โทรพิซีตรอน (Tropisetron)
- โดย เภสัชกร อภัย ราษฎรวิจิตร
- 22 กันยายน 2559
- Tweet
- บทนำ
- โทรพิซีตรอนมีสรรพคุณ(คุณสมบัติ)อย่างไร?
- โทรพิซีตรอนมีกลไกการออกฤทธิ์อย่างไร?
- โทรพิซีตรอนมีรูปแบบการจัดจำหน่ายอย่างไร?
- โทรพิซีตรอนมีขนาดการบริหารยาอย่างไร?
- เมื่อมีการสั่งยาควรแจ้งแพทย์/พยาบาลและเภสัชกรอย่างไร?
- หากลืมรับประทานยาควรทำอย่างไร?
- โทรพิซีตรอนมีผลไม่พึงประสงค์อย่างไร?
- มีข้อควรระวังการใช้โทรพิซีตรอนอย่างไร?
- โทรพิซีตรอนมีปฏิกิริยาระหว่างยากับยาตัวอื่นอย่างไร?
- ควรเก็บรักษาโทรพิซีตรอนอย่างไร?
- โทรพิซีตรอนมีชื่ออื่นอีกไหม?ผลิตจากบริษัทอะไรบ้าง?
- บรรณานุกรม
- ยารักษาโรค (Pharmaceutical drug)
- ข้อปฏิบัติพื้นฐานในการใช้ยาทุกชนิด
- Serotonin 5-HT3 receptor antagonist
- ยาเคมีบำบัด (Cancer chemotherapy)
- คลื่นไส้ อาเจียน (Nausea and Vomiting)
- โรคมะเร็ง
- เบต้า บล็อกเกอร์ (Beta blocker)
บทนำ
ยาโทรพิซีตรอน(Tropisetron หรือ Tropisetron hydrochloride) เป็นยาในกลุ่ม เซโรโทนิน 5เอชที 3 รีเซ็ปเตอร์ แอนตาโกนิสต์(Serotonin 5-HT3 receptor antagonist) วางจัดจำหน่ายโดยบริษัท Novartis ในแถบยุโรป ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ และฟิลิปปินส์ ทางคลินิก นำยานี้มาใช้ป้องกันอาการคลื่นไส้อาเจียนในผู้ป่วยมะเร็งที่ต้องการเข้ารับการรักษาด้วยยาเคมีบำบัด
ยาโทรพิซีตรอนมีรูปแบบผลิตภัณฑ์ยาเป็นยารับประทานและยาฉีด กรณียารับประทาน ยาจะถูกดูดซึมจากระบบทางเดินอาหารเข้าร่างกาย และมีความเข้มข้นในเลือดสูงสุดภายในประมาณ 3 ชั่วโมงหลังรับประทาน ตัวยาในเลือดจะเข้าจับกับพลาสมาโปรตีนประมาณ 71% ตับจะคอยเปลี่ยนโครงสร้างทางเคมีของยานี้อย่างต่อเนื่อง ซึ่งร่างกายต้องใช้เวลาประมาณ 6 - 8 ชั่วโมงในการกำจัดยานี้ออกจากร่างกาย โดยผ่านทิ้งไปปัสสาวะและบางส่วนไปกับอุจจาระ
สำหรับข้อห้ามใช้ยาโทรพิซีตรอนในผู้ป่วยบางกลุ่มที่ควรทราบ ดังนี้ เช่น
- เป็นผู้ที่มีประวัติแพ้ยาโทรพิซีตรอน
- อยู่ในภาวะตั้งครรภ์ หรืออยู่ในภาวะให้นมบุตร ด้วยยังไม่มีข้อมูลทางคลินิกอย่าง แน่ชัดว่ายานี้สามารถส่งผลต่อทารกในครรภ์ หรือส่งผ่านจากน้ำนมของมารดาไปถึงทารกได้หรือไม่
นอกจากนี้ หากผู้ป่วยมีโรคประจำตัวก็ควรต้องแจ้งให้ แพทย์ พยาบาล เภสัชกร ทราบก่อนทำการรักษาทุกครั้ง โดยเฉพาะ โรคไต โรคตับ โรคหัวใจ โรคความดันโลหิตสูงที่ยังไม่สามารถควบคุมได้ หรือกรณีที่มีการใช้ยาอื่นๆบางประเภท ก็อาจเกิดปฏิกิริยาระหว่างยาโทรพิซีตรอนกับยาโทรพิซีตรอนได้ อย่างเช่นยา Rifampicin, Phenobarbital, ยารักษาโรคหัวใจบางตัว รวมถึงยาต้านเศร้าประเภท Serotonergic drug
ระหว่างการใช้ยาโทรพิซีตรอนนี้ หากพบ อาการหัวใจเต้นผิดปกติ เป็นลม ผื่นคัน อึดอัด/หายใจไม่ออก/หายใจลำบาก ตัวบวม ย่อมแสดงถึงอาการแพ้ยานี้ จะต้องหยุดใช้ยานี้ทันที และรีบนำผู้ป่วยมาพบแพทย์/มารงพยาบาลทันที/ฉุกเฉิน
การใช้ยาโทรพิซีตรอนได้อย่างเหมาะสมและปลอดภัย ควรต้องเป็นไปตามคำสั่งของแพทย์ผู้รักษาเท่านั้น และผู้ป่วยจะต้องใช้ยานี้อย่างมีวินัย เช่น รับประทานยานี้ตรงเวลา ไม่ปรับขนาดการรับประทานยานี้ด้วยตนเองซึ่งจะส่งผลดีต่อตัวผู้ป่วยเอง
โทรพิซีตรอนมีสรรพคุณ(คุณสมบัติ)อย่างไร?
ยาโทรพิซีตรอนมีสรรพคุณ/ข้อบ่งใช้ เช่น
- รักษาและบรรเทาอาการ คลื่นไส้ อาเจียน ในผู้ป่วยที่ต้องได้รับยาเคมีบำบัด
- รักษาและบรรเทาอาการคลื่นไส้ อาเจียนหลังการผ่าตัด
โทรพิซีตรอนมีกลไกการออกฤทธิ์อย่างไร?
กลไกการออกฤทธิ์ของยาโทรพิซีตรอนคือ ตัวยาจะแสดงฤทธิ์เป็น 5-HT3 receptor antagonist โดยตัวยาจะเข้ารวมตัวกับตัวรับ(Receptor)ชนิด 5-HT3 receptor(5-hydroxytryptamine receptor) ในสมอง ส่งผลให้เกิดการยับยั้งอาการคลื่นไส้ อาเจียน และทำให้อาการของผู้ป่วยดีขึ้นเป็นลำดับ
โทรพิซีตรอนมีรูปแบบการจัดจำหน่ายอย่างไร?
ยาโทรพิซีตรอน มีรูปแบบการจัดจำหน่าย เช่น
- ยาฉีด ขนาด 2 มิลลิกรัม/2 มิลลิลิตร และ 5 มิลลิกรัม/5 มิลลิลิตร
- ยารับประทานชนิดแคปซูล ขนาด 5 มิลลิกรัม/แคปซูล
โทรพิซีตรอนมีขนาดการบริหารยาอย่างไร?
ยาโทรพิซีตรอนมีขนาดการบริหารยา/ใช้ยา เช่น
ก. สำหรับป้องกันอาการคลื่นไส้อาเจียนหลังการผ่าตัด:
- ผู้ใหญ่: ให้ยาขนาด 2 มิลลิกรัมเข้าทางหลอดเลือดดำ ก่อนเข้ารับการผ่าตัด หรือหลังการผ่าตัดแล้วมีอาการคลื่นไส้-อาเจียน สามารถฉีดยาขนาด 2 มิลลิกรัม เข้าหลอดเลือดดำได้เช่นกัน
ข.สำหรับบำบัดอาการคลื่นไส้อาเจียนที่มีสาเหตุจากการได้รับยาเคมีบำบัด:
- ผู้ใหญ่: ให้ยาขนาด 5 มิลลิกรัมเข้าทางหลอดเลือดดำก่อนเข้ารับการทำเคมีบำบัด จากนั้นให้รับประทานยาขนาด 5 มิลลิกรัมก่อนอาหารเช้า 1 ชั่วโมง เป็นเวลา 5 วัน บางครั้งแพทย์อาจต้องให้ยา Dexamethasone ร่วมด้วย ทั้งนี้ต้องเป็นไปตามคำสั่งของแพทย์ผู้รักษาแต่เพียงผู้เดียว
อนึ่ง:
- สำหรับยาฉีด ให้เตรียมยาโดยผสมตัวยากับสารน้ำ Sodium chloride 0.9% หรือสารน้ำ Glucose 5% หรือ Ringer's solution ตามคำแนะนำในเอกสารกำกับยา
- สำหรับยารับประทาน: ควรรับประทานยานี้ตรงเวลาในแต่ละวัน
- เด็ก: การใช้ยานี้กับเด็ก ควรต้องเป็นไปตามดุลยพินิจของแพทย์ผู้รักษาเท่านั้น
*****หมายเหตุ: ขนาดยาและระยะเวลาในการใช้ยาที่ระบุในบทความนี้เป็นเพียงตัวอย่างหนึ่งเท่านั้น ไม่สามารถใช้ทดแทนคำสั่งใช้ยาของแพทย์ได้ การใช้ยาที่เหมาะสมควรต้องปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรก่อนเสมอ
เมื่อมีการสั่งยาควรแจ้งแพทย์/พยาบาลและเภสัชกรอย่างไร?
เมื่อมีการสั่งยาทุกชนิดรวมยาโทรพิซีตรอน ผู้ป่วยควรแจ้งแพทย์/พยาบาล และเภสัชกร ดังนี้
- ประวัติแพ้ยาทุกชนิด เช่น กินยา/ใช้ยาแล้ว คลื่นไส้มาก ขึ้นผื่น หรือ แน่นหายใจติดขัด/หายใจลำบาก
- มีโรคประจำตัวต่างๆ รวมทั้งกำลังกินยา/ใช้ยาอะไรอยู่ เพราะยาโทรพิซีตรอน อาจส่งผลให้อาการของโรคเหล่านั้นรุนแรงขึ้น หรืออาจเกิดปฏิกิริยาระหว่างยากับยาอื่นๆที่กิน/ที่ใช้อยู่ก่อน
- หากเป็นสุภาพสตรีควรแจ้งว่าอยู่ในภาวะตั้งครรภ์ หรือ กำลังให้นมบุตร เพราะยาหลายประเภทสามารถผ่านทางน้ำนม หรือรก และเข้าสู่ทารกจนก่อให้เกิดผลข้างเคียงได้
หากลืมรับประทานยาควรทำอย่างไร?
หากลืมรับประทานยาโทรพิซีตรอน สามารถรับประทานเมื่อนึกขึ้นได้ ถ้าเวลาใกล้เคียงกับการรับประทานยาในมื้อถัดไป ไม่จำเป็นต้องเพิ่มขนาดรับประทานเป็น 2เท่า
อย่างไรก็ดี เพื่อประสิทธิผลของการรักษา ควรรับประทานยาโทรพิซีตรอน ตรงเวลา
โทรพิซีตรอนมีผลไม่พึงประสงค์อย่างไร?
การใช้ยาโทรพิซีตรอนอาจก่อให้เกิดผลไม่พึงประสงค์(ผลข้างเคียง/อาการข้างเคียง)ต่อระบบอวัยวะต่างๆของร่างกายดังนี้ เช่น
- ผลต่อระบบประสาท: เช่น ปวดศีรษะ วิงเวียน อ่อนแรง หน้าแดง
- ผลต่อระบบทางเดินอาหาร: เช่น ปวดท้อง ท้องเสียหรือท้องผูก เบื่ออาหาร
- ผลต่อสภาพจิตใจ: เช่น เห็นภาพหลอน
*กรณีได้รับยานี้เกินขนาด อาจสังเกตได้จากอาการ เห็นภาพหลอน มีความดันโลหิตสูง เกิดอาการชัก หากพบอาการเหล่านี้ ต้องรีบนำผู้ป่วยส่งโรงพยาบาลทันที/ฉุกเฉิน
มีข้อควรระวังการใช้โทรพิซีตรอนอย่างไร?
มีข้อควรระวังการใช้ยาโทรพิซีตรอน เช่น
- ห้ามใช้กับผู้ที่แพ้ยานี้
- ห้ามใช้ยานี้กับสตรีตั้งครรภ์ และสตรีที่อยู่ในภาวะให้นมบุตร
- ห้ามปรับขนาดรับประทานด้วยตนเอง และควรรับประทานยานี้ตรงเวลา
- หากพบอาการแพ้ยานี้ เช่น หายใจไม่ออก/หายใจลำบาก แน่นหน้าอก มีผื่นคัน เกิดอาการตัวบวม ต้องหยุดใช้ยานี้ทันที และรีบพาผู้ป่วยมาพบแพทย์/มาโรงพยาบาลโดยเร็ว ทันที/ฉุกเฉิน
- ปฏิบัติตามคำแนะนำของ แพทย์ พยาบาล เภสัชกร และมาพบแพทย์/มาโรงพยาบาลตามนัดทุกครั้ง
- ห้ามแบ่งยาให้ผู้อื่นใช้
- ห้ามใช้ยาหมดอายุ
- ห้ามเก็บยาหมดอายุ
***** อนึ่ง ทุกคนต้องตระหนักถึงความปลอดภัยจากการใช้ ”ยา”ที่รวมถึงยาแผนปัจจุบันทุกชนิด (รวมยาโทรพิซีตรอนด้วย) ยาแผนโบราณทุกชนิดและสมุนไพรต่างๆเสมอ เพราะยามีทั้งให้คุณและให้โทษ ดังนั้นเมื่อมีการใช้ยาทุกครั้ง ควรต้องปฏิบัติ ตามข้อปฏิบัติพื้นฐานในการใช้ยาทุกชนิดเสมอ(อ่านเพิ่มเติมได้ในเว็บ haamor.com บทความเรื่อง ข้อปฏิบัติพื้นฐานในการใช้ยาทุกชนิด) รวมทั้งควรต้องปรึกษาเภสัชกรประจำร้านขายยาก่อนซื้อยาใช้เองเสมอ
โทรพิซีตรอนมีปฏิกิริยาระหว่างยากับยาตัวอื่นอย่างไร?
ยาโทรพิซีตรอนมีปฏิกิริยาระหว่างยากับยาตัวอื่น เช่น
- การใช้ยาโทรพิซีตรอนร่วมกับยารักษาอาการหัวใจเต้นผิดจังหวะ, กลุ่มยาเบต้า บล็อกเกอร์(Beta blocker) อาจเกิดความเสี่ยงที่จะทำให้หัวใจของผู้ป่วยเต้นผิดจังหวะ หากไม่มีความจำเป็นใดๆ ควรหลีกเลี่ยงการใช้ยาร่วมกัน
- การใช้ยาโทรพิซีตรอนร่วมกับยา Tramadol และ Paracetamol อาจทำให้ฤทธิ์ลดอาการเจ็บปวดของ Tramadol และของ Paracetamol ด้อยลงไป หากจำเป็นต้องใช้ยาร่วมกัน แพทย์จะปรับขนาดการใช้ยาให้เหมาะสมเป็นกรณีไป
ควรเก็บรักษาโทรพิซีตรอนอย่างไร?
ควรเก็บยาโทรพิซีตรอน ชนิดรับประทานภายใต้อุณหภูมิ 30 องศาเซลเซียส(Celsius) สำหรับยาฉีดที่มีการเจือจางเป็นสารละลายแล้ว ควรเก็บภายใต้อุณหภูมิ 2 – 8 องศาเซลเซียส และเก็บได้ไม่เกิน 24 ชั่วโมง
ยานี้ทุกรูปแบบ ห้ามเก็บในช่องแช่แข็งตู้เย็น ไม่เก็บยาชนิดรับประทานในห้องน้ำหรือในรถยนต์ เก็บยาในภาชนะที่ปิดมิดชิด พ้นแสงแดด ความร้อนและความชื้น และ เก็บยาให้พ้นมือเด็กและสัตว์เลี้ยง
โทรพิซีตรอนมีชื่ออื่นอีกไหม? ผลิตจากบริษัทอะไรบ้าง?
ยาโทรพิซีตรอน ที่จำหน่ายในประเทศไทย มียาชื่อการค้า และบริษัทผู้ผลิต/ผู้จำหน่าย เช่น
ชื่อการค้า | บริษัทผู้ผลิต |
---|---|
Navoban (นาโวเบน) | Novartis |
อนึ่ง ยาชื่อการค้าของยานี้ในต่างประเทศ เช่น Setrovel, Tropindol
บรรณานุกรม
- https://en.wikipedia.org/wiki/Tropisetron [2016,Sept3]
- http://www.mims.com/thailand/drug/info/tropisetron/?type=brief&mtype=generic [2016,Sept3]
- http://www.news-medical.net/drugs/Navoban.aspx [2016,Sept3]
- http://www.mims.com/thailand/drug/info/navoban/ [2016,Sept3]