เลวอร์ฟานอล (Levorphanol)

สารบัญ บทความที่เกี่ยวข้อง

บทนำ

ยาเลวอร์ฟานอล (Levorphanol หรือ Levorphanol tartrate)เป็นยาประเภทโอปิออยด์(Opiod) ทางคลินิกนำมาใช้บำบัดอาการปวดตั้งแต่ความรุนปวดระดับปานกลางไปจนกระทั่งปวดแบบรุนแรง ยานี้เป็นที่รู้จักในวงการแพทย์ตั้งแต่ปี ค.ศ.1948 (พ.ศ.2491) โดยใช้เป็นยาระงับอาการปวดเหมือนกับยามอร์ฟีน(Morphine) รูปแบบเภสัชภัณฑ์ของยาชนิดนี้มีทั้งยารับประทาน และยาฉีด กรณียารับประทาน ตัวยานี้สามารถถูกดูดซึม จากระบบทางเดินอาหารได้ประมาณ 70% ตับเป็นอวัยวะที่คอยทำลายยานี้อย่างต่อเนื่อง ร่างกายต้องใช้เวลาประมาณ 11–16 ชั่วโมง เพื่อกำจัดยานี้ออกจากกระแสเลือด

ตัวยาเลวอร์ฟานอลจะออกฤทธิ์ที่สมองตลอดจนถึงไขสันหลังและจัดเป็นยาแก้ปวดที่มีฤทธิ์เป็นยาเสพติด เพื่อลดภาวการณ์ติดยาเลวอร์ฟานอล ผู้ป่วยจำเป็นต้องใช้ยานี้ตามคำสั่งแพทย์เท่านั้น

ข้อห้ามและข้อจำกัดของการใช้ยาเลวอร์ฟานอลที่ผู้บริโภค/ผู้ป่วยควรทราบมีดังนี้ เช่น

  • ห้ามใช้กับผู้ที่มีประวัติแพ้ยาชนิดนี้
  • ห้ามใช้ร่วมกับยากลุ่ม MAOI, กลุ่มยา Narcotic agonist (Opioid agonist) หรือ Sodium oxybate ด้วยการใช้ยาร่วมกัน จะนำมาซึ่งภาวะยาตีกัน(ปฏิกิริยาระหว่างยา)
  • ห้ามใช้ยานี้ขณะที่ผู้ป่วยต้องเข้ารับการผ่าตัด
  • ห้ามใช้กับผู้ป่วย หอบหืด ผู้ที่มีอาการท้องเสียรุนแรงเหตุจากยาปฏิชีวนะ ด้วยตัวยาชนิดนี้สามารถทำให้อาการป่วยดังกล่าวทวีความรุนแรงเพิ่มขึ้น
  • ห้ามใช้กับสตรีมีครรภ์/ตั้งครรภ์ สตรีในภาวะให้นมบุตร ทั้งนี้เพื่อป้องกันการส่งผ่านยานี้ไปยังทารก
  • ห้ามใช้กับผู้ป่วยที่มีประวัติชอบทำร้ายตัวเอง หรือมีประวัติคลุ้มคลั่ง เพราะยานี้อาจกระตุ้นให้อาการดังกล่าวกลับมาเป็นใหม่
  • ห้ามรับประทานยานี้ร่วมกับเครื่องดื่มประเภทแอลกอฮอล์ ด้วยจะทำให้เกิดอาการวิงเวียนและง่วงนอนอย่างรุนแรง
  • ห้ามรับประทานยานี้เกินคำสั่งแพทย์ *การรับประทานยานี้เกินขนาดจะเสี่ยงต่อภาวะความดันโลหิตต่ำ มีอาการหลับลึก หมดสติ หัวใจเต้นช้า อัตราการหายใจช้าลง
  • ห้ามใช้กับผู้ที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี ด้วยยังไม่มีข้อสรุปถึงความปลอดภัยของการ ใช้ยานี้กับผู้ที่มีอายุในกลุ่มนี้

ยาเลวอร์ฟานอลยังสามารถก่อผลข้างเคียงต่อระบบอวัยวะต่างๆของร่างกายได้เช่นเดียวกับยาอื่นๆ อาจยกตัวอย่างผลข้างเคียงที่ดูจะรุนแรง ก่อความรำคาญ และอาจทำให้ผู้ป่วยเสียชีวิตได้ เช่น

  • กดการหายใจของร่างกายเนื่องจากตัวยาชนิดนี้มีฤทธิ์ลดการตอบสนองของ ก้านสมองที่เป็นสมองส่วนควบคุมการหายใจ
  • ลดการเคลื่อนไหวของกระเพาะอาหารและลำไส้ ทำให้การย่อยอาหารต้องใช้เวลามากขึ้น ตลอดจนทำให้ลำไส้ใหญ่ลดการบีบตัวจึงเกิดอาการท้องผูกตามมา
  • ยานี้จะทำให้หลอดเลือดส่วนปลาย(หลอดเลือดแขน ขา)ขยายตัว จึงส่งผลให้มีภาวะความดันโลหิตต่ำตามมา

ดังนั้น อาจกล่าวได้ว่ายานี้เป็นยาที่ก่อให้เกิดอันตรายต่อร่างกายได้มากมาย การใช้ยาเลวอร์ฟานอลจึงต้องเป็นไปตามคำสั่งแพทย์เท่านั้น หากผู้บริโภคมีคำถามเพิ่มเติมเกี่ยวกับการใช้ยานี้ สามารถสอบถามข้อมูลการใช้ยานี้ได้จากแพทย์หรือจากเภสัชกรในสถานพยาบาลที่นำผู้ป่วยเข้ารับการรักษา

เลวอร์ฟานอลมีสรรพคุณ(คุณสมบัติ)อย่างไร?

เลวอร์ฟานอล

ยาเลวอร์ฟานอล มีสรรพคุณ/ข้อบ่งใช้ เช่น

  • บำบัดอาการปวด ตั้งแต่ปวดในระดับปานกลาง-ระดับรุนแรง
  • ใช้เป็นยาช่วยสงบประสาท/ยากล่อมประสาท

เลวอร์ฟานอลมีกลไกการออกฤทธิ์อย่างไร?

ตัวยาเลวอร์ฟานอลจะออกฤทธิ์ต่อสมองและไขสันหลัง ทำให้เกิดการปรับเปลี่ยน ความรู้สึก การรับรู้ ตลอดจนปรับลดอาการเจ็บปวดของร่างกาย ด้วยกลไกนี้เอง จึงก่อให้เกิดฤทธิ์ของการรักษาได้ตามสรรพคุณ

เลวอร์ฟานอลมีรูปแบบการจัดจำหน่ายอย่างไร?

ยาเลวอร์ฟานอลมีรูปแบบการจัดจำหน่าย เช่น

  • ยาฉีด ที่ประกอบด้วยตัวยา Levorphanol ขนาด 2 มิลลิกรัม/มิลลิลิตร
  • ยาเม็ดชนิดรับประทาน ที่ประกอบด้วยตัวยา Levorphanol ขนาด 2 มิลลิกรัม/เม็ด

เลวอร์ฟานอลมีขนาดการบริหารยาอย่างไร?

ยาเลวอร์ฟานอล มีขนาดการบริหารยา/ใช้ยา สำหรับระงับอาการปวด เช่น

  • ผู้อายุตั้งแต่ 18 ปีขึ้นไป: ฉีดยาเข้าหลอดเลือดดำ 1 มิลลิกรัม ทุกๆ 3–6 ชั่วโมง เท่าที่จำเป็น หรือฉีดยาเข้ากล้ามเนื้อ หรือฉีดเข้าใต้ผิวหนัง 1–2 มิลลิกรัม ทุก 6–8 ชั่วโมง หรือรับประทานยาขนาด 2 มิลลิกรัม ทุกๆ 6–8 ชั่วโมง ทั้งนี้การจะเลือกใช้ยารูปแบบใดและขนาดยา ต้องเป็นไปตามคำสั่งแพทย์ และในบางกรณี แพทย์อาจปรับเพิ่มขนาดรับประทานเป็น 3 มิลลิกรัม ทุกๆ 6–8 ชั่วโมง
  • ผู้อายุต่ำกว่า 18 ปี: ยังไม่มีข้อมูลด้านความปลอดภัยในการใช้ยานี้

อนึ่ง:

  • การปรับขนาดการใช้ยา แพทย์จะพิจารณาจากความรุนแรงของ อาการปวด อายุ น้ำหนักตัว ตลอดจนสภาพร่างกาย ของผู้ป่วย ว่ามีโรคประจำตัว อย่างเช่น โรคไต โรคตับ ร่วมด้วยหรือไม่

*****หมายเหตุ: ขนาดยาและระยะเวลาในการใช้ยาที่ระบุในบทความนี้เป็นเพียงตัวอย่างหนึ่งเท่านั้น ไม่สามารถใช้ทดแทนคำสั่งใช้ยาของแพทย์ได้ การใช้ยาที่เหมาะสม ควรต้องปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรก่อนเสมอ

เมื่อมีการสั่งยาควรแจ้งแพทย์/พยาบาลและเภสัชกรอย่างไร?

เมื่อมีการสั่งยาทุกชนิดรวมยาเลวอร์ฟานอล ผู้ป่วยควรแจ้งแพทย์/พยาบาล และเภสัชกร ดังนี้

  • ประวัติแพ้ยาทุกชนิด เช่น กินยา/ใช้ยาแล้ว คลื่นไส้มาก ขึ้นผื่น หรือ แน่นหายใจติดขัด/หายใจลำบาก
  • มีโรคประจำตัวต่างๆ อย่างเช่น โรคตับ โรคไต โรคความดันโลหิตสูง โรคความดันโลหิตต่ำ โรคจิตประสาท/โรคทางจิตเวช รวมทั้งกำลังกินยา/ใช้ยาอะไรอยู่เพราะยาเลวอร์ฟานอล อาจส่งผลให้อาการของโรคเหล่านั้นรุนแรงขึ้น หรืออาจเกิดปฏิกิริยาระหว่างยากับยาอื่นๆที่กิน/ที่ใช้อยู่ก่อน
  • หากเป็นสุภาพสตรีควรแจ้งว่าอยู่ในภาวะตั้งครรภ์ หรือ กำลังให้นมบุตร เพราะยาหลายประเภทสามารถผ่านทางน้ำนมหรือรก และเข้าสู่ทารกจนก่อให้เกิดผลข้างเคียงได้

หากลืมรับประทานยาควรทำอย่างไร?

หากลืมรับประทานยาเลวอร์ฟานอล สามารถรับประทานเมื่อนึกขึ้นได้ ถ้าเวลาใกล้เคียงกับการรับประทานยาในมื้อถัดไป ไม่จำเป็นต้องเพิ่มปริมาณยาเป็น 2เท่า ให้รับประทานยาที่ขนาดปกติ

แต่อย่างไรก็ตาม การลืมรับประทานยาเลวอร์ฟานอล อาจก่อให้เกิดอาการปวดที่รุนแรงตามมา

เลวอร์ฟานอลมีผลไม่พึงประสงค์อย่างไร?

ยาเลวอร์ฟานอลสามารถก่อให้เกิด ผลไม่พึงประสงค์จากยา (ผลข้างเคียง/อาการข้างเคียง) ต่อระบบอวัยวะต่างๆของร่างกาย ดังนี้ เช่น

  • ผลต่อระบบประสาท: เช่น อาจทำให้มีอาการทางจิตเวชในผู้ป่วยบางราย กดการทำงานของศูนย์ควบคุมการหายใจ/ก้านสมอง อาจมีความจำเสื่อม ง่วงนอน วิงเวียน
  • ผลต่อระบบหัวใจและหลอดเลือด: เช่น อาจพบอาการหัวใจเต้นผิดจังหวะตลอดจนเกิดความดันโลหิตต่ำ
  • ผลต่อระบบทางเดินอาหาร: เช่น คลื่นไส้อาเจียน ท้องผูก
  • ผลต่อระบบทางเดินปัสสาวะ: เช่น ปัสสาวะขัด
  • ผลต่อผิวหนัง: เช่น อาจเกิดผื่นคันตามผิวหนัง

มีข้อควรระวังการใช้เลวอร์ฟานอลอย่างไร?

มีข้อควรระวังการใช้ยาเลวอร์ฟานอล เช่น

  • ห้ามใช้กับผู้ที่แพ้ยานี้
  • ห้ามใช้ยานี้กับ สตรีมีครรภ์ สตรีในภาวะให้นมบุตร และเด็ก
  • ห้ามปรับขนาดการใช้ยานี้ด้วยตนเอง และใช้ยาตามที่แพทย์แนะนำ
  • ห้ามใช้ยาที่มีสภาพเปลี่ยนไปจากเดิม เช่น เม็ดยาแตกหัก
  • ห้ามใช้ยานี้นานเกินคำสั่งแพทย์
  • ห้ามแบ่งยาให้ผู้อื่นใช้
  • ห้ามใช้ยาหมดอายุ
  • ห้ามเก็บยาหมดอายุ

***** อนึ่ง ทุกคนต้องตระหนักถึงความปลอดภัยจากการใช้ ”ยา”ที่รวมถึง ยาแผนปัจจุบันทุกชนิด(รวมยาเลวอร์ฟานอลด้วย) ยาแผนโบราณ อาหารเสริม ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ทุกชนิด และสมุนไพรต่างๆ เพราะยามีทั้งให้คุณและให้โทษ ดังนั้นเมื่อมีการใช้ยาทุกครั้งควรต้องปฏิบัติตามข้อปฏิบัติพื้นฐานในการใช้ยาทุกชนิด(อ่านเพิ่มเติมได้ในเว็บ haamor.com บทความเรื่อง ข้อปฏิบัติพื้นฐานในการใช้ยาทุกชนิด) รวมทั้งควรต้องปรึกษาเภสัชกรประจำร้านขายยาก่อนซื้อยาใช้เองเสมอ

เลวอร์ฟานอลมีปฏิกิริยาระหว่างยากับยาตัวอื่นอย่างไร?

ยาเลวอร์ฟานอลมีปฏิกิริยาระหว่างยากับยาตัวอื่น เช่น

  • ห้ามใช้ยาเลวอร์ฟานอลร่วมกับยา Chlordiazepoxide , Phenobarbital, ด้วยจะก่อให้เกิดภาวะกดการหายใจ เกิดอาการโคม่า จนอาจทำให้เสียชีวิตในที่สุด
  • ห้ามใช้ยาเลวอร์ฟานอลร่วมกับยา Bupropion , Tramadol, ด้วยจะเป็นเหตุให้ เกิดอาการชักได้ง่ายมากขึ้น
  • ห้ามใช้ยาเลวอร์ฟานอลร่วมกับการดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์เป็นส่วนประกอบเพราะจะก่อให้เกิดอาการ วิงเวียน ง่วงนอน ความดันโลหิตต่ำ อย่างรุนแรงตามมา
  • หลีกเลี่ยงการใช้ยาเลวอร์ฟานอลร่วมกับยา Dextromethorphan ด้วยจะทำให้ ผู้ป่วยได้รับอาการข้างเคียงจากการใช้ยาร่วมกันมากขึ้น เช่น วิงเวียน ง่วงนอน รู้สึกสับสน การครองสติทำได้ลำบาก

ควรเก็บรักษาเลวอร์ฟานอลอย่างไร?

ควรเก็บยาเลวอร์ฟานอล ภายใต้คำแนะนำของเอกสารกำกับยา ห้ามเก็บยาในช่องแช่แข็งตู้เย็น เก็บยาให้พ้นมือเด็กและสัตว์เลี้ยง ไม่เก็บยาในห้องน้ำหรือในรถยนต์ และเก็บยาในภาชนะที่ปิดมิดชิด พ้นแสง/แสงแดด ความร้อนและความชื้น

เลวอร์ฟานอลมีชื่ออื่นอีกไหม? ผลิตจากบริษัทอะไรบ้าง?

ยาเลวอร์ฟานอล มียาชื่อการค้า และบริษัทผู้ผลิต เช่น

ชื่อการค้าบริษัทผู้ผลิต
Levo-dromoran (เลโว-โดรโมแรน)ICN Pharmaceuticals Inc

บรรณานุกรม

  1. https://en.wikipedia.org/wiki/Levorphanol[2017,Sept16]
  2. https://www.drugs.com/cdi/levorphanol.html[2017,Sept16]
  3. https://www.drugs.com/sfx/levorphanol-side-effects.html[2017,Sept16]
  4. https://www.drugbank.ca/drugs/DB00854[2017,Sept16]
  5. https://www.drugs.com/drug-interactions/levorphanol,levo-dromoran-index.html?filter=3&generic_only=[2017,Sept16]