แคลซิไดออล (Calcidiol)
- โดย เภสัชกร อภัย ราษฎรวิจิตร
- 23 มกราคม 2561
- Tweet
- บทนำ
- แคลซิไดออลมีสรรพคุณ(คุณสมบัติ)อย่างไร?
- แคลซิไดออลมีกลไกการออกฤทธิ์อย่างไร?
- แคลซิไดออลมีรูปแบบการจัดจำหน่ายอย่างไร?
- แคลซิไดออลมีขนาดรับประทานอย่างไร?
- เมื่อมีการสั่งยาควรแจ้งแพทย์/พยาบาลและเภสัชกรอย่างไร?
- หากลืมรับประทานยาควรทำอย่างไร?
- แคลซิไดออลมีผลไม่พึงประสงค์อย่างไร?
- มีข้อควรระวังการใช้แคลซิไดออลอย่างไร?
- แคลซิไดออลมีปฏิกิริยาระหว่างยากับยาตัวอื่นอย่างไร?
- ควรเก็บรักษาแคลซิไดออลอย่างไร?
- แคลซิไดออลมีชื่ออื่นอีกไหม?ผลิตจากบริษัทอะไรบ้าง?
- บรรณานุกรม
- ยารักษาโรค (Pharmaceutical drug)
- ข้อปฏิบัติพื้นฐานในการใช้ยาทุกชนิด
- วิตามินดี (Vitamin D or Ergocalciferol)
- แคลเซียมคาร์บอเนต (Calcium Carbonate)
- โรคกระดูก (Bone disease)
- โรคกระดูกพรุน โรคกระดูกบาง (Osteoporosis and Osteopenia)
- แคลเซียมเสริมอาหาร (Calcium supplement)
- แคลเซียม เกลือแร่แคลเซียม (Calcium)
บทนำ
สาร/ยาแคลซิไดออล(Calcidiol) หรือ แคลซิเฟไดออล(Calcifediol) หรือ Calcifediol monohydrate หรือ 25-hydroxycholecalciferol หรือ 25-hydroxy vitamin D ย่อว่า 25(OH)D จัดเป็นพรีฮอร์โมน(Prehormone, สารเคมีที่สร้างเพียงเล็กน้อยจากเนื้อเยื่อต่างๆ เป็นสารไม่มีฤทธิ์ด้วยตัวมันเอง แต่จะถูกเปลี่ยนโดยเนื้อเยื่อบางชนิด เช่น ผิวหนัง หรือเยื่อเมือก ไปเป็นฮอร์โมนที่ออกฤทธิ์)ของวิตามินดี ในธรรมชาติ การสังเคราะห์สารแคลซิไดออลจะเกิดที่ตับของมนุษย์ โดยกระบวนการทางชีวะเคมีที่เรียกว่าไฮดรอกซิเลชั่นของวิตามินดี3/วิตามินDชนิดที่ออกฤทธิ์ (Hydroxylation of vitamin D3) จากนั้น สารแคลซิไดออลที่เกิดขึ้นจะถูกลำเลียงไปที่ไต เพื่อเปลี่ยนไปเป็นสาร “Calcitriol” ซึ่งเป็นรูปแบบหนึ่งของวิตามินดีที่สามารถออกฤทธิ์รักษาสมดุลของแคลเซียมในร่างกายของคนเรา
ทางคลินิก ใช้สาร/ยาแคลซิไดออลมาเป็นยารักษาโรคกระดูกบางชนิด เช่น โรคกระดูกอ่อนในเด็ก(Rickets) โรคกระดูกน่วม(Osteomalacia), และบำบัดผู้ที่มีภาวะขาดวิตามินดี
ทางการแพทย์ใช้ปริมาณสารแคลซิไดออลในกระแสเลือด เป็นตัวบ่งบอกระดับความสมบูรณ์ของวิตามินดีในร่างกาย ปกติควรมีแคลซิไดออลในเลือด 30–74 นาโนกรัม/มิลลิลิตร ทั้งนี้ มีหลายสาเหตุที่ทำให้ระดับแคลซิไดออลในร่างกายต่ำกว่าปกติ เช่น ป่วยด้วยโรคกระดูกพรุน เป็นโรคไตเรื้อรัง มีการดูดซึมสารอาหารของกระเพาะอาหารและลำไส้ผิดปกติ อยู่ในภาวะควบคุมการรับประทานอาหารเพื่อลดน้ำหนัก หรือแม้แต่การติดเชื้อต่างๆของร่างกายจากเชื้อโรคบางกลุ่มก็ทำให้มีภาวะขาดแคลซิไดออลได้เช่นกัน
หน้าที่หลักของสาร/ยาแคลซิไดออลอาจสรุปได้ดังนี้
- เร่งให้ร่างกายมีการดูดซึมแคลเซียม(เกลือแร่แคลเซียม)จากระบบทางเดินอาหาร
- รักษาสมดุลการขับออกของแคลเซียมไปกับปัสสาวะ โดยมีความสัมพันธ์กับ แคลเซียมที่ดูดซึมจากระบบทางเดินอาหาร กลไกดังกล่าวจะทำให้ระดับแคลเซียม ของร่างกายไม่สูงหรือต่ำจนเกินไป
ยังมีกลุ่มผู้ป่วยบางรายที่ไม่เหมาะจะได้รับยาแคลซิไดออล อาทิ ผู้ที่มีระดับแคลเซียมในร่างกายสูงผิดปกติ หรือผู้ที่แพ้ยาแคลซิไดออล หรือมีอาการแพ้ส่วนประกอบในสูตรตำรับของยาแคลซิไดออล เป็นต้น
รูปแบบเภสัชภัณฑ์ของยาแคลซิไดออลเป็นยารับประทาน ทั้งชนิดแคปซูล และชนิดน้ำ การจะเลือกใช้ผลิตภัณฑ์/ยาแคลซิไดออลแบบใดนั้น ผู้บริโภคควรต้องผ่านการตรวจร่างกายจากแพทย์ก่อนเสมอ ด้วยยาแคลซิไดออลจัดเป็นยาอันตราย และสามารถก่อให้เกิดอาการพิษ(ผลข้างเคียงรุนแรง)ต่อร่างกายได้เช่นกัน เช่น อาการปวดกระดูก มีอาการท้องผูกโดยเฉพาะในเด็กและเด็กวัยรุ่น หรืออาจมีภาวะท้องเสีย ง่วงนอน ปากแห้ง กระหายน้ำ ปวดศีรษะอย่างต่อเนื่อง ปัสสาวะบ่อยโดยเฉพาะในช่วงเวลากลางคืน ปัสสาวะเป็นปริมาณมาก หัวใจเต้นผิดปกติ คันตามผิวหนัง เบื่ออาหาร ปวดกล้ามเนื้อ คลื่นไส้อาเจียน เหนื่อยง่าย และอ่อนเพลีย จะเห็นได้ว่าพิษของวิตามินดี/แคลซิไดออล สามารถสร้างความทรมานและรบกวนการดำเนินชีวิตประจำวันได้อย่างมากมาย กรณีที่พบอาการเหล่านี้ ควรต้องรีบนำผู้ป่วยส่งโรงพยาบาล/พบแพทย์โดยไม่ต้องรอถึงวันแพทย์นัด หากผู้บริโภค/ผู้ป่วยต้องการทราบข้อมูลของยาแคลซิไดออลเพิ่มเติม สามารถสอบถามได้จากแพทย์ผู้ที่ทำการตรวจรักษา หรือสอบถามจากเภสัชกรได้ทั่วไป
แคลซิไดออลมีสรรพคุณ(คุณสมบัติ)อย่างไร?
ยาแคลซิไดออลมีสรรพคุณ/ข้อบ่งใช้ เช่น
- รักษาอาการผู้ที่มีร่างกายขาดวิตามินดี
- รักษาผู้ป่วย โรคกระดูกอ่อนในเด็ก โรคกระดูกน่วม
- รักษาอาการผู้ที่มีภาวะแคลเซียมในร่างกายต่ำด้วยเหตุไตวายเรื้อรัง (Renal osteodystrophy)
- ใช้ร่วมกับยากลุ่มแคลเซียมเพื่อป้องกันภาวะ/โรคกระดูกพรุนจากการได้รับยา Corticosteroid ต่อเนื่อง
แคลซิไดออลมีกลไกการออกฤทธิ์อย่างไร?
ร่างกายของมนุษย์ในส่วนของผิวหนังเมื่อได้รับแสงแดดอย่างเหมาะสมจะมีการสังเคราะห์วิตามินดี 3 (Vitamin D3)ซึ่งจัดเป็นสเตียรอยด์ฮอร์โมน(Steroid hormone)ชนิดหนึ่ง ตับจะทำหน้าที่เปลี่ยนวิตามินดี 3 ไปเป็นสารแคลซิไดออล หรือเมื่อเราบริโภคยาแคลซิไดออล ซึ่งแคลซิไดออลจะเป็นรูปของสาร/ยาที่เป็นพรีฮอร์โมน(Prehormone) ที่ยังไม่สามารถออกฤทธิ์ได้ สาร/ยาแคลซิไดออลจากตับจะถูกลำเลียงไปที่ไต และถูกเปลี่ยนไปเป็นสาร Calcitriol ที่สามารถออกฤทธิ์เพิ่มระดับแคลเซียมในกระแสเลือดโดย
1. ส่งเสริมการดูดซึมธาตุฟอสฟอรัส(Phosphorus) และแคลเซียมจากระบบทางเดินอาหาร แร่ธาตุ/เกลือแร่ทั้งสอง เป็นส่วนประกอบสำคัญที่ทำให้เกิดมีการสะสมแคลเซียมในกระดูก
2. Calcitriol ยังเพิ่มการดูดกลับของแคลเซียมที่อวัยวะไตเพื่อรักษาสมดุล แคลเซียมในเลือด
จากกลไกดังกล่าว ทำให้ Prehormone อย่างยาแคลซิไดออล สามารถรักษาโรคกระดูกได้ตามสรรพคุณ
แคลซิไดออลมีรูปแบบการจัดจำหน่ายอย่างไร?
ยาแคลซิไดออลมีรูปแบบการจัดจำหน่าย เช่น
- ยาแคปซูลชนิดรับประทานแบบออกฤทธิ์นาน ที่ประกอบด้วย Calcidiol ขนาด 30 ไมโครกรัม/แคปซูล
- ยาน้ำชนิดรับประทาน ที่ประกอบด้วย Calcifediol monohydrate ขนาด 15 มิลลิกรัม/100 มิลลิลิตร
แคลซิไดออลมีขนาดรับประทานอย่างไร?
ยาแคลซิไดออลต้องถูกสั่งจ่ายโดยแพทย์ ขนาดรับประทานและระยะเวลาของการใช้ยานี้/ยาชนิดนี้ต้องเป็นไปตามดุลยพินิจของแพทย์เท่านั้น การใช้ยานี้ในผู้ใหญ่และในเด็ก มีขนาดที่แตกต่างกันตามอาการและความรุนแรงของโรค ห้ามมิให้ผู้บริโภค/ผู้ป่วยไปซื้อหายาชนิดนี้มารับประทานเอง ทั้งนี้เพื่อป้องกันการได้รับพิษจากการใช้ยาแคลซิไดออลเกินขนาด อนึ่ง ยาในกลุ่มวิตามินดี(รวมยาแคลซิไดออล)เป็นยาที่ละลายในไขมันซึ่งทำให้เกิดการสะสมยานี้ในเนื้อเยื่อไขมันของร่างกายได้เป็นเวลายาวนาน หลังการรับประทานยาแคลซิไดออล ทั้งนี้ ทั่วไปต้องใช้เวลานานถึงประมาณ 288 ชั่วโมงเพื่อกำจัดยาประเภทนี้ออกจากร่างกายได้เพียง 50% เท่านั้น
เมื่อมีการสั่งยาควรแจ้งแพทย์/พยาบาลและเภสัชกรอย่างไร?
เมื่อมีการสั่งยาทุกชนิดรวมยาแคลซิไดออล ผู้ป่วยควรแจ้งแพทย์/พยาบาล และเภสัชกร ดังนี้
- ประวัติแพ้ยาทุกชนิด เช่น กินยา/ใช้ยาแล้ว คลื่นไส้มาก ขึ้นผื่น หรือแน่นหายใจติดขัด/หายใจขัด/หายใจลำบาก
- มีโรคประจำตัวต่างๆ รวมทั้งกำลังกินยา/ใช้ยาอะไรอยู่ เพราะยาแคลซิไดออลอาจส่งผลให้อาการของโรคเหล่านั้นรุนแรงขึ้น หรืออาจเกิดปฏิกิริยาระหว่างยากับยาอื่นๆที่กิน/ที่ใช้อยู่ก่อน
- หากเป็นสุภาพสตรีควรแจ้งว่าอยู่ในภาวะตั้งครรภ์ หรือ กำลังให้นมบุตร เพราะยาหลายประเภทสามารถผ่านทางน้ำนมหรือรก และเข้าสู่ทารกจนก่อให้เกิดผลข้างเคียงได้
หากลืมรับประทานยาควรทำอย่างไร?
หากลืมรับประทานยาแคลซิไดออล สามารถรับประทานทันทีเมื่อนึกขึ้นได้ถ้าเวลาใกล้เคียงกับการรับประทานยาในมื้อถัดไป ไม่จำเป็นต้องเพิ่มปริมาณยาเป็น 2 เท่า ให้รับประทานยาที่ขนาดปกติ
แคลซิไดออลมีผลไม่พึงประสงค์อย่างไร?
ยาแคลซิไดออลยังไม่ใช่ตัวยาออกฤทธิ์ แต่จะต้องถูกเปลี่ยนในร่างกายไปเป็นสารแคลซิไทรออล(Calcitriol)ซึ่งเป็นสารออกฤทธิ์เสียก่อน ดังนั้นผู้ป่วยจึงจะไม่ได้รับ ผลไม่พึงประสงค์ (ผลข้างเคียง/อาการข้างเคียง)จากยาแคลซิไดออล แต่จะเป็นผลไม่พึงประสงค์จากสารแคลซิไทรออล ดังนี้ เช่น
- ผลต่อระบบการเผาผลาญพลังงานของร่างกาย: เช่น มีระดับแคลเซียมในเลือดสูง ทำให้เบื่ออาหาร ร่างกายมีการสูญเสียน้ำมากขึ้น ระดับ/ฟอสเฟต/ฟอสฟอรัสในเลือดสูงเพิ่มขึ้น
- ผลต่อระบบทางเดินปัสสาวะ: เช่น มีแคลเซียมปนมากับปัสสาวะ ติดเชื้อในระบบทางเดินปัสสาวะได้ง่าย ปัสสาวะมาก มีโปรตีนในปัสสาวะ
- ผลต่อระบบประสาท: เช่น ปวดศีรษะ ง่วงนอน อาจมีอาการชัก
- ผลต่อระบบทางเดินอาหาร: เช่น ปวดท้อง คลื่นไส้อาเจียน ท้องผูก ปากแห้ง ตับอ่อนอักเสบ
- ผลต่อผิวหนัง: เช่น อาจมีอาการผื่นคัน ลมพิษ
- ผลต่อระบบหัวใจและหลอดเลือด: เช่น หัวใจเต้นผิดจังหวะ หัวใจหยุดเต้น ความดันโลหิตสูง
- ผลต่อตับ: เช่น เอนไซม์การทำงานของตับในเลือดสูงขึ้น
- ผลต่อไต: เช่น ค่าครีเอตินิน(Creatinine)ในเลือดสูงขึ้น/ไตทำงานผิดปกติ
- ผลต่อสภาพจิตใจ: เช่น ความรู้สึกทางเพศถดถอย
- ผลต่อตา: เช่น ม่านตาอักเสบ ตาแพ้แสง/ตาแพ้แสงสว่าง
- ผลต่อระบบทางเดินหายใจ: เช่น น้ำมูกไหล
มีข้อควรระวังการใช้แคลซิไดออลอย่างไร?
มีข้อควรระวังการใช้ยาแคลซิไดออล เช่น
- ห้ามใช้กับผู้ที่แพ้ยานี้
- ห้ามปรับขนาดรับประทานด้วยตนเอง
- ห้ามรับประทานยาอื่นใดร่วมกับยาแคลซิไดออลโดยไม่มีคำสั่งจากแพทย์ทั้งนี้เพื่อป้องกันภาวะยาตีกัน(ปฏิกิริยาระหว่างยา)
- การใช้ยานี้กับสตรีมีครรภ์/ตั้งครรภ์ สตรีในช่วงให้นมบุตร และเด็ก ต้องเป็นไปตามคำสั่งของแพทย์เท่านั้น
- รับประทานยานี้ต่อเนื่องตามคำสั่งแพทย์ ห้ามหยุดการใช้ยานี้ด้วยตนเอง
- กรณีพบอาการแพ้ยา เช่น มีผื่นคัน ผิวหนังบวมแดง ผิวหนังลอก แน่นหน้าอก หายใจขัด ใบหน้า-ปาก-คอมีอาการบวม ซึ่งเป็นอาการแพ้ยานี้ ต้องหยุดใช้ยานี้ทันที แล้วรีบนำผู้ป่วยส่งโรงพยาบาลทันที/ฉุกเฉิน
- ห้ามแบ่งยาให้ผู้อื่นใช้
- ห้ามใช้ยาหมดอายุ
- ห้ามเก็บยาหมดอายุ
***** อนึ่ง ทุกคนต้องตระหนักถึงความปลอดภัยจากการใช้ ”ยา”ที่รวมถึง ยาแผนปัจจุบันทุกชนิด(รวมยาแคลซิไดออลด้วย) ยาแผนโบราณ อาหารเสริม ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ทุกชนิด และสมุนไพรต่างๆ เพราะยามีทั้งให้คุณและให้โทษ ดังนั้นเมื่อมีการใช้ยาทุกครั้ง ควรต้องปฏิบัติตามข้อปฏิบัติพื้นฐานในการใช้ยาทุกชนิด(อ่านเพิ่มเติมได้ในเว็บ haamor.com บทความเรื่อง ข้อปฏิบัติพื้นฐานในการใช้ยาทุกชนิด) รวมทั้งควรต้องปรึกษาเภสัชกรประจำร้านขายยาก่อนซื้อยาใช้เองเสมอ
แคลซิไดออลมีปฏิกิริยาระหว่างยากับยาตัวอื่นอย่างไร?
แคลซิไดออลมีปฏิกิริยาระหว่างยากับยาตัวอื่น เช่น
- ห้ามใช้ยาแคลซิไดออลร่วมกับ ยาAcetyldigoxin ด้วยจะทำให้มีภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะตามมา
- หลีกเลี่ยงการใช้ยาแคลซิไดออลร่วมกับยากลุ่มแคลเซียม/ยากลุ่มมีแคลเซียมเป็นส่วนประกอบหลัก เช่น Calcium acetate, Calcium carbonate, Calcium chloride, Calcium citrate เพราะจะทำให้ร่างกายได้รับผลข้างเคียงจากยาต่างๆที่ใช้ร่วมกันที่สูงขึ้นตามมา
- ห้ามใช้ยาแคลซิไดออลร่วมกับ ยาCholestyramine เพราะจะทำให้การดูดซึม ยาแคลซิไดออลจากระบบทางเดินอาหารลดลง
- การใช้ยาแคลซิไดออลร่วมกับ ยากลุ่มThiazides จะกระตุ้นให้เกิดภาวะแคลเซียมในเลือดสูง หากจำเป็นต้องใช้ยาร่วมกัน แพทย์จะปรับขนาดรับประทานให้เหมาะสมเป็นกรณีไป
ควรเก็บรักษาแคลซิไดออลอย่างไร?
ควรเก็บยาแคลซิไดออลภายใต้คำแนะนำของเอกสารกำกับยา ห้ามเก็บยาในช่องแช่แข็งตู้เย็น เก็บยาในภาชนะที่ปิดมิดชิด พ้นแสง/แสงแดด ความร้อนและความชื้น เก็บยาให้พ้นมือเด็กและสัตว์เลี้ยง และไม่เก็บยาในห้องน้ำหรือในรถยนต์
แคลซิไดออลมีชื่ออื่นอีกไหม? ผลิตจากบริษัทอะไรบ้าง?
ยาแคลซิไดออล มียาชื่อการค้า และบริษัทผู้ผลิต/ผู้จำหน่าย เช่น
ชื่อการค้า | บริษัทผู้ผลิต |
---|---|
Calderol (แคลเดอรอล) | Upjhon |
Caldiol (แคลไดออล) | Medica |
De Kai (เด ไค) | China Otsuka |
Dedrogyl (เดโดรกิล) | Desma |
อนึ่ง ยาชื่อการค้าอื่นของยานี้ เช่น Calcifediol hydrate, Calcifediol anhydrous; Calcifediolum, Delakmin, Hidroferol
บรรณานุกรม
- https://www.drugbank.ca/drugs/DB00146 [2017,Dec10]
- https://en.wikipedia.org/wiki/Calcifediol [2017,Dec10]
- https://en.wikipedia.org/wiki/Calcitriol#Function [2017,Dec10]
- http://www.druglib.com/activeingredient/calcidiol/ [2017,Dec10]
- http://www.medisite.fr/dictionnaire-des-medicaments-dedrogyl-15-mg-100-ml-solution-buvable-en-gouttes.600904.8028.html [2017,Dec10]
- https://www.everydayhealth.com/drugs/vitamin-d3 [2017,Dec10]
- https://www.drugs.com/sfx/calcitriol-side-effects.html [2017,Dec10]