โรคภัยไข้เจ็บ ตอนที่ 11 – ยาสูบ (1)

โรคภัยไข้เจ็บ ตอนที่ 11 – ยาสูบ (1)

อดีตประธานาธิบดี บารัค โอบาม่า (Barack Obama) เคยกล่าวว่า “ผมไม่ได้สูบบุหรี่มา 6 ปี แล้ว . . . นั่นเป็นเพราะผมกลัวเมีย”

ในเดือนพฤศจิกายน ค.ศ. 1492 คริสโตเฟอร์ โคลัมบัส (Christopher Columbus) ได้บันทึกไว้ในสมุดประจำวัน (Diary) ว่า “. . . ชายและหญิง [ชาวพื้นเมืองในอเมริกา] ถือวัชพืชที่เป็นฟืนไฟโขมง (Firebrand of weeds) ไว้ในมือ เพื่อสูบกลิ่น (Fragrant smoke) ที่พวกเขาคุ้นเคย (Accustomed)”

นี่เป็นการเผชิญหน้า (Encounter) ครั้งแรก (เท่าที่เคยมีการบันทึก) ของชาวยุโรปกับยาสูบ (Tobacco) ในทวีปอเมริกา หลังการเดินทางกลับจากการสำรวจ (Expedition) การสูบยาดังกล่าวได้รับการแนะนำเวลาต่อมา (Subsequently introduced) ในประเทสเปน และในที่สุด (Eventual) กลายเป็นที่นิยม (Fashionable) และแพร่กระจายไปทั่วทั้งยุโรป

ในสหรัฐอเมริกา ยาสูบเริ่มเป็นที่นิยม (Popular) ตั้งแต่ยุคล่าอาณานิคม (Colonial era) ในปลายคริสต์ทศวรรษ 1880s ประมาณ 56% ของการบริโภค (Consume) ยาสูบ อยู่ในรูปของการเคี้ยว (Chewing) ในขณะที่มีเพียง 1% เท่านั้นที่อยู่ในรูปของการสูบบุหรี่ (Cigarette)

หลังจากการผลิต (Production) บุหรี่ ด้วยเครื่องจักรกลแล้ว การสูบบุหรี่ก็พุ่งสูงขึ้น (Soar) อย่างรวดเร็ว ในปี ค.ศ. 1900 โดยเฉลี่ย ผู้ใหญ่ชาวอเมริกันสูบบุหรี่ปีละ 54 มวน ตัวเลขนี้เพิ่มขึ้นถึง 4,345 มวน (หรือมากกว่าครึ่งซองในแต่ละวัน) ในปี ค.ศ. 1963 การสูบบุหรี่พุ่งขึ้นสูงสุดในคริสต์ทศวรรษ 1960s เมื่อกว่า 40% ของผู้ใหญ่ชาวอเมริกันสูบบุหรี่

เสน่ห์ (Glamor) ของการสูบบุหรี่มีให้เห็นในภาพยนตร์, โทรทัศน์, และการรณรงค์โฆษณา (Advertising campaign) ซึ่งผลักดัน (Drive) ให้อัตราการสูบบุหรี่สูงขึ้นเป็นทวีคูณ (Exponential) อย่างไรก็ตาม การสูบบุหรี่ลดลงอย่างฮวบฮาบ (Markedly) ตั้งแต่คริสต์ทศวรรษ 1960s

หลังจากการตีพิมพ์ (Publication) โดยผู้อำนวยการสำนักงานสุขภาพ (Surgeon General) อเมริกัน เรื่องผลกระทบที่อันตราย (Harmful effects) ของการสูบบุหรี่ และนโยบายการควบคุมยาสูบในเวลาต่อมา ทำให้เกิดบรรทัดฐานทางสังคม (Societal norm) ของการต่อต้านการสูบบุหรี่

แม้ว่า แนวโน้มในภาพรวม (Overall trend) เป็นไปในเชิงบวก (Promising) แต่การสูบหรี่ก็ยังเป็นภาระหนัก (Substantial burden) อยู่ทุกวันนี้ ประมาณ 14% ของผู้ใหญ่ชาวอเมริกัน หรือ 34 ล้านคน ยังเป็นนักสูบ (Smokers) ตัวยง ในปัจจุบัน ในบรรดาวัยรุ่น 6% ของนักเรียนมัธยมศึกษา (High school) สูบบุหรี่เป็นประจำ

เนื่องจากนักเรียนมัธยมศึกษามีถึง 16.8 ล้านคน นั่นเท่ากับ (Equate) ว่า วัยรุ่นที่สูบบุหรี่มีถึง 1 ล้านคน และสิ่งที่เลวร้ายกว่านั้นก็คือ การสูบยามีอัตราที่เพิ่มขึ้นในทศวรรษที่ผ่านมา ส่วนใหญ่เกิดจากการขับเคลื่อนของการสูบบุหรี่ไฟฟ้า (Electronic cigarette)

แหล่งข้อมูล

  1. Ramirez, Lucas, MD. (2022). Simplify Your Health: A Doctor’s Practical Guide to a Healthier Life. Texas, USA: Black Rose Writing.
  2. สันต์ ใจยอดศิลป์, นพ.  (2560). สุขภาพดีด้วยตัวคุณเอง: Good Health by Yourself (eBook). พิมพ์ครั้งที่ 2 กรุงเทพฯ: บริษัท พิมพ์สวย จำกัด.