แมกนีเซียมซัลเฟต (Magnesium sulfate)

สารบัญ บทความที่เกี่ยวข้อง

บทนำ

ยาแมกนีเซียมซัลเฟต (Magnesium sulfate หรือ Magnesium sulphate) เป็นเกลืออนินทรีย์ หรือเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า เกลือยิปซั่ม (Epsom salt) มีคุณสมบัติละลายน้ำได้ดี หากอยู่ในลักษณะผงแห้งก็จะดูดความชื้นจากอากาศได้

แมกนีเซียม (Magnesium) มีส่วนสำคัญต่อการทำงานและการเกิดปฏิกิริยาของเอนไซม์ต่างๆในร่างกาย อีกทั้งเป็นปัจจัยในการส่งกระแสไฟฟ้าของเซลล์ประสาท และช่วยในการหดตัวของกล้ามเนื้อลาย แหล่งสะสมเกลือแมกนีเซียมของร่างกายจะอยู่ภายในเซลล์ต่างๆและในกระดูก

การขาดแมกนีเซียมจะทำให้เกิดอาการต่อระบบอวัยวะต่างๆของร่างกายได้ดังนี้เช่น

  • ระบบประสาท: จะมีอาการวิตกกังวล ความจำไม่ดี เบื่ออาหาร คลื่นไส้ อาเจียน และมีภาวะลมชัก
  • ระบบกล้ามเนื้อ: เกิดภาวะหดเกร็งของกล้ามเนื้อ กล้ามเนื้ออ่อนแรง เป็นตะคริว ตัวสั่น การทรง ตัวผิดปกติ การบังคับสายตาผิดปกติ การกลืนลำบาก
  • กระบวนการเผาผลาญพลังงานของร่างกาย: ทำให้ร่างกายมีเกลือแคลเซียมในเลือดต่ำ มีโพแทสเซียมในเลือดต่ำ เกิดภาวะน้ำตาลในเลือดสูง
  • ระบบหัวใจ: เกิดหัวใจเต้นผิดจังหวะ หลอดเลือดแดงที่ไปเลี้ยงหัวใจมีอาการหดเกร็งตัวทำให้เลือดไปเลี้ยงหัวใจลดลง
  • ในเด็ก: จะทำให้มีการเจริญเติบโตช้า

นอกจากนี้การที่ร่างกายมีแมกนีเซียมต่ำยังพบอาการต่างๆติดตามมาได้อีกมากมายเช่น มีภาวะซึมเศร้า สมาธิสั้น เกิดอาการของโรคพาร์กินสัน ปวดศีรษะไมเกรน มีภาวะกระดูกพรุน แน่นหน้าอก ในสตรีจะมีกลุ่มอาการก่อนมีประจำเดือน (PMS) มีความดันโลหิตสูง เกิดอาการของโรค เบาหวานชนิดที่ 2 และมีอาการหอบหืด

อนึ่งแหล่งอาหารที่มีเกลือแมกนีเซียมมากเป็นอันดับต้นๆคือ ผักและผลไม้นั่นเอง

ทั้งนี้รูปแบบของยาแมกนีเซียมซัลเฟตที่เป็นยาแผนปัจจุบันมีทั้งชนิดที่เป็นยาฉีดถูกผลิตเพื่อใช้รักษาอาการชักและอาการหัวใจเต้นผิดจังหวะ ส่วนชนิดที่เป็นยาน้ำสำหรับรับประทานมักถูกนำมาใช้เป็นยาระบาย/ยาแก้ท้องผูก และชนิดยาแคปซูลมักจะอยู่ในรูปแบบวิตามินรวม

ยาแมกนีเซียมซัลเฟตมีข้อจำกัดในการใช้บางประการที่ผู้บริโภคควรทราบดังนี้เช่น

  • แพทย์จะไม่ใช้ยานี้กับผู้ป่วยที่มีภาวะหัวใจหยุดเต้น
  • การให้ยาแมกนีเซียมซัลเฟตกับสตรีตั้งครรภ์เป็นเวลาติดต่อกันนานกว่า 5 - 7 วันจะส่งผลให้มีภาวะเกลือแคลเซียมในร่างกายต่ำลงและส่งผลต่อการเจริญเติบโตของทารก
  • ห้ามใช้ยานี้กับสตรีที่มีแนวโน้มจะคลอดบุตรในอีก 2 ชั่วโมง
  • การใช้ยานี้โดยให้ทางหลอดเลือดดำจะต้องได้รับการยืนยันจากห้องแล็บ/ห้องปฏิบัติการว่าผู้ป่วยมีภาวะแมกนีเซียมในร่างกายต่ำจริง โดยระดับแมกนีเซียมในเลือดที่เป็นค่าปกติอยู่ที่ 1.5 - 2.5 mEq/L (Milliequivalent/litre)
  • ห้ามใช้กับผู้ที่ไตทำงานผิดปกติในระดับรุนแรง

ยาแมกนีเซียมซัลเฟตเป็นยาที่ก่อให้เกิดอาการข้างเคียง (ผลข้างเคียง) ได้เช่นเดียวกับยาอื่น หากมีอาการแพ้ยานี้จะเกิดอาการที่รุนแรงได้เช่นเดียวกันเช่น มีผื่นคัน แน่นหน้าอก หายใจไม่ออก/หายใจลำบาก ตัวบวม เป็นต้น

องค์การอนามัยโลกได้บรรจุให้ยาแมกนีเซียมซัลเฟตเป็นยาจำเป็นขั้นพื้นฐานที่สถานพยาบาลควรมีสำรองไว้ให้บริการกับผู้ป่วย คณะกรรมการอาหารและยาของไทยได้บรรจุให้ยาแมกนีเซียมซัลเฟตอยู่ในบัญชียาหลักแห่งชาติและจัดเป็นยาอันตราย ซึ่งสำหรับรูปแบบยาฉีดจะพบเห็นการใช้แต่ในสถานพยาบาลเท่านั้น ส่วนผลิตภัณฑ์ในรูปแบบของยารับประทานจะมีการใช้ทั้งในสถานพยาบาลและพบเห็นการจำหน่ายตามร้านขายยาโดยทั่วไป

แมกนีเซียมซัลเฟตมีสรรพคุณ (คุณสมบัติ) อย่างไร?

แมกนีเซียมซัลเฟต

ยาแมกนีเซียมซัลเฟตมีสรรพคุณ/ข้อบ่งใช้เช่น

  • บำบัดรักษาภาวะเกลือแมกนีเซียมในเลือดต่ำ (Hypomagnesemia)
  • บำบัดอาการหัวใจเต้นผิดจังหวะ (Ventricular arrhythmia)
  • ป้องกันภาวะลมชักอันมีสาเหตุจากร่างกายขาดเกลือแมกนีเซียม (Seizure prophylaxis)
  • ใช้เป็นยาระบาย/ยาแก้ท้องผูกโดยอยู่ในรูปของยาน้ำชนิดรับประทาน

แมกนีเซียมซัลเฟตมีกลไกการออกฤทธิ์อย่างไร?

ยาแมกนีเซียมซัลเฟตมีกลไกการออกฤทธิ์ดังนี้

  • ก. สำหรับยาฉีด: ยาแมกนีเซียมซัลเฟตจะช่วยลดระดับของสารสื่อประสาทในบริเวณ เส้นประสาทส่วนปลายที่มีชื่อว่า Acetylcholine และยังออกฤทธิ์ที่กล้ามเนื้อหัวใจโดยลดอัตราการนำไฟฟ้าหัวใจ (Rate of SA node impulse formation) พร้อมกับเพิ่มระยะเวลาของการนำไฟฟ้าหัวใจ
  • ข. สำหรับยารับประทาน: ยาแมกนีเซียมซัลเฟตจะทำให้เกิดการดูดน้ำเข้าในลำไส้โดยใช้แรงดันที่เรียกว่า ออสโมซิส (Osmotic retention of fluides) ช่วยกระตุ้นให้ลำไส้บีบตัวและเกิดการระบาย

จากกลไกดังกล่าวข้างต้นเป็นผลให้แมกนีเซียมซัลเฟตมีฤทธิ์รักษาตามสรรพคุณ

แมกนีเซียมซัลเฟตมีรูปแบบการจัดจำหน่ายอย่างไร?

ยาแมกนีเซียมซัลเฟตมีรูปแบบการจัดจำหน่ายเช่น

  • ยาฉีดที่มีความเข้มข้น 10% ขนาดบรรจุ 10 มิลลิลิตร
  • ยาฉีดที่มีความเข้มข้น 50% ขนาดบรรจุ 2 มิลลิลิตร
  • ยาน้ำชนิดรับประทานเพื่อเป็นยาระบาย/ยาแก้ท้องผูก ขนาด 5.625 กรัม/30 มิลลิลิตร
  • เป็นส่วนประกอบของยาวิตามินรวมสำหรับรับประทานในรูปแบบยาแคปซูล

แมกนีเซียมซัลเฟตมีขนาดการบริหารยาอย่างไร?

ขอยกตัวอย่างการใช้ยาแมกนีเซียมซัลเฟตเฉพาะใน 2 กรณีดังนี้

ก. สำหรับภาวะเกลือแมกนีเซียมในเลือดต่ำ:

  • ผู้ใหญ่: ฉีดยาเข้ากล้ามเนื้อขนาด 1 กรัมทุก 6 ชั่วโมง 4 ครั้ง และหยุดการให้ยาทันทีเมื่อผู้ป่วยมีอาการกลับมาเป็นปกติและระดับแมกนีเซียมในเลือดต้องกลับมาอยู่เกณฑ์ปกติ

ข. สำหรับบำบัดอาการหัวใจเต้นผิดจังหวะ:

  • ผู้ใหญ่: ฉีดยาเข้าหลอดเลือดดำขนาด 1 - 3 กรัมใช้เวลาขณะฉีด 2 - 15 นาที จากการ ศึกษาพบว่าแพทย์อาจต้องให้ยาซ้ำอีกโดยหยดยาเข้าทางหลอดเลือดดำอีก 1 - 2 กรัมเป็นเวลา 24 - 48 ชั่วโมง

*อนึ่งยังไม่มีข้อมูลความปลอดภัยที่แน่ชัดของขนาดการใช้ยาแมกนีเซียมซัลเฟตกับเด็ก การใช้ ยานี้กับเด็กจึงต้องอยู่ในดุลพินิจของแพทย์ผู้รักษาเป็นกรณีไป

*****หมายเหตุ:

  • ขนาดยาและระยะเวลาในการใช้ยาที่ระบุในบทความนี้เป็นเพียงตัวอย่างหนึ่งเท่านั้น ไม่สามารถใช้ทดแทนคำสั่งใช้ยาของแพทย์ได้ การใช้ยาที่เหมาะสมปลอดภัยควรต้องปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรก่อนเสมอ

เมื่อมีการสั่งยาควรแจ้งแพทย์/พยาบาลและเภสัชกรอย่างไร?

เมื่อมีการสั่งยาทุกชนิดรวมถึงยาแมกนีเซียมซัลเฟต ผู้ป่วยควรแจ้งแพทย์/พยาบาลและเภสัชกรดังนี้

  • ประวัติแพ้ยาทุกชนิดเช่น กินยาแล้วคลื่นไส้มาก ขึ้นผื่น หรือแน่นหายใจติดขัด/หายใจลำบาก
  • มีโรคประจำตัวต่างๆรวมทั้งกำลังกินยาอะไรอยู่ เพราะยาแมกนีเซียมซัลเฟตอาจส่งผลให้อาการของโรคเหล่านั้นรุนแรงขึ้น หรือเกิดปฏิกิริยาระหว่างยากับยาอื่นๆที่กินอยู่ก่อน
  • หากเป็นสุภาพสตรีควรแจ้งว่าอยู่ในภาวะตั้งครรภ์หรือกำลังให้นมบุตร เพราะยาหลายประเภทสามารถผ่านทางน้ำนมหรือรกและเข้าสู่ทารก จนก่อให้เกิดผลข้างเคียงได้

หากลืมใช้ยาควรทำอย่างไร?

หากลืมใช้ยาแมกนีเซียมซัลเฟต

ก. กรณียาฉีด: บุคลากรทางการแพทย์จะปฏิบัติตามคำสั่งจากแพทย์โดยมีตารางเวลากำหนดแน่นอน การลืมฉีดยาให้กับผู้ป่วยจึงมีโอกาสเกิดขึ้นน้อยมาก หากผู้ป่วยมีข้อสงสัยหรือมีคำถามว่าได้รับการฉีดยาแมกนีเซียมซัลเฟตให้หรือยัง สามารถสอบถามจากบุคคลากรทางการแพทย์ที่ปฏิบัติงานขณะนั้นได้ตลอดเวลา

ข. กรณีที่เป็นยารับประทาน: หากลืมรับประทานสามารถรับประทานเมื่อนึกขึ้นได้ ถ้าเวลาใกล้เคียงกับการรับประทานยาในมื้อถัดไป ไม่จำเป็นต้องเพิ่มขนาดรับประทานเป็น 2 เท่า

แมกนีเซียมซัลเฟตมีผลไม่พึงประสงค์อย่างไร?

ยาแมกนีเซียมซัลเฟตในทุกรูปแบบสามารถก่อให้เกิดผลไม่พึงประสงค์ (ผลข้างเคียง/อาการข้างเคียง) ดังนี้เช่น หน้าแดง เหงื่อออกมาก ความดันโลหิตต่ำ กดการทำงานของหัวใจและสมอง อุณหภูมิในร่างกายต่ำลง ระบบการไหลเวียนโลหิตล้มเหลว อาจพบอาการชัก และมีเกลือแคลเซียมในร่างกายต่ำ

มีข้อควรระวังการใช้แมกนีเซียมซัลเฟตอย่างไร?

มีข้อควรระวังการใช้ยาแมกนีเซียมซัลเฟตเช่น

  • ห้ามใช้ในผู้แพ้ยานี้
  • ห้ามฉีดยาแมกนีเซียมซัลเฟตให้กับผู้ป่วยที่อยู่ในภาวะหัวใจหยุดเต้นหรือหัวใจทำงานผิดปกติ
  • ห้ามใช้ยาที่มีสภาพเปลี่ยนไปจากเดิม
  • ห้ามใช้ยานี้กับสตรีตั้งครรภ์ สตรีที่อยู่ในภาวะให้นมบุตร เด็ก และผู้สูงอายุ โดยไม่มีคำ สั่งจากแพทย์
  • กรณีใช้ยานี้กับสตรีตั้งครรภ์อาจทำให้เกิดภาวะแคลเซียมของทารกในครรภ์ลดต่ำลงจนกระทบต่อการเจริญของกระดูกในทารก
  • การใช้ยานี้กับผู้ป่วยโรคไตอาจทำให้ผู้ป่วยได้รับพิษจากแมกนีเซียมติดตามมา
  • หยุดการใช้ยานี้ทันทีหากพบอาการแพ้ยานี้เกิดขึ้นกับผู้ป่วยเช่น มีผื่นคัน หายใจไม่ออก /หายใจลำบาก ตัวบวม เป็นต้น
  • ห้ามแบ่งยาให้ผู้อื่นใช้
  • ห้ามใช้ยาหมดอายุ
  • ห้ามเก็บยาหมดอายุ

***** อนึ่ง ทุกคนต้องตระหนักถึงความปลอดภัยจากการใช้ ”ยา” ที่รวมถึงยาแผนปัจจุบันทุกชนิด (รวมยาแมกนีเซียมซัลเฟตด้วย) ยาแผนโบราณทุกชนิดและสมุนไพรต่างๆเสมอ เพราะยามีทั้งให้คุณและให้โทษ ดังนั้นเมื่อมีการใช้ยาทุกครั้งควรต้องปฏิบัติตามข้อปฏิบัติพื้นฐานในการใช้ยาทุกชนิดเสมอ (อ่านเพิ่มเติมได้ในเว็บ haamor.com บทความเรื่อง ข้อปฏิบัติพื้นฐานในการใช้ยาทุกชนิด) รวมทั้งควรต้องปรึกษาเภสัชกรประจำร้านขายยาก่อนซื้อยาใช้เองด้วยเช่นกัน

แมกนีเซียมซัลเฟตมีปฏิกิริยาระหว่างยากับยาตัวอื่นอย่างไร?

ยาแมกนีเซียมซัลเฟตมีปฏิกิริยาระหว่างยากับยาตัวอื่นเช่น

  • การใช้ยาแมกนีเซียมซัลเฟตร่วมกับยา Amikacin, Gentamycin, Kanamycin, Tobramycin อาจเพิ่มความเสี่ยงทำให้กล้ามเนื้อของผู้ป่วยเกิดภาวะอัมพาต หยุดการหายใจ และอาจเสียชีวิต(ตาย) ได้ หากไม่มีความจำเป็นใดๆควรหลีกเลี่ยงการใช้ยาร่วมกัน
  • การใช้ยาแมกนีเซียมซัลเฟตร่วมกับยา Amlodipine อาจทำให้มีภาวะความดันโลหิตต่ำ หัวใจเต้นเร็ว เป็นลม กล้ามเนื้อเป็นอัมพาตชั่วคราว หากจำเป็นต้องใช้ยาร่วมกันแพทย์จะปรับขนาดการใช้ยาให้เหมาะสมเป็นกรณีไป
  • การใช้ยาแมกนีเซียมซัลเฟตร่วมกับยา Cisapride อาจเป็นเหตุให้หัวใจเต้นผิดจังหวะ หากไม่มีความจำเป็นใดๆควรหลีกเลี่ยงการใช้ยาร่วมกัน
  • การใช้ยาแมกนีเซียมซัลเฟตร่วมกับยา Ergocalciferol/วิตามินดี อาจทำให้ระดับแมกนีเซียมในเลือดเพิ่มสูงขึ้นโดยเฉพาะการใช้ยาร่วมกันในผู้ป่วยโรคไต และจะแสดงอาการต่างๆติดตามมา เช่น คลื่นไส้ อาเจียน หน้าแดง ความดันโลหิตต่ำ หัวใจเต้นช้า ง่วงนอน จนถึงมีภาวะโคม่าและเสียชีวิตในที่สุด เพื่อหลีกเลี่ยงอาการเหล่านี้จึงไม่ควรใช้ยาร่วมกัน

ควรเก็บรักษาแมกนีเซียมซัลเฟตอย่างไร

สามารถเก็บยาแมกนีเซียมซัลเฟตภายใต้อุณหภูมิห้องที่เย็น เก็บยาให้พ้นมือเด็กและสัตว์เลี้ยง เก็บยาในภาชนะที่ปิดมิดชิด พ้นแสงแดด ความร้อนและความชื้น ไม่ควรเก็บยาในห้องน้ำหรือในรถยนต์

แมกนีเซียมซัลเฟตมีชื่ออื่นอีกไหม? ผลิตจากบริษัทอะไรบ้าง?

ยาแมกนีเซียมซัลเฟตที่จำหน่ายในประเทศไทย มียาชื่อการค้าอื่นและบริษัทผู้ผลิตเช่น

ชื่อการค้าบริษัทผู้ผลิต
Magfifty (แมกฟิฟตี้)Umeda
Maglax (แมกแลกซ์) New York Chemical
Magnesium Sulphate Atlantic (แมกนีเซียมซัลเฟตแอทแลนติก) Atlantic Lab
Multicap (มัลติแคป) Sriprasit Dispensary

บรรณานุกรม

  1. https://en.wikipedia.org/wiki/Magnesium_sulfate#Medical [2016,Jan30]
  2. http://www.medicinenet.com/magnesium_sulfate-injection/article.html [2016,Jan30]
  3. http://www.drugs.com/pro/magnesium.html [2016,Jan30]
  4. http://www.ancient-minerals.com/magnesium-deficiency/symptoms-signs/#list [2016,Jan30]
  5. http://www.healthaliciousness.com/articles/foods-high-in-magnesium.php [2016,Jan30]
  6. http://drug.fda.moph.go.th:81/nlem.in.th/search?keyword=magnesium+sulfate [2016,Jan30]
  7. http://www.mims.com/Thailand/drug/search?q=magnesium%20sulfate [2016,Jan30]
  8. http://www.accessdata.fda.gov/drugsatfda_docs/label/2013/019316s018lbl.pdf [2016,Jan30]
  9. https://www.glowm.com/resources/glowm/cd/pages/drugs/m003.html [2016,Jan30]
  10. http://www.accessdata.fda.gov/drugsatfda_docs/label/2013/019316s018lbl.pdf [2016,Jan30]
  11. http://www.mims.com/THAILAND/Home/GatewaySubscription/?generic=Magnesium+sulfate [2016,Jan30]
  12. http://www.drugs.com/drug-interactions/magnesium-sulfate-index.html?filter=3&generic_only= [2016,Jan30]
  13. http://www.everydayhealth.com/drugs/magnesium-sulfate [2016,Jan30]