้นฐานในการใช้ยาทุกชนิด) รวมทั้งควรต้องปรึกษาเภสัชกรประจำร้านขายยาก่อนซื้อยาใช้เองเสมอ

ไกโนฟลอร์วาไจนาแท็บเล็ตมีปฏิกิริยาระหว่างยากับยาตัวอื่นอย่างไร?

ยาไกโนฟลอร์วาไจนาแท็บเล็ตมีปฏิกิริยาระหว่างยากับยาตัวอื่นเช่น การใช้ยาไกโนฟลอร์วาไจนาแท็บเล็ตร่วมกับยาปฏิชีวนะต่างๆที่อาจเป็นลักษณะของยารับประทานหรือยาฉีด สามารถส่งผลต่อเชื้อแลคโตบาซิลลัสในยาไกโนฟลอร์และทำให้ประสิทธิภาพในการรักษาของยาไกโนฟลอร์ลดลง หากไม่มีความจำเป็นใดๆควรหลีกเลี่ยงการใช้ยาเหล่านี้ในเวลาเดียวกัน

ควรเก็บรักษาไกโนฟลอร์วาไจนาแท็บเล็ตอย่างไร?

ควรเก็บยาไกโนฟลอร์ภายใต้อุณหภูมิ 2 - 8 องศาเซลเซียส (Celsius) ห้ามเก็บยาในช่องแช่แข็งตู้เย็น เก็บยาให้พ้นมือเด็กและสัตว์เลี้ยง ไม่เก็บยาในห้องน้ำหรือในรถยนต์ และเก็บยาในภาชนะที่ปิดมิดชิด พ้นแสงแดด ความร้อนและความชื้น

ไกโนฟลอร์วาไจนาแท็บเล็ตมีชื่ออื่นอีกไหม? ผลิตจากบริษัทอะไรบ้าง?

ยาไกโนฟลอร์ที่จำหน่ายในประเทศไทย มียาชื่อการค้าและบริษัทผู้ผลิต/ผู้จำหน่ายเช่น

ชื่อการค้าบริษัทผู้ผลิต
Gynoflor (ไกโนฟลอร์) Medinova

บรรณานุกรม

  1. http://www.medinova.ch/fileadmin/_userfiles/PDFs/Gynoflor_PIL-806-CH-2012-02_eng.pdf [2016,June4]
  2. http://www.mims.com/malaysia/drug/info/gynoflor?type=full [2016,June4]
  3. http://www.medicine-online.org/index.php?id_product=683&controller=product&id_lang=1 [2016,June4]
  4. http://www.mims.com/thailand/drug/info/gynoflor [2016,June4]