แผลเป็นนูน (Keloid)

สารบัญ บทความที่เกี่ยวข้อง

บทนำ

โรคแผลเป็นนูน (คีลอยด์ หรือ Keloid) ได้แก่ โรค/ภาวะมีเนื้อเยื่อพังผืดเจริญเกินปกติ เห็นเป็นพังผืดหนาในบริเวณรอยแผลต่างๆ โดยเกิดหลังจากแผลเหล่านั้นหายแล้ว ซึ่งแผลเป็นนูนอาจเกิดหลังจากแผลหายเป็นอาทิตย์หรือเป็นเดือน แต่บางคนอาจเป็นปี ซึ่งบางคนที่เป็นน้อยไม่จำเป็นต้องรักษา แต่บางคนที่เป็นมากอาจต้องการการรักษาเพราะทำให้เสียภาพลักษณ์

โรคแผลเป็นนูน พบได้บ่อยทั้งในผู้หญิงและในผู้ชาย และพบได้ในทุกอายุตั้งแต่เด็กจน ถึงผู้สูงอายุ แต่มักเกิดในช่วงวัยหนุ่มสาว และพบได้น้อยลงในวัยเด็กและเมื่อสูงอายุ ทั้งนี้มีโอ กาสเกิดได้ใกล้เคียงกันทั้งในผู้หญิงและผู้ชาย

ทำไมจึงเกิดแผลเป็นนูน?

แผลเป็นนูน

ปัจจุบัน ยังไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัดว่าทำไมจึงเกิดแผลเป็นนูนขึ้น

  • บางทฤษฏีสันนิฐานว่า อาจเกิดจากภูมิคุ้มกัน/ภูมิคุ้มกันต้านทานโรคของร่างกายในการตอบสนองต่อการเกิดบาดแผลผิดปกติ จึงกระตุ้นให้เกิดแผล เป็นนูน
  • บางทฤษฎีสันนิฐานว่า น่าเกิดจากมีฮอร์โมนบางชนิดเข้ามาเกี่ยวข้องในการกระตุ้นให้การซ่อมแซมบาดแผลผิดปกติจนกลายเป็นแผลเป็นนูน
  • บางทฤษฎีเชื่อว่า อาจเกิดจากสารบางชนิดที่เป็นปัจจัยกระตุ้นการเจริญเติบโตของเซลล์ที่เรียกว่า Growth factor ที่เข้ามาซ่อมแซมบาดแผลผิดปกติจึงก่อให้เกิดแผลเป็นนูนขึ้น

แผลอะไรบ้างที่ทำให้เกิดแผลเป็นนูน?

แผลเป็นนูนสามารถเกิดตามหลังแผลได้ทุกชนิด ไม่ว่าจะเป็นแผลเกิดจากสาเหตุใดก็ตาม เช่น

  • แผลผ่าตัด
  • แผลเจาะหู
  • แผลจากเป็นสิว
  • แผลข่วน แผลเกา
  • แผลไฟไหม้
  • แผลน้ำร้อนลวก
  • แผลจากฉีดวัคซีน
  • และ/หรือ แผลยุงกัด

ผิวส่วนไหนบ้างที่เกิดแผลเป็นนูนได้ง่าย?

ผิวหนังทุกส่วนสามารถเกิดแผลเป็นนูนได้ทั้งหมด แต่ผิวหนังที่เกิดแผลเป็นนูนได้บ่อย คือ ผิวหนังตำแหน่ง

  • กระดูกอก(Sternum)
  • หัวไหล่
  • ต้นแขน
  • ติ่งหู
  • และแก้ม

ใครบ้างที่เกิดแผลเป็นนูนได้ง่าย (ปัจจัยเสี่ยง)?

บุคคลที่มีปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดแผลเป็นนูนเมื่อมีแผลเกิดขึ้นได้แก่

  • พันธุกรรม: เพราะพบคนที่มีคนในครอบครัวเป็นแผลเป็นนูนมีโอกาสเกิดแผลเป็นนูนได้ง่าย และเมื่อเคยเป็นแผลเป็นนูนมาก่อนมักเกิดแผลเป็นนูนได้ง่ายเมื่อเกิดแผลต่างๆขึ้น
  • เชื้อชาติ/สีผิว: เพราะพบเกิดแผลเป็นนูนได้สูงกว่าในเชื้อชาติจีนและคนผิวดำเมื่อเปรียบเทียบกับคนผิวขาว
  • อายุ: ดังกล่าวแล้ว พบแผลเป็นนูนเกิดได้น้อยกว่าในเด็กและในผู้สูงอายุ
  • สาเหตุของแผล: แผลจากไฟไหม้/น้ำร้อนลวกมีโอกาสเกิดแผลเป็นนูนสูงกว่าแผลอื่นๆ
  • แผลที่หายช้า: มักเกิน 3 สัปดาห์ขึ้นไปมีโอกาสเกิดแผลเป็นนูนได้สูงขึ้น

แผลเป็นนูนมีกี่แบบ? อะไรบ้าง?

แผลเป็นนูนมีได้ 2 แบบ ได้แก่ แผลเป็นนูนชนิดลุกลามออกนอกตัวแผล และแผลเป็นนูนชนิดเกิดเฉพาะบนตัวแผล ซึ่งทั้งสองชนิดคล้ายคลึงกันทั้ง สาเหตุ ปัจจัยเสี่ยง อาการ และวิธีรัก ษา ต่างกันเพียง แผลเป็นนูนชนิดเกิดเฉพาะบนตัวแผลมักหายได้เองเมื่อเวลาผ่านไป ซึ่งอาจเป็นเดือนหรือหลายๆปี และเมื่อได้รับการรักษามักยุบได้ดี และมักไม่ย้อนกลับเป็นซ้ำ

1. แผลเป็นนูนชนิดลุกลามออกนอกตัวแผล:

แผลเป็นนูนแบบนี้ มีลักษณะหนา ตัวแผลมักนูนเหนือผิวหนังตั้งแต่ 4 มิลลิเมตร (มม.) ขึ้นไป และมักเกิดตามหลังแผลหายแล้วอย่างน้อย 3 เดือนไปแล้ว นอกจากนั้นพบบ่อยกว่าในคนมีผิวดำคล้ำ

ซึ่งทางแพทย์เรียกว่า ‘คีลอย (Keloid)’ เป็นแผลเป็นที่ลุกลามออกนอกตัวแผลและเจริญใหญ่ขึ้นเรื่อยๆไม่ยุบหายไปเอง มักเกิดบริเวณผิวหนังส่วนบนของ กระดูกอก หัวไหล่ ต้นแขน และบริเวณหู

2. แผลเป็นนูนชนิดเกิดเฉพาะบนตัวแผล:

แผลเป็นนูนชนิดนี้มักเกิดภายใน 1 เดือนหลังแผลหาย และมักค่อยๆยุบตัวแบนราบลงเมื่อเวลาผ่านไปเป็นเดือนหรือเป็นปี นอกจากนั้นเกิดได้กับคนทุกผิวสี

ซึ่งทางแพทย์เรียกว่า ‘ไฮเปอร์โทรฝิกสการ์ (Hypertrophic scar)’ เป็นแผลเป็นนูนที่ไม่ลุกลามออกนอกรอยแผล เพียงแต่รอยแผลใหญ่นูนขึ้น และเกิดกับแผลส่วนไหนของร่างกายก็ได้ แต่พบได้บ่อยเมื่อเกิดแผลในบริเวณข้อพับ

นอกจากเสียภาพลักษณ์แล้วแผลเป็นนูนทำให้เกิดอาการอื่นๆอีกไหม?

นอกจากการเสียภาพลักษณ์ แผลเป็นนูนยังก่อให้เกิด ‘อาการคัน’ โดยเฉพาะเมื่อเหงื่อออกมาก

  • บางคนอาจเกาจนเลือดออก
  • หรือเกิดเป็นแผลติดเชื้อจากการเกา

แพทย์รักษาแผลเป็นนูนได้อย่างไร?

วิธีรักษาแผลเป็นนูนมีหลายวิธี ได้ผลบ้างไม่ได้ผลบ้าง เนื่องจากการไม่รู้สาเหตุเกิดที่ชัดเจนนั่นเอง ต้องลองรักษาไปเรื่อยๆ แพทย์ไม่สามารถพยากรณ์ได้ว่า ผู้ป่วยคนไหนจะรักษา ได้ผล (ได้ผลประมาณไหน) คนไหนรักษาไม่ได้ผล นอกจากนั้น บางคนยังมีโอกาสกลับเป็นใหม่ได้อีก

ซึ่งวิธีการรักษาเหล่านั้น เช่น

  • การทายาบางชนิด
  • การปิดแผลเป็นด้วยเทปยา
  • การใช้เทคนิคเฉพาะเมื่อจะผ่าตัดในผู้ป่วยมีประวัติเป็นแผลเป็นนูนมาก่อน
  • การฉีดยาบางชนิดเข้าในแผลเป็นนูน
  • การใช้เลเซอร์
  • การผ่าตัดด้วยความเย็น (Cryotherapy)
  • การฉายรังสีรักษา (อาจร่วมกับการผ่าตัด )
  • การกินยาต้านฮอร์โมนบางชนิด
  • และการผ่าตัดแผลเป็นนูนเมื่อแผลเป็นนูนใหญ่และแข็งมาก

ทั้งนี้การที่แพทย์จะเลือกใช้วิธีรักษาอย่างไร ขึ้นกับ

  • ขนาดแผล
  • ตำแหน่งแผล
  • การรักษาวิธีต่างๆที่ผ่านมา
  • ความต้องการของผู้ป่วย
  • และดุลพินิจของแพทย์

แผลเป็นนูนรักษาหายไหม?

แผลเป็นนูนเป็นโรครักษาได้ยากมากๆ อาจต้องลองรักษาหลายๆวิธี ต้องใช้เวลานานในการรักษา มีโอกาสรักษาไม่ได้ผล หรือรักษาแล้วกลับเป็นอีกสูง

ป้องกันแผลเป็นนูนได้อย่างไร?

การป้องกันแผลเป็นนูนที่ดีที่สุด (แต่ทำได้ยากที่สุด) คือ

  • หลีกเลี่ยงการเกิดแผล
  • นอกจากนั้นคือ แจ้งแพทย์เสมอถึงประวัติการเคยเป็นแผลเป็นนูนเมื่อต้องมีการผ่าตัด เพราะแพทย์อาจให้การรักษาเพื่อป้องกันการเกิดแผลเป็นตั้งแต่ขณะผ่าตัด ด้วยเทคนิคการเย็บ การปิดแผล การใช้ยาทาแผล และ/หรือ การฉายรังสี (รังสีรักษา)

ควรพบแพทย์เมื่อไร?

ดังกล่าวแล้ว ควรต้องแจ้งแพทย์ตั้งแต่ก่อนผ่าตัด ส่วนเมื่อเกิดแผลเป็นนูนแล้ว ควรรีบพบแพทย์/มาโรงพยาบาลแต่เนิ่นๆ เพราะโอกาสควบคุมโรคได้สูงขึ้น เมื่อแผลเป็นนูนยังมีขนาดเล็กและเพิ่งเริ่มเกิด

บรรณานุกรม

  1. Juckett, G., and Hartman-Adams, H. (2009). Management of keloids and hypertrophic scars. Am Fam Physician, 80, 253-260.
  2. https://en.wikipedia.org/wiki/Keloid [2019,Jan5]
  3. https://emedicine.medscape.com/article/876214-overview#showall [2019,Jan5]
  4. https://emedicine.medscape.com/article/1057599-overview#showall [2019,Jan5]