แคลซิโทนิน (Calcitonin)

สารบัญ บทความที่เกี่ยวข้อง
  • ยารักษาโรค (Pharmaceutical drug)
  • ข้อปฏิบัติพื้นฐานในการใช้ยาทุกชนิด
  • มะเร็ง (Cancer)
  • เนื้องอก (Tumor)
  • โรคกระดูก (Bone disease)
  • กระดูกพรุน โรคกระดูกบาง (Osteoporosis and Osteopenia)
  • วัยหมดประจำเดือน (Menopause)
  • บทนำ

    ยาแคลซิโทนิน (Calcitonin) เป็นฮอร์โมนของร่างกายที่สังเคราะห์ขึ้นจากต่อมไทรอยด์เพื่อควบคุมสมดุลแคลเซียมในเลือดให้เป็นปรกติ โดยการลดระดับแคลเซียมในกระแสเลือดเมื่อระดับแคลเซียมในเลือดสูง โดยการกระตุ้นให้เกิดการสะสมแคลเซียมในกระดูก ซึ่งทำงานตรงข้ามกับพาราไทรอยด์ฮอร์โมน อันเป็นฮอร์โมนที่ทำให้ระดับแคลเซียมกระแสเลือดเพิ่มขึ้นเมื่อระดับแคลเซียมในเลือดต่ำลง

    ฮอร์โมนแคลซิโทนินมีบทบาทในสัตว์หลากหลายชนิด ทั้งสัตว์น้ำ สัตว์เลื้อยคลาน สัตว์ปีก และสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม ด้วยคุณสมบัติของการรักษาสมดุลแคลเซียมของแคลซิโทนินอันเป็นประโยชน์ต่อการเพิ่มระดับแคลเซียมในกระดูก ทำให้มีการนำแคลซิโทนินมาใช้ในทางการ แพทย์และทางเภสัชกรรม เพื่อบรรเทาอาการปวดจากกระดูกหัก หรือผู้ป่วยที่มีภาวะแคลเซียมในเลือดสูง หรือผู้ป่วยโรคพาเจ็ต (Paget’s Disease) ซึ่งเป็นโรคที่ผู้ป่วยมีกระดูกลักษณะคล้ายฟองน้ำคือ มีความอ่อนนุ่มกว่าปรกติและเกิดการโก่งได้ง่าย ในอดีตมีการใช้ยานี้ในโรคกระดูกพรุนในสตรีหลังหมดระดู (ประจำเดือน) (Postmenopausal Osteoporosis) หรือโรคกระดูกพรุน หากทว่ามีหลักฐานทางวิชาการเป็นประจักษ์ว่า การใช้ยานี้ในระยะยาวอาจทำให้ความเสี่ยงการเป็นมะเร็งหรือการเกิดเนื้องอกในภาพรวม (ไม่มีการระบุชนิดโรค) เพิ่มขึ้น ข้อบ่งใช้เพื่อรักษาโรคกระดูกพรุนจึงได้รับการเพิกถอนในประเทศไทยตามคำสั่งกระทรวงสาธารณสุข ในปี พ.ศ. 2557

    แคลซิโทนินในทางเภสัชกรรมปัจจุบันส่วนใหญ่สกัดได้จากปลาแซลมอน จึงเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า แซลคาโทนิน (Salcatonin) ซึ่งมีฤทธิ์สูงกว่าแคลซิโทนินที่ผลิตได้จากมนุษย์

    ปัจจุบันยาแคลซิโทนินจัดอยู่ในกลุ่มยาอันตราย สามารถซื้อได้จากร้านยาภายใต้คำแนะ นำของเภสัชกรหรือจากแพทย์ อย่างไรก็ดี ควรได้รับการตรวจวินิจฉัยจากแพทย์ก่อนใช้ยานี้ในการรักษา และใช้ยานี้ตามคำแนะนำจากแพทย์หรือเภสัชกรอย่างเคร่งครัด

    ยาแคลซิโทนินมีสรรพคุณ (คุณสมบัติ) อย่างไร?

    แคลซิโทนิน

    ยาแคลซิโทนินมีข้อบ่งใช้ในการรักษา/สรรพคุณใช้รักษา

    • โรคพาเจ็ต (Paget’s disease)
    • รักษาผู้ป่วยทีมีภาวะแคลเซียมในเลือดสูงเรื้อรังเช่น ในโรคมะเร็งระยะแพร่กระจายเข้ากระ ดูกหรือโรคมะเร็งบางชนิดเช่น มะเร็งเต้านม มะเร็งปอด

    อนึ่ง: ในอดีตยังเคยมีข้อบ่งใช้เพื่อรักษาโรคกระดูกพรุนในสตรีหลังหมดระดู (ประจำเดือน) ด้วย แต่เนื่องจากเป็นการใช้ระยะยาว และอาจนำมาซึ่งความเสี่ยงในภาพรวมของการเกิดมะเร็งและเนื้องอก จึงถูกเพิกถอนไปจากข้อบ่งใช้

    ยาแคลซิโทนินมีกลไกการออกฤทธิ์อย่างไร?

    บทบาทหรือกลไกการออกฤทธิ์โดยตรงของแคลซิโทนินคือ การลดระดับแคลเซียมในกระแสเลือด และเพิ่มการสะสมของแคลเซียมและฟอตเฟท (Phosphate) ในกระดูก โดยการลดการดูดซึมของแคลเซียมที่ลำไส้เล็ก ยับยั้งการทำงานของเซลล์ออสทิโอคลาสต์ (Osteo clast cell) ซึ่งเป็นเซลล์กระดูกที่ทำหน้าที่สลายกระดูกและเกลือแร่ที่อยู่ในกระดูก กระตุ้นการทำงานของเซลล์ออสทิโอบลาส (Osteoblast cell) ซึ่งทำหน้าที่สร้างเซลล์กระดูกและยับยั้งการทำงานของเซลล์หน่วยไต (อ่านเพิ่มเติมในเว็บ haamor.com บทความเรื่อง ไต) เพื่อไม่ให้เกิดการดูดกลับของแคลเซียมส่งผลให้เกิดการกำจัดแคลเซียมออกจากร่างกายทางปัสสาวะ

    ยาแคลโทนินมีรูปแบบการจัดจำหน่ายอย่างไร?

    ยาแคลซิโทนินมีรูปแบบทางเภสัชกรรม/รูปแบบการจัดจำหน่ายดังนี้เช่น

    • ยาน้ำพ่นจมูก ขนาด 50, 100 และ 200 ยูนิตต่อขนาดพ่นหนึ่งครั้ง
    • ยาฉีด ขนาด 50 และ 100 ยูนิตต่อ 1 มิลลิลิตร

    ยาแคลซิโทนินขนาดและมีวิธีใช้ยาอย่างไร?

    ยาแคลซิโทนินมีขนาดและวิธีใช้ยาสำหรับผู้ใหญ่ดังต่อไปนี้เช่น

    ก. ผู้ป่วยโรคพาเจ็ต: ใช้ในรูปแบบยาฉีดเข้าใต้ผิวหนังหรือฉีดเข้ากล้ามเนื้อ 50 - 100 ยูนิต ทุกๆ 1 - 2 วัน ระยะเวลาการใช้ยาทั่วไปน้อยกว่า 3 เดือน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของแพทย์ผู้ ทำการรักษา ซึ่งอาจพิจารณาระยะเวลาการใช้ยาน้อยกว่าหรือมากกว่า 3 เดือน

    ข. ภาวะแคลเซียมในเลือดสูง (Hypercalcemia): ฉีดเข้าใต้ผิวหนังหรือฉีดเข้ากล้าม เนื้อ ขนาดยา 4 ยูนิตต่อน้ำหนักตัวผู้ป่วย 1 กิโลกรัม ซึ่งแพทย์อาจเพิ่มระดับยาหากผู้ป่วยไม่ตอบสนองต่อการรักษา

    ค. ผู้ป่วยภาวะโรคกระดูกพรุนหลังหมดระดู: ฉีดเข้าใต้ผิวหนังหรือฉีดเข้ากล้ามเนื้อ 100 ยูนิตวันเว้นวัน หรือพ่นจมูก 200 ยูนิตต่อวัน (ทั้งนี้ ข้อบ่งใช้นี้ถูกเพิกถอนจากทะเบียนตำรับใน ประเทศไทยแล้ว การใช้ยาเพื่อวัตถุประสงค์นี้อาจขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของแพทย์ผู้ตรวจรักษาในการใช้ยาในระยะที่เหมาะสม)

    อนึ่ง: สำหรับยานี้ในรูปแบบยาพ่นจมูก แต่ละบริษัทอาจมีความแตกต่างในวิธีการใช้เล็ก น้อย ควรใช้ยานี้ภายใต้คำสั่งแพทย์อย่างเคร่งครัด และได้รับคำแนะนำจากเภสัชกรเรื่องวิธีการ ใช้ยาก่อนการใช้ยา ซึ่งโดยทั่วไปเช่น

    1. นำยาออกจากตู้เย็น พักให้หายเย็น การใช้ยานี้ครั้งแรกของแต่ละบรรจุภัณฑ์ ให้เปิดฝาครอบออก ตั้งขวดแนวตรง ทำการพ่นเปล่าสู่อากาศ โดยกดที่หัวปั๊มจนกว่าจะมีละอองยาออกมาหรือจนกว่าจะมีแถบสีเขียวขึ้น เพื่อแสดงว่ายาพร้อมเริ่มการใช้งาน
    2. เป่าลมออกทางจมูกเบาๆ ก่อนการพ่นยา
    3. ตั้งศีรษะตรง ปิดจมูกข้างหนึ่งไว้ และสอดปลายขวดพ่นเข้าไปในรูจมูกอีกข้างหนึ่ง และพ่นยาโดยตั้งขวดยาแนวตรง
    4. โดยปรกติขนาดในการพ่นคือหนึ่งครั้งต่อหนึ่งวัน ให้เปลี่ยนสลับรูจมูกที่ใช้ในการพ่นในแต่ละวัน
    5. ขวดผลิตภัณฑ์ของบางบริษัทจะมีแถบแสดงถึงจำนวนครั้งที่เหลือใช้ในการพ่น

    ***หมายเหตุ

    • เด็ก: ขนาดยานี้ในเด็กในแต่ละอาการยังไม่มีคำแนะนำที่ชัดเจน ดังนั้นการใช้ยานี้ในเด็ก จึงขึ้นอยู่กับดุลพินิจของแพทย์ผู้รักษา
    • ขนาดยาและระยะเวลาในการใช้ยาที่ระบุในบทความนี้เป็นเพียงตัวอย่างหนึ่งเท่านั้น ไม่สามารถใช้ทดแทนคำสั่งใช้ยาของแพทย์ผู้รักษาได้ การใช้ยาที่เหมาะสมควรต้องปรึกษา แพทย์หรือเภสัชกรก่อนเสมอ

    เมื่อมีการสั่งยาควรแจ้งแพทย์/พยาบาลและเภสัชกรอย่างไร?

    เมื่อมีการสั่งยาทุกชนิดที่รวมถึงยาแคลซิโทนิน ควรแจ้งแพทย์/พยาบาลและเภสัชกรดังนี้

    • ประวัติการแพ้ยาทุกชนิดโดยเฉพาะประวัติการแพ้ยาแคลซิโทนิน ประวัติการแพ้ปลาโดย เฉพาะปลาแซลมอน
    • โรคประจำตัวต่างๆรวมถึงยาที่กำลังใช้อยู่ในปัจจุบัน ทั้งยาที่แพทย์สั่งจ่ายและยาที่ซื้อทานเองรวมถึงวิตามิน เกลือแร่ ผลิตถัณฑ์เสริมอาหาร สมุนไพร
    • การตั้งครรภ์ สตรีที่วางแผนจะตั้งครรภ์ หรือให้นมบุตร
    • กรณียาพ่นจมูก: ควรแจ้งว่ามีภาวะของโรคที่จมูกเช่น จมูกได้รับบาดเจ็บหรือกำลังมีการอักเสบ

    ***อนึ่ง: การใช้ยานี้ทั้งในรูปแบบยาพ่นและยาฉีด แพทย์อาจสั่งจ่ายร่วมกับยาแคลเซียมเช่น Calcium carbonate เพื่อให้แน่ใจว่าผู้ป่วยจะได้รับแคลเซียมเพียงพอ

    หากลืมบริหารยาควรทำอย่างไร?

    หากลืมบริหารยา/ใช้ยาแคลซิโทนินสามารถบริหารยาทันทีที่นึกขึ้นได้ หากใกล้เวลาสำ หรับการบริหารยาครั้งถัดไป ให้ข้ามไป โดยไม่ต้องเพิ่มขนาดยาเป็น 2 เท่าในครั้งถัดไป

    ยาแคลซิโทนินมีผลไม่พึงประสงค์อย่างไร?

    ยาแคลซิโทนินอาจก่อให้เกิดผล/อาการไม่พึงประสงค์ (ผลข้างเคียง) บางประการ โดย หากใช้ยานี้และมีอาการปวดศีรษะ มีน้ำมูกไหล หรือคัดจมูก โดยอาการเหล่านี้เกิดอย่างต่อเนื่อง และไม่ทุเลาลง ควรปรึกษาแพทย์/ไปโรงพยาบาล

    หากมีอาการแพ้ยาอาทิ เกิดผื่นคันขึ้น แน่นหน้าอก หายใจไม่สะดวก/หายใจลำบาก เกิดการบวมของริมฝีปาก ใบหน้า ลิ้น หรือเปลือกตา/หนังตา ให้หยุดใช้ยาและรีบพบแพทย์/ไปโรง พยาบาลโดยทันที

    มีข้อควรระวังการใช้ยาแคลซิโทนินอย่างไร?

    มีข้อควรระวังการใช้ยาแคลซิโทนินดังนี้เช่น

    • ห้ามใช้ยานี้กับผู้ป่วยที่แพ้ยานี้หรือแพ้ส่วนประกอบของยานี้
    • การใช้ยานี้ในสตรีตั้งครรภ์หรือให้นมบุตรควรได้รับคำแนะนำจากแพทย์ผู้รักษาก่อนการใช้ยานี้
    • ห้ามแบ่งยาให้ผู้อื่นใช้
    • ห้ามใช้ยาหมดอายุ
    • ห้ามเก็บยาหมดอายุ

    ***** อนึ่ง :

    ทุกคนต้องตระหนักถึงความปลอดภัยจากการใช้ ”ยา” ที่รวมถึงยาแผนปัจจุบันทุกชนิด (รวม ยาแคลซิโทนินด้วย) ยาแผนโบราณทุกชนิดและสมุนไพรต่างๆเสมอ เพราะยามีทั้งให้คุณและให้โทษ ดังนั้นเมื่อมีการใช้ยาทุกชนิดควรต้องปฏิบัติตามข้อปฏิบัติพื้นฐานในการใช้ยาทุกชนิดเสมอ (อ่านเพิ่มเติมได้ในเว็บ haamor.com บทความเรื่อง ข้อปฏิบัติพื้นฐานในการใช้ยาทุกชนิด) รวม ทั้งควรต้องปรึกษาเภสัชกรประจำร้านขายยาก่อนซื้อยาใช้เองเสมอด้วยเช่นกัน

    ยาแคลซิโทนินมีปฏิกิริยาระหว่างยากับยาตัวอื่นอย่างไร?

    ปฏิกิริยาระหว่างยาแคลซิโทนินกับยาอื่นนั้นยังไม่มีหลักฐานอันเป็นที่ประจักษ์ อย่างไรก็ดี พบว่ายาแคลซิโทนินมีส่วนทำให้ระดับยาลิเทียม (Lithium) ซึ่งเป็นยาที่ใช้ในการรักษาผู้ป่วยโรคอารมณ์สองขั้ว (Bipolar) มีระดับที่ลดลงซึ่งอาจมีผลกระทบต่อประสิทธิภาพของยาลิเทียม

    รวมถึงระหว่างใช้ยานี้ควรหลีกเลี่ยงเครื่องดื่มจำพวกแอลกอฮอล์ ซึ่งอาจทำให้ความเสี่ยงโรคกระดูกพรุนเพิ่มขึ้น

    ควรเก็บรักษายาแคลซิโทนินอย่างไร?

    ยาแคลซิโทนินทั้งรูปแบบยาฉีดและยาน้ำพ่นจมูก ควรเก็บในตู้เย็นอุณหภูมิระหว่าง 2 - 8 องศาเซลเซียส (Celsius) ห้ามเก็บยาในช่องแช่แข็งของตู้เย็น

    สำหรับยาน้ำพ่นจมูกควรวางในลักษณะตั้งตรง หันปลายภาชนะขึ้น และภายหลังการเปิดใช้ครั้งแรกสามารถเก็บยาที่อุณหภูมิ 15 - 30 องศาเซลเซียสได้นาน 35 วัน

    อนึ่ง ยาทุกชนิดควรเก็บในภาชนะที่ปิดมิดชิด ไม่เก็บยาในที่ชื้น เก็บยาให้พ้นแสงแดด และเก็บยาให้พ้นมือเด็กและสัตว์เลี้ยง

    ยาแคลซิโทนินมีชื่ออื่นอีกไหม? ผลิตจากบริษัทอะไรบ้าง?

    ยาแคลซิโทนินมียาชื่อการค้าอื่นและบริษัทที่ผลิตหรือจัดจำหน่ายในประเทศไทยดังต่อ ไปนี้

    ชื่อการค้า บริษัทผู้ผลิต
    ไมอะแคลสิก (Miacalcic) บริษัท โนวาร์ตีส (ประเทศไทย) จำกัด
    แคลโตนิน (Caltonin) บริษัท สหแพทย์เภสัช จำกัด
    มายแคลซิน (Mycalcin) / มายแคลซิโทนิน (Mycalcitonin) บริษัท โรงงานเภสัชกรม เกร๊ทเตอร์ฟาร์ม่า จำกัด
    แคลโค (Calco) บริษัท เอส.พี.บี. ฟาร์มา จำกัด
    แคลซีเท็น (Calci-10) บริษัท เบอร์ลี่ยุคเกร์ จำกัด (มหาชน)
    แซลโมซิน (Salmocin) บริษัท เมก้า ไลฟ์ไซแอ็นช์ จำกัด (มหาชน)
    ออโธเนส (Othonase) บริษัท แคสฟ้า ฟาร์มาซูติคอล (ประเทศไทย) จำกัด
    คาโดติน (cadotin) บริษัท ยูเนียนเมดดิคอล (ประเทศไทย) จำกัด

    บรรณานุกรม

    1. American Pharmacists Association, Calcitonin, Drug Information Handbook with International Trade Names. 23;2014:317-318.
    2. Drugs for postmenopausal osteoporosis (2011). Treatment Guidelines From The Medical Letter, 9(111): 67–74.
    3. คำสั่งกระทรวงสาธารณสุข ที่ 1113/2557 เรื่อง แก้ไขทะเบียนตำหรับยาที่มีแคลซิโทนิน (Calcitonin) เป็นส่วนประกอบ
    4. FDA Panel says to stop marketing salmon calcitonin for osteoporosis.
    5. http://www.medscape.com/viewarticle/780323[2015,May16]
    6. MIACALCIC (salcatonin) Drug Information Leaflet. Novatis. October 18, 2013.
    7. Boron WF, Boulpaep EL (2004). Endocrine system chapter". Medical Physiology: A Cellular And Molecular Approach. Elsevier/Saunders.
    8. http://wwwapp1.fda.moph.go.th/consumer/conframe.asp[2015,May16]
    9. U.S. Food and Drug Administration. Questions and Answers: Changes to the Indicated Population for Miacalcin (calcitonin-salmon). http://www.fda.gov/Drugs/DrugSafety/PostmarketDrugSafetyInformationforPatientsandProviders/ucm388641.htm [2015,May16]
    10. Calcimar® Solution. Product Monograph. sanofi-aventis Canada Inc. April 15, 2014.