แอนตี้มัสคารินิก (Antimuscarinic drugs)
- โดย เภสัชกร อภัย ราษฎรวิจิตร
- 24 สิงหาคม 2560
- Tweet
- บทนำ
- ยากลุ่มแอนตี้มัสคารินิกมีสรรพคุณ (คุณสมบัติ) อย่างไร?
- ยากลุ่มแอนตี้มัสคารินิกมีกลไกการออกฤทธิ์อย่างไร?
- ยากลุ่มแอนตี้มัสคารินิกมีรูปแบบการจัดจำหน่ายอย่างไร?
- ยากลุ่มแอนตี้มัสคารินิกมีขนาดรับประทานอย่างไร?
- เมื่อมีการสั่งยาควรแจ้งแพทย์/พยาบาลและเภสัชกรอย่างไร?
- หากลืมรับประทานยาควรทำอย่างไร?
- ยากลุ่มแอนตี้มัสคารินิกมีผลไม่พึงประสงค์อย่างไร?
- มีข้อควรระวังการใช้ยากลุ่มแอนตี้มัสคารินิกอย่างไร?
- ยากลุ่มแอนตี้มัสคารินิกมีปฏิกิริยาระหว่างยากับยาตัวอื่นอย่างไร?
- ควรเก็บรักษายากลุ่มแอนตี้มัสคารินิกอย่างไร?
- ยากลุ่มแอนตี้มัสคารินิกมีชื่ออื่นอีกไหม? ผลิตจากบริษัทอะไรบ้าง?
- บรรณานุกรม
- ยารักษาโรค (Pharmaceutical drug)
- ข้อปฏิบัติพื้นฐานในการใช้ยาทุกชนิด
- โรคทางเดินอาหาร โรคระบบทางเดินอาหาร (Digestive disease)
- กระเพาะอาหารอักเสบ (Gastritis)
- ลำไส้อักเสบ (Enterocolitis)
- ท้องเสีย (Diarrhea)
- โรคทางเดินหายใจ โรคระบบหายใจ โรคระบบทางเดินหายใจ (Respiratory tract disorder)
- ท่อปัสสาวะอักเสบ (Urethritis)
บทนำ
กลุ่มยาแอนตี้มัสคารินิก (Antimuscarinic drugs) อาจเรียกเป็นชื่ออื่นอีกเช่น Anticholinergic agent หรือ Muscarinic blockers หรือ Atropine like drugs หรือ Muscarinic antagonists หรือ Muscarinic receptor blocker, Anticholenergics ก็ได้ จัดเป็นกลุ่มยาที่ทำตัวเหมือนสารสื่อประสาทที่อยู่ในร่างกายของคนเรา จะออกฤทธิ์ได้ก็ต่อเมื่อเข้าไปจับกับส่วนของเซลล์ประสาทที่อยู่ในสมองและตามอวัยวะต่างๆของร่างกาย ทำให้ระบบการทำงานของอวัยวะเหล่านั้นเปลี่ยนไป นักวิทยาศาสตร์ได้พยายามสืบค้นทดลองจนทราบกลไกของสารสื่อประสาทและนำมาประยุกต์ในการรักษาโรคของผู้ป่วย โดยจัดเป็นยาในกลุ่มยาแผนปัจจุบัน
ทางการแพทย์ได้นำยาในกลุ่มแอนตี้มัสคารินิกมาใช้บำบัดรักษาอาการโรคหลายประเภทอาทิ โรคพาร์กินสัน โรคทางเดินอาหารเช่น กระเพาะอาหารอักเสบ ท้องเสีย ลำไส้อักเสบ คลื่นไส้อาเจียน ไม่เพียงเท่านี้ ด้วยกลไกสารออกฤทธิ์ที่ครอบคลุมหลายอวัยวะ จึงเกิดคุณประโยชน์ทางคลินิกอื่นๆ อีกเช่น นำไปใช้รักษาพยาธิสภาพของอวัยวะในระบบสืบพันธุ์เช่น ท่อปัสสาวะอักเสบ ต่อมลูกหมากอักเสบ รักษาอาการโรคระบบทางเดินหายใจเช่น โรคหืด รักษาภาวะหัวใจเต้นช้าผิดปกติ (Sinus bradycardia) บรรเทาอาการนอนไม่หลับ รวมถึงช่วยบรรเทาอาการวิงเวียน และอาการเมารถเมาเรือ เป็นต้น
รูปแบบการบริหารยา/การใช้ยาแอนตี้มัสคารินิกกับผู้ป่วย มีทั้งเป็นยารับประทาน ยาฉีด ยาเหน็บทวาร ยาทาเฉพาะที่ ตัวอย่างของยาในกลุ่มแอนตี้มัสคารินิกที่พบเห็นมีการใช้ได้บ่อยและกว้างขวางดังนี้คือ Atropine, Hydroxyzine, Benztropine, Biperiden, Chlorpheniramine, Dimen hydrinate, Doxylamine, Diphenhydramine, Glycopyrrolate, Ipratropium, Orphenadrine, Oxitropium, Oxybutynin, Tolterodine, Tiotropium, Trihexyphenidyl, Scopolamine, Solife nacin, และ Tropicamide
ยากลุ่มแอนตี้มัสคารินิกมีสรรพคุณ (คุณสมบัติ) อย่างไร?
ยากลุ่มแอนตี้มัสคารินิกมีสรรพคุณดังนี้
- รักษาและบรรเทาอาการได้รับพิษจากยาฆ่าแมลงเช่น Atropine
- รักษาอาการหัวใจเต้นช้าผิดปกติเช่น Atropine
- ช่วยสงบประสาทก่อนหรือหลังผ่าตัดเช่น Hydroxyzine
- รักษาอาการโรคพาร์กินสันเช่น Benztropine, Biperiden
- รักษาอาการลำไส้แปรปรวนเช่น Dicyclomine
- ช่วยให้นอนหลับเช่น Doxylamine
- ใช้เตรียมตัวผู้ป่วยก่อนวางยาสลบเช่น Glycopyrrolate
- รักษาโรคปอดอุดกั้นเรื้อรังเช่น Ipratropium
- รักษาอาการปัสสาวะรดที่นอนเช่น Oxybutynin
- บรรเทาอาการคลื่นไส้อาเจียนหลังการผ่าตัดเช่น Scopolamine
- ใช้ขยายรูม่านตาเช่น Atropine
ยากลุ่มแอนตี้มัสคารินิกมีกลไกการออกฤทธิ์อย่างไร?
กลไกการออกฤทธิ์ของยากลุ่มแอนตี้มัสคารินิกคือ ตัวยาจะกดการทำงานที่ประสาทส่วนกลางหรือสมอง พร้อมกับปิดกั้นสารสื่อประสาทไม่ให้ไปสู่ปมประสาท รวมถึงการเข้าจับกับส่วนในเซลล์ประสาทของตัวยาแต่ละตัว จึงแสดงฤทธิ์ของการรักษาออกมาในที่สุด
ยากลุ่มแอนตี้มัสคารินิกมีรูปแบบการจัดจำหน่ายอย่างไร?
ยากลุ่มแอนตี้มัสคารินิกมีรูปแบบการจัดจำหน่ายดังนี้
- ยาเดี่ยวชนิดเม็ด
- ยาเม็ดโดยผสมร่วมกับกลุ่มยาอื่นๆ
- ยาน้ำเชื่อม
- ยาพ่นชนิดสารละลาย
- ยาฉีด
ยากลุ่มแอนตี้มัสคารินิกมีขนาดรับประทานอย่างไร?
เนื่องจากยาในกลุ่มแอนตี้มัสคารินิกมีหลากหลายตำรับยาและใช้รักษาโรคได้หลากหลายโรคของหลากหลายอวัยวะ จึงมีขนาดการใช้ยาแตกต่างกันไปตามแต่ตัวยา อาการ และอวัยวะ แต่ในภาพรวมคือต้องใช้ยาตามคำสั่งแพทย์อย่างเคร่งครัด ห้ามมิให้ผู้ป่วยปรับขนาดรับประทานเอง เพราะยาในกลุ่มนี้อาจก่อผลข้างเคียงจนเกิดอันตรายได้
เมื่อมีการสั่งยาควรแจ้งแพทย์/พยาบาลและเภสัชกรอย่างไร?
เมื่อมีการสั่งยาทุกชนิดที่รวมถึงยาแอนตี้มัสคารินิก ผู้ป่วยควรแจ้งแพทย์/พยาบาลและเภสัช กรดังนี้
- ประวัติแพ้ยาทุกชนิดเช่น กินยาแล้ว คลื่นไส้มาก ขึ้นผื่น หรือแน่นหายใจติดขัด/หายใจลำบาก
- มีโรคประจำตัวต่างๆรวมทั้งกำลังกินยาอะไรอยู่ เพราะยาแอนตี้มัสคารินิกอาจส่งผลให้อาการของโรคเหล่านั้นรุนแรงขึ้น หรือเกิดปฏิกิริยาระหว่างยากับยาอื่นๆที่กินอยู่ก่อน
- หากเป็นสุภาพสตรีควรแจ้งว่าอยู่ในภาวะตั้งครรภ์หรือกำลังให้นมบุตร เพราะยาหลายประ เภทสามารถผ่านทางน้ำนมหรือรกและเข้าสู่ทารก จนก่อให้เกิดผลข้างเคียงได้
หากลืมรับประทานยาควรทำอย่างไร?
หากลืมรับประทานยาแอนตี้มัสคารินิกสามารถรับประทานเมื่อนึกขึ้นได้ ถ้าเวลาใกล้เคียงกับการรับประทานยาในมื้อถัดไป ไม่จำเป็นต้องเพิ่มปริมาณยาเป็น 2 เท่า
ยากลุ่มแอนตี้มัสคารินิกมีผลไม่พึงประสงค์อย่างไร?
ยากลุ่มแอนตี้มัสคารินิกสามารถก่อให้เกิดผลไม่พึงประสงค์ (ผลข้างเคียง/อาการข้างเคียง) ดังนี้เช่น สูญเสียการทรงตัว ปากคอแห้ง ฟันผุ ตัวร้อนหรืออุณหภูมิร่างกายสูงขึ้น (มีไข้) ผื่นคัน ท้องผูก ม่านตาขยาย แพ้แสงแดด การมองเห็นภาพไม่ชัดเจน หัวใจเต้นเร็ว ปัสสาวะขัด สับสน เหงื่อออกน้อย แรงดันในลูกตาเพิ่ม การหายใจติดขัด ชีพจรเต้นผิดจังหวะ หลงลืม มีภาวะประสาทหลอน
ผลข้างเคียงที่อันตรายและสามารถเกิดขึ้นได้เช่น มีอาการลมชัก ตลอดจนมีภาวะโคม่า และเสียชีวิตในที่สุด ซึ่งผู้ป่วยที่ได้รับผลข้างเคียงรุนแรงดังกล่าว การช่วยเหลือและบำบัดอาการดังกล่าว คือการรักษาด้วยยาที่มีฤทธิ์ต่อต้านยากลุ่มแอนตี้มัสคารินิกได้แก่ ยา Physostigmine เป็นต้น
มีข้อควรระวังการใช้ยากลุ่มแอนตี้มัสคารินิกอย่างไร?
มีข้อควรระวังการใช้ยากลุ่มแอนตี้มัสคารินิกดังนี้
- ห้ามใช้กับผู้ที่แพ้ยากลุ่มนี้
- ห้ามใช้ยานี้กับผู้ป่วยโรคต้อหิน (Narrow angle glaucoma), ผู้ป่วยโรคแผลในกระเพาะอาหาร, ผู้ป่วยที่มีอาการปัสสาวะขัด หรือมีท่อในระบบทางเดินปัสสาวะตีบ (เช่น ท่อปัสสาวะตีบ), ผู้ป่วยด้วยโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง
- ระวังการใช้ยานี้ในผู้สูงอายุ
- ระวังการใช้ยานี้กับผู้ที่มีภาวะไทรอยด์ฮอร์โมนต่ำ (ภาวะขาดไทรอยด์ฮอร์โมน) ผู้ที่มีภาวะโรคหลอดเลือดหัวใจ ผู้ป่วยหัวใจล้มเหลว ผู้ป่วยความดันโลหิตสูง ผู้ป่วยภาวะต่อมลูกหมากโต ผู้ที่มีหัวใจเต้นผิดจังหวะ และผู้ที่มีภาวะหัวใจเต้นเร็วผิดปกติ
- การใช้ยานี้ในหญิงตั้งครรภ์หรือหญิงที่อยู่ในภาวะให้นมบุตรหรือในเด็ก จะต้องเป็นไปตามคำสั่งแพทย์เท่านั้น ห้ามมิให้ผู้ป่วยกลุ่มนี้ใช้ยาด้วยตนเองโดยเด็ดขาด
- ห้ามแบ่งยาให้ผู้อื่นใช้
- ห้ามใช้ยาหมดอายุ
***** อนึ่ง ทุกคนต้องตระหนักถึงความปลอดภัยจากการใช้ ”ยา” ที่รวมถึงยาแผนปัจจุบันทุกชนิด (รวมยากลุ่มแอนตี้มัสคารินิกด้วย) ยาแผนโบราณทุกชนิด และสมุนไพรต่างๆเสมอ เพราะยามีทั้งให้คุณและให้โทษ ดังนั้นเมื่อมีการใช้ยาทุกครั้งควรต้องปฏิบัติตามข้อปฏิบัติพื้นฐานในการใช้ยาทุกชนิดเสมอ (อ่านเพิ่มเติมได้ในเว็บ haamor.com บทความเรื่อง ข้อปฏิบัติพื้นฐานในการใช้ยาทุกชนิด) รวมทั้งควรต้องปรึกษาเภสัชกรประจำร้านขายยาก่อนซื้อยาใช้เองเสมอด้วยเช่นกัน
ยากลุ่มแอนตี้มัสคารินิกมีปฏิกิริยาระหว่างยากับยาตัวอื่นอย่างไร?
ยากลุ่มแอนตี้มัสคารินิกมีปฏิกิริยาระหว่างยากับยาตัวอื่น ดังนี้
- การใช้ยากลุ่มแอนตี้มัสคารินิกร่วมกับยากลุ่มอื่นๆเช่น TCAs, MAOIs, และ Antihistamine สามารถทำให้ผลข้างเคียงของแอนตี้มัสคารินิกมีมากขึ้นกว่าเดิม จนอาจเกิดอันตรายต่อผู้ป่วย หากไม่มีความจำเป็นใดๆควรเลี่ยงการใช้ยากลุ่มดังกล่าวร่วมกัน
- การใช้ยากลุ่มแอนตี้มัสคารินิกร่วมกับยาอมใต้ลิ้นเช่น Nitroglycerin อาจทำให้การดูดซึมของยาอมใต้ลิ้นด้อยประสิทธิภาพลง ด้วยแอนตี้มัสคารินิกจะทำให้ปากแห้งจึงไปปิดกั้นการดูดซึมของยาอมใต้ลิ้น จึงควรหลีกเลี่ยงการใช้ยาทั้งสองกลุ่มร่วมกัน
- การใช้ยากลุ่มแอนตี้มัสคารินิกร่วมกับเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ จะส่งผลให้ผู้ป่วยมีอาการง่วงนอน อ่อนเพลีย คล้ายอาการสงบประสาท จึงไม่ควรใช้ยาร่วมกับเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์
ควรเก็บรักษายากลุ่มแอนตี้มัสคารินิกอย่างไร?
สามารถเก็บยาแอนตี้มัสคารินิกที่อุณหภูมิระหว่าง 15 - 30 องศาเซลเซียส (Celsius) เก็บยาในภาชนะที่ปิดมิดชิด พ้นแสงแดด ความร้อน และความชื้น เก็บยาให้พ้นมือเด็กและสัตว์เลี้ยง ไม่ควรเก็บยาในห้องน้ำ และห้ามเก็บยาในช่องแช่แข็งของตู้เย็น
ยากลุ่มแอนตี้มัสคารินิกมีชื่ออื่นอีกไหม? ผลิตจากบริษัทอะไรบ้าง?
ยาแอนตี้มัสคารินิกที่จำหน่ายในประเทศไทย มียาชื่อการค้าอื่นและบริษัทผู้ผลิต เช่น
ชื่อการค้า | บริษัทผู้ผลิต |
---|---|
A.N.H. Mat (เอ.เอ็น.เฮท. แมท) | A N H Products |
Alumag (อะลูแม็ก) | T.C. Pharma-Chem |
Alupep (อะลูเปป) | Sriprasit Pharma |
Atropine Sulfate A.N.H. (อะโทรปีน ซัลเฟต เอ.เอ็น.เฮท.) | A N H Products |
Atropine Sulfate GPO (อะโทรปีน ซัลเฟต จีพีโอ) | GPO |
Atropine Sulphate ANB (อะโทรปีน ซัลเฟต เอเอ็นบี) | ANB |
Atropine Sulphate Atlantic (อะโทรปีน ซัลเฟต แอตแลนติก) | Atlantic Lab |
Hadarax (ฮาดาแร็กซ์) | Greater Pharma |
Histan (ฮีสทาน) | Siam Bheasach |
Hizin (ฮิซิน) | Ranbaxy |
Hydroxyzine GPO (ไฮดร็อกซีซีน จีพีโอ) | GPO |
Taraxin (ทาราซิน) | T. O. Chemicals |
Cogentin (โคเจนติน) | MSD |
Berclomine (เบอร์โคลมีน) | Polipharm |
Kremil (เครมิล) | Great Eastern |
Mainnox (เมนน็อกซ์) | Charoen Bhaesaj Lab |
Hoggar N (ฮ็อกการ์ เอ็น) | Stada |
Sominar (โซมินาร์) | Charoen Bhaesaj Lab |
Glyco-P (กลายโค-พี) | Klab |
Combivent UDV (คอมบิเวนท์ ยูดีวี) | Boehringer Ingelheim |
Inhalex Forte (อินแฮเล็กซ์ ฟอร์ท) | Silom Medical |
Iperol/Iperol Forte (ไอเพอรอล/ไอเพอรอล ฟอร์ท) | L. B. S. |
Iprateral (อิพราเทอรอล) | Pharma Innova |
Punol (พูนอล) | Biolab |
Diutropan (ไดยูโทรแพน) | NuPharma & HealthCare |
Lyrinel (ไลริเนล) | Janssen-Cilag |
Cencopan (เซ็นโคแพน) | Pharmasant Lab |
Hybutyl (ไฮบูติล) | Pharmaland |
Hyoscin BM (ไฮออสซิน บีเอ็ม) | Patar Lab |
Hyoscine-N-butylbromide GPO (ไฮออสซิน-เอ็น-บูติลโบรมายด์ จีพีโอ) | GPO |
Hyosman (ไฮออสแมน) | T. Man Pharma |
Hyosmed (ไฮออสเมด) | Medifive |
Hyospan (ไฮออสแพน) | Polipharm |
Hyostan (ไฮออสแทน) | Pharmaland |
บรรณานุกรม
- http://en.wikipedia.org/wiki/Muscarinic_antagonist[2017,Aug5]
- http://en.wikipedia.org/wiki/Anticholinergic[2017,Aug5]
- http://quizlet.com/7091463/antimuscarinic-drugs-muscarinic-agonists-atropine-and-atropine-like-agents-lecture-6-flash-cards/[2017,Aug5]
- http://en.wikipedia.org/wiki/Scopolamine#Medical_use[2017,Aug5]
- http://www.mims.com/USA/drug/info/Oxybutynin%20Chloride%20Tablet/?type=full[2017,Aug5]
- http://www.mims.com/USA/drug/info/ipratropium%20bromide/[2017,Aug5]
- http://www.mims.com/USA/drug/info/Benztropine%20Mesylate/Benztropine%20Mesylate%20Tablet?type=full[2017,Aug5]
- http://www.mims.com/USA/drug/info/hydroxyzine/?type=full&mtype=generic[2017,Aug5]
- https://www.mims.com/usa/drug/info/atropine/[2017,Aug5]
- http://www.out-of-hospital.com/e_medic/topic%20resources/pharmacology/muscarinic%20blockers.pdf[2017,Aug5]
- http://www.mims.com/Thailand/drug/info/Glyco-P/?type=brief[2017,Aug5]
Updated 2017,August 5