โอเค เลนส์ เลนส์สัมผัส โอ-เค (O-K lens)
- โดย ศาสตราจารย์เกียรติคุณ แพทย์หญิง สกาวรัตน์ คุณาวิศรุต
- 24 เมษายน 2565
- Tweet
สารบัญ
- โอเคเลนส์คืออะไร?
- โอเคเลนส์ต่างจากคอนแทคเลนส์แก้ไขสายตาทั่วไปอย่างไร?
- โอเคเลนส์มีประโยชน์และโทษอย่างไร?
- บุคคลกลุ่มใดที่ควรหรือไม่ควรใช้โอเคเลนส์?
- ควรดูแลตนเองอย่างไรเมื่อใช้โอเคเลนส์?
- เมื่อใช้โอเคเลนส์เมื่อไหร่ต้องพบจักษุแพทย์?
บทความที่เกี่ยวข้อง
- โรคตา โรคทางตา (Eye disease)
- สายตาผิดปกติ (Refractive error)
- กายวิภาคและสรีรวิทยาของตา (Anatomy and physiology of the eye)
- การตรวจตา การตรวจสุขภาพตา (Eye examination)
- คอนแทคเลนส์ (Contact lens)
- คอนแทคเลนส์ชนิดแข็ง (Hard contact lens) / คอนแทคเลนส์ชนิดนิ่ม (Soft contact lens)
- คอนแทคเลนส์สี คอนแทคเลนส์ตาโต (Colored contact lens)
โอเคเลนส์คืออะไร?
โอเค (OK)ทางจักษุวิทยาย่อมาจากคำว่า Orthokeratology ซึ่งโดยทั่วไปหมายถึง การทำให้กระจกตา (Cornea = Kerato = กระจกตา โดย Ortho แปลว่า ปกติหรือแก้ไข) แบนลง หรือลดกำลังหักเหแสงของกระจกตาลงเป็นการแก้ไขสายตาสั้น แต่บางครั้งอาจมีการเพิ่มกำลังหักเหแสงของกระจก ตาเพื่อเป็นการแก้ไขสายตายาว
โอเคเลนส์ (OK lens) จึงหมายถึง คอนแทคเลนส์/เลนส์สัมผัส (Contact lens) ที่ทำขึ้น เพื่อเมื่อใส่แล้วทำให้กระจกตาเปลี่ยนรูปร่าง/รูปทรง โดยมักเป็นเลนส์สำหรับผู้มีสายตาสั้นโดยเมื่อใส่เลนส์แล้วจะทำให้กระจกตามีความโค้งลดลง
โอเคเลนส์ “ใส่เฉพาะเวลานอน” ถอดตอนตื่นนอน ดังนั้นสายตาที่สั้นจึงลดลงได้ชั่วคราว กล่าวคือใส่เลนส์เวลานอนเพื่อปรับเปลี่ยนความโค้งของกระจกตาให้แบนลง ซึ่งเมื่อตื่นนอนภาย หลังถอดเลนส์แล้วกระจกตาจะยังคงแบนค้างอยู่ทำให้สายตาสั้นหายไปหรือลดลง ซึ่งการเปลี่ยน ความโค้งของกระจกตานี้จะเป็นชั่วคราวในระยะเวลาหนึ่ง ดังนั้นก่อนนอนจึงต้องใส่เลนส์ซ้ำเพื่อคงรูปร่างเลนส์ โอเคเลนส์จึงเป็นการทำให้กระจกตาเปลี่ยนรูปร่างได้ชั่วคราว (Reshaping) จัด เป็นคอนแทคเลนส์ชนิดกึ่งแข็งที่ออกซิเจนซึมผ่านได้ดีเรียกว่า เลนส์อาร์จีพี (Rigid gas perme able lens = RGP lens)
นับตั้งแต่มีการใช้คอนแทคเลนส์แก้ไขสายตาสั้นในราว ค.ศ. 1950 (พ.ศ. 2493) พบว่าผู้ ใช้คอนแทคเลนส์ชนิดแข็งหรือ RGP เมื่อถอดคอนแทคเลนส์ออกพบว่าสายตาสั้นลดลงกว่าเดิม นั่นคือการใช้คอนแทคเลนส์มีส่วนทำให้เปลี่ยนทรงความโค้งของกระจกตาจึงทำให้สายตาสั้นลด ลง นักวิทยาศาสตร์จึงมีความคิดที่จะใช้คอนแทคเลนส์ปรับความโค้งของกระจกตาเรื่อยมา จนอีก 20 ปีต่อมาจึงมีวิชา Orthokeratology ที่ใช้คอนแทคเลนส์ปรับความโค้งของกระจกตาเป็นจริงเป็นจังได้ และได้มีการปรับปรุงทั้งรูปแบบและสารที่นำมาผลิตเลนส์ให้ดีขึ้นเรื่อยๆ จนถึงวิธี การที่ใส่คอนแทคเลนส์เฉพาะเวลานอน พอตื่นนอนถอดคอนแทคเลนส์ออกตาจะหายสั้นไปจน ถึงกลางคืน แล้วกลับมาใส่คอนแทคเลนส์ใหม่ตอนกลางคืน วนเวียนเป็นวงจร ซึ่งเป็นหลักของ โอเคเลนส์ในปัจจุบัน
อายุการใช้งานของโอเคเลนส์ขึ้นกับชนิดของโอเคเลนส์ อาจต้องเปลี่ยนทุกวัน ทุก 2 สัปดาห์ หรือใช้ได้นาน 1 เดือน ทั้งนี่ในการใช้ต้องใช้ตามกำหนดระยะเวลาของแต่ชนิดเพื่อป้อง กันการติดเชื้อจากเลนส์ของกระจกตาและเพื่อประสิทธิภาพของเลนส์
โอเคเลนส์ที่ได้รับการยอมรับขององค์การอาหารและยาของสหรัฐอเมริกา (U.S. FDA, Food and Drug Administration) ในปัจจุบันคือ
- Paragon Corneal refractive therapy (CRT) lens ของบริษัท Paragon Viseral Science
- Vision shape therapy (VST) ของบริษัท Bausch and Lomb เช่น Cortex OK lens, Dream lens และ Miracle lens
โอเคเลนส์ต่างจากคอนแทคเลนส์แก้ไขสายตาทั่วไปอย่างไร?
ข้อเปรียบเทียบโอเคเลนส์กับคอนแทคเลนส์ที่แก้ไขสายตาทั่วไปรวมทั้งเลนส์ RGP ทั่วไป ซึ่งแม้จะทำด้วยวัสดุที่ใกล้เคียงกันแต่มีความแตกต่างกัน คือ
- โอเคเลนส์ใส่เวลานอน ตื่นนอนถอดไม่ต้องใส่ แต่คอนแทคเลนส์ทั่วไปใส่เวลาตื่น (เวลาที่ต้อง การแก้ไขสายตาสั้น/เวลาที่ต้องใช้สายตา) แต่ถอดเวลานอน (เวลาไม่ใช่สายตา)
- กลไกในการแก้ไขสายตาสั้นต่างกัน โอเคเลนส์แก้ไขโดยเปลี่ยนรูปร่างกระจกตาเพื่อแก้ไขสายตาสั้นซึ่งคล้ายวิธีเลสิก (Lasik) ที่ตัดกระจกตาออกให้กระจกตาแบนลงเปลี่ยนความโค้งของ กระจกตา ส่วนคอนแทคเลนส์ทั่วไปใส่คอนแทคเลนส์ที่มีค่าเท่ากับกำลังสายตาที่ผิดปกติโดยไม่ ได้เปลี่ยนรูปร่างของกระจกตาแต่อย่างใด
- ลักษณะรูปแบบ (Design) ของเลนส์ต่างกัน คอนแทคเลนส์ทั่วไปต้องมีความโค้ง (Base curve) ที่สอดคล้องกับความโค้งของกระจกตาผู้ใช้ และมีความโค้งด้านหน้าและด้านหลังก่อ ให้เกิดกำลังของคอนแทคเลนส์เท่ากับสายตาที่ผิดปกติของผู้ใช้ คอนแทคเลนส์ทั่วไปจึงมี Optical zone (ส่วนของเลนส์ที่ใช้หักเหแสง) ซึ่งอยู่ตรงกลางเลนส์โค้งกว่าส่วนขอบเลนส์เพื่อ ให้เลนส์เกาะตา เวลากระพริบตาจะช่วยให้ผู้ใช้สบายตา ส่วนโอเคเลนส์บริเวณ Optical zone จะแบนกว่าส่วนขอบ การที่ตรงกลางเลนส์แบนจะเกิดแรงดันบวก (Positive pressure) หลังเลนส์ร่วมกับความดันภายในลูกตาจึงทำให้กระจกตาถูกขนาบด้วยแรงดันทั้งสอง ส่วนบริเวณขอบของโอเคเลนส์จะโค้งมากขึ้นเมื่อเทียบกับ Optical zone จึงเกิดแรงดันลบ (Negative pressure) เรียกรูปแบบ/Design ของโอเคเลนส์นี้ว่า Reverse geometry lens ซึ่งจะช่วยไม่ให้เกิดการบวมของกระจกตาในช่วงสวมใส่โอเคเลนส์
- ในคนปกติกระจกตานอกจากได้ออกซิเจนจากฟิล์มน้ำตา/Tear film และจากสารน้ำในลูกตาที่หล่อเลี้ยงกระจกตา/Aqueous humor แล้ว (อ่านเพิ่มเติมเรื่อง ฟิล์มน้ำตาและสารน้ำในลูกตาในบทความเรื่อง กายวิภาคและสรีรวิทยาของตา) กระจกตายังได้ออกซิเจนจากอากาศ เมื่อหลับตาหรือในเวลานอน กระจกตาจะขาดออกซิเจนจากอากาศจึงอาจทำให้กระจกตาบวมได้เล็กน้อยเมื่อ ใส่โอเคเลนส์ ดังนั้นจึงจำเป็นต้องทำให้เลนส์เป็นชนิดพิเศษให้มีค่าออกซิเจนซึมผ่านได้ดีกว่าคอน แทคเลนส์ทั่วไปที่ใช้เวลาลืมตาเรียกว่ามีค่า Dk สูงกว่าคอนแทคเลนส์ทั่วไป (ค่า Dk ย่อมาจาก Diffusion Konstante ซึ่งเป็นภาษาเยอรมัน)
โอเคเลนส์มีประโยชน์และโทษอย่างไร?
ประโยชน์และโทษของโอเคเลนส์:
ก. ประโยชน์ของการใช้โอเคเลนส์ คือ
- 1. เป็นทางเลือกในการแก้ไขสายตาผิดปกติซึ่งทั่วไปคือสายตาสั้นแบบชั่วคราววิธีหนึ่งนอก เหนือจากแว่นตาและคอนแทคเลนส์ทั่วไป
- 2. เป็นการแก้ไขสายตาสั้นแบบชั่วคราวที่ไม่ต้องมีแว่นตาหรือคอนแทคเลนส์มาใส่เกะกะเวลาทำงาน จึงเหมาะกับคนบางอาชีพเช่น นักบิน นักแสดง นักกีฬา ว่ายน้ำ ทำให้คล่องตัวในการทำงาน
- 3. เนื่องจากเป็นการแก้ไขสายตาชั่วคราว หากไม่พอใจเลิกรักษา สายตาจะกลับเป็นเหมือน เดิม ถ้าเป็นการแก้ไขแบบถาวรเช่น การทำเลสิก/Lasik หากทำแล้วเกิดผิดพลาดแก้ไขสายตาสั้นมากเกินไป กลายเป็นสายตายาวหรือมีสายตาเอียงยากแก่การแก้ไข
- 4. มีบางการศึกษาระบุว่า วิธีนี้อาจช่วยควบคุมภาวะสายตาสั้นได้คือทำให้สายตาสั้นไม่เพิ่ม ขึ้น ซึ่งคงต้องศึกษากันต่อไปถึงผลในเรื่องนี้
- 5. อาจใช้ได้ในทุกอายุ และไม่ว่าสายตาสั้นจะคงที่หรือมีการเปลี่ยนแปลง
ข. โทษของการใช้โอเคเลนส์ คือ
- เนื่องจากเป็นวิธีการใหม่และยังไม่แพร่หลาย จึงยังไม่มีใครทราบถึงผลในระยะยาวๆหลายปีถ้าใช้เลนส์นี้ต่อเนื่อง คงต้องมีการศึกษาในระยะยาวถึงผลดีผลเสียต่อไป จึงต้องชั่งใจให้ดีก่อนตัดสินใจใช้วิธีนี้
- โทษที่มีแน่นอนซึ่งเป็นทำนองเดียวกับการใช้คอนแทคเลนส์ทั่วไปกล่าวคือ การดูแลรักษาความสะอาดเป็นสิ่งจำเป็นที่สุดเพื่อป้องกันการติดเชื้อของกระจกตาจากคอนแทคเลนส์ทุกชนิดที่ใช้
- แก้ไขสายตาสั้นมากไม่ได้โดยทั่วไปอย่างมากแก้ไขได้ไม่เกิน - 400 D (ไดออปเตอร์) โดยเฉพาะสายตาเอียง 90 องศาหรือสายตาเอียงมุมเฉียง (Oblique astigmatism) ที่จะแก้ไม่ ได้เลย บางบริษัทของเลนส์ชนิดนี้อาจระบุว่าแก้ไขสายตาสั้นได้ถึง - 800 D หรือ - 1,000 D แต่ก็ยังไมมีการศึกษาที่พิสูจน์ได้ชัดเจน
- ไม่สามารถคาดถึงผลที่แก้ไขสายตาได้ บางรายอาจแก้ไขได้มาก บางรายอาจแก้ได้น้อย จักษุแพทย์ไม่สามารถพยากรณ์ได้
- พบว่าอาจทำให้ชั้นเยื่อบุผิว (Epithelium) ของกระจกตาบริเวณตรงกลางบางลงในขณะ ที่เนื้อเยื่อชั้น Stroma ที่อยู่ริมกระจกตาหนาขึ้น (อ่านเรื่องกระจกตาเพิ่มเติมในบท กายวิภาคและสรีรวิทยาของตา) ซึ่งในระยะยาวจะมีผลเสียอะไรหรือไม่ยังไม่สามารถบอกได้ ต้องมีการศึกษาเพิ่ม เติม
- หลังใช้เลนส์นี้แม้สายตาทั่วไปเห็นดีขึ้น แต่สายตาในที่สลัวใกล้มืด/แสง Contrast จะเห็นได้ไม่ดี
บุคคลกลุ่มใดที่ควรหรือไม่ควรใช้โอเคเลนส์?
บุคคลกลุ่มใดที่ควรหรือไม่ควรใช้โอเคเลนส์:
ก. บุคคลที่ไม่ควรใช้โอเคเลนส์: เช่นเดียวกับในเรื่องของคอนแทคเลนส์ทั่วไปได้แก่
- มีการอักเสบบริเวณเปลือกตา/หนังตาเรื้อรัง
- เยื่อบุตา/เยื่อตาอักเสบจากโรคภูมิแพ้
- เป็นโรคตาแห้ง
- มีการติดเชื้อบริเวณตา
- ผู้ที่ไม่สามารถรักษาความสะอาดเลนส์ให้ดีพอ มีสุขอนามัยที่ไม่ดี
- ผู้มีโรคของกระจกตาและ/หรือผิวกระจกตาขรุขระ
ข. บุคคลที่ใช้โอเคเลนส์นี้ได้: คือ
- บุคคลที่ไม่ต้องการใส่คอนแทคเลนส์หรือใส่แว่นตาในช่วงกลางวัน
- ผู้ที่เคยใส่คอนแทคเลนส์กลางวันได้ มาระยะหลังตาแห้งจากการใส่คอนแทคเลนส์กลาง วันจึงอาจลองใช้วิธีนี้ได้ เพราะการใช้โอเคเลนส์ก่อภาวะตาแห้งได้น้อยกว่าเนื่องจากเป็นการใส่ในช่วงนอนหลับตาปิดน้ำตาจึงระเหยได้น้อยกว่า
- ผู้สายตาสั้นที่กำลังจะมีภาวะสายตาผู้สูงอายุ หากไปทำเลสิก (Lasik) แก้ไขสายตาสั้น พอถึงอายุที่เริ่มมีสายตาผู้สูงอายุอยากจะกลับมาสายตาสั้นดังเดิม (เพราะอ่านหนังสือเห็นโดยไม่ต้องใช้แว่นตา) จะทำไม่ได้ การใช้โอเคเลนส์แก้ไขสายตาสั้นชั่วคราวจึงน่าจะเหมาะสำหรับผู้สาย ตาสั้นไม่มากและกำลังจะเข้าสู่ภาวะสายตาผู้สูงอายุ และกลางวันไม่อยากใส่แว่นหรือคอนแทคเลนส์ พอเข้าสู่วัยมีสายตาผู้สูงอายุจะได้อ่านหนังสือได้โดยไม่ต้องใช้แว่นสายตาผู้สูงอายุ
ควรดูแลตนเองอย่างไรเมื่อใช้โอเคเลนส์?
การดูแลตนเองที่สำคัญเมื่อใช้โอเคเลนส์ คือ
- เนื่องจากต้องใส่เลนส์วางบนกระจกตา เพื่อป้องกันการติดเชื้อและป้องกันการบาดเจ็บของกระ จกตาจึงจำเป็นต้องรักษาความสะอาดตัวเลนส์อย่างเคร่งครัด ต้องเลือกใช้เลนส์ที่มีขนาดเหมาะ สมและต้องประกอบเลนส์โดยผู้ชำนาญ ตลอดจนใช้เลนส์ที่ผ่านการรับรองขององค์การอาหารและยาเท่านั้น รวมทั้งต้องเก็บเลนส์เมื่อไม่ใช้ในภาชนะที่สะอาดและเหมาะสมตามคำแนะนำของผู้ผลิต
- ดูแลรักษาความสะอาดบริเวณตาทั้งผิวหนังรอบๆตา เปลือกตา/หนังตา หากสกปรกเชื้อโรคอาจแทรกเข้าไปอยู่ระหว่างเลนส์กับกระจกตาก่อให้เกิดการติดเชื้อของกระจกตาได้ ซึ่งถือเป็นภาวะแทรกซ้อน/ผลข้างเคียงที่ร้ายแรงที่สุดเพราะอาจทำให้กระจกตาเป็นแผลเรื้อรังถึงขั้นตาบอดได้
- ไม่ฝืนใช้เลนส์เมื่อมีการอักเสบบริเวณรอบๆตาเช่น เป็นกุ้งยิงหรือเปลือกตาอักเสบ เป็นต้น
- เลนส์ชนิดนี้ บางครั้งเมื่อตอนตื่นนอนตัวเลนส์จะติดกับกระจกตาทำให้ถอดเลนส์ออกยาก อาจ ต้องใช้วิธีหยอดตาด้วยน้ำตาเทียมก่อนหรือใช้เครื่องมือถอดคอนแทคเลนส์ ขั้นตอนนี้ต้องฝึกฝนจากจักษุแพทย์และ/หรือพยาบาลและ/หรือผู้ประกอบเลนส์จนทำได้อย่างถูกต้อง เพราะหากทำไม่ถูกต้องจะก่อให้เกิดแผลที่กระจกตาได้
- ปรึกษาทั้งจักษุแพทย์ ผู้ประกอบเลนส์ และอ่านเอกสารกำกับการใช้เลนส์จากบริษัทผู้ผลิตให้เข้าใจถึงกระบวนการและวิธีใช้ให้เข้าใจก่อนเสมอ
เมื่อใช้โอเคเลนส์เมื่อไหร่ต้องพบจักษุแพทย์?
เมื่อใช้โอเคเลนส์ควรพบจักษุแพทย์ เมื่อ
- หากมีอาการผิดปกติของตาเช่น เจ็บตา ปวดตา ไม่สบายตา เคืองตา ตาแดง มีขี้ตา (โดย เฉพาะมีขี้ตามาก) ต้องถอดเลนส์ออกทันที/ไม่ใช้เลนส์ และรีบไปพบจักษุแพทย์/หมอตา ซึ่งทั้งนี้เป็นหลักการเช่นเดียวกับผู้ใช้คอนแทคเลนส์ทั่วไป
- ในทุกวันหากตื่นนอนถอดเลนส์ออกแล้วตายังพร่ามัว เสมือนไม่ได้ใส่คอนแทคเลนส์คือสายตาสั้นไม่ลดลง แสดงว่าใช้วิธีนี้แก้ไขสายตาไม่ได้ผล จึงควรพบจักษุแพทย์เพื่อหาวิธีแก้ไขสาย ตาที่เหมาะสมต่อไป