เรื่องของถุงยางชาย (ตอนที่ 2)
- โดย วันทนีย์ โลหะประกิตกุล
- 19 พฤศจิกายน 2561
- Tweet
ถุงยางอนามัยชาย (Male condom) มีลักษณะบาง ใช้สวมใส่ที่อวัยวะเพศชาย เพื่อป้องกันตัวเองและคู่สัมพันธ์จากโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ (Sexually transmitted infections = STIs) เช่น โรคหนองใน (Gonorrhea) การติดเชื้อแคลมีเดีย (Chlamydia) การติดเชื้อเฮชไอวี (HIV) และการตั้งครรภ์ที่ไม่พึงประสงค์
ถุงยางอนามัยส่วนใหญ่ทำจากน้ำยางธรรมชาติ (Latex) แต่ก็มีบางส่วนที่ทำจากพอลิยูรีเทน (Polyurethane) พอลิไอโซพรีน (Polyisoprene) หรือ หนังลูกแกะ (Lambskin)
ถุงยางอนามัยชายใช้ง่าย ราคาไม่แพง และหาซื้อได้ง่าย มีทั้งที่มีส่วนผสมของสารหล่อลื่นหรือไม่มีสารหล่อลื่น และมีหลากหลายขนาด รูปร่าง และสีสัน ทั้งยังมีส่วนผสมเพื่อเพิ่มความรู้สึกให้มากขึ้น และไม่มีปัญหาเรื่องผลข้างเคียงเหมือนที่พบในการใช้คุมกำเนิดของผู้หญิง (Female contraception) เช่น ยาเม็ดหรือยาฉีดคุมกำเนิด การใส่ห่วงคุมกำเนิด (Intrauterine device = IUD)
โดยทั่วไปการใช้ถุงยางอนามัยชายจะปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ แต่อาจมีร้อยละ 2 ที่ผู้หญิงอาจตั้งครรภ์ได้แม้จะมีการใช้ถุงยางอนามัยที่ถูกต้อง อย่างไรก็ดี มีบางอย่างที่ต้องระวัง กล่าวคือ
- ถุงยางอนามัยอาจกระตุ้นให้เกิดการแพ้ยางธรรมชาติ (Latex allergy) ซึ่งจะมีผื่นแดง เป็นลมพิษ (Hives) น้ำมูกไหล (Runny nose) และในกรณีที่ร้ายแรงอาจทำให้ทางเดินหายใจอุดตัน ควบคุมความดันโลหิตไม่ได้ ดังนั้น ถ้ามีการแพ้ยางธรรมชาติ ให้หลีกเลี่ยงไปใช้พอลิยูเรเทนหรือหนังลูกแกะแทน
- ถุงยางอนามัยไม่ได้ป้องกันได้หมด เพราะยังมีความเสี่ยงในการติดเชื้อโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์หรือตั้งครรภ์ได้กรณีที่ถุงยางอนามัยมีการแตกระหว่างที่มีเพศสัมพันธ์
ความพอดีของขนาดถุงยางอนามัยเป็นเรื่องสำคัญ เพราะหากรัดเกินไปก็มักจะแตกได้ง่าย แต่หากหลวมเกินไปก็อาจหลุด ผู้ชายบางคนอาจพบว่าถุงยางอนามัยทำให้ความรู้สึกลดลงหรือไม่สบายที่จะสวม
ถุงยางอนามัยบางชนิดจะเคลือบด้วยสาร Nonoxynol-9 ซึ่งเป็นสารที่นิยมใช้ทำเป็นยาฆ่าอสุจิ (Spermicide) เพื่อป้องกันการตั้งครรภ์ อย่างไรก็ดี ไม่แนะนำให้ใช้ถุงยางอนามัยที่เคลือบด้วยยาฆ่าอสุจิ เพราะ
- ถุงยางอนามัยที่เคลือบด้วยยาฆ่าอสุจิไม่ได้มีประสิทธิภาพที่ดีกว่าในเรื่องของการป้องกันการตั้งครรภ์
- สาร Nonoxynol-9 อาจทำให้ผิวหนังระคายเคืองและทำลายเซลล์ที่อยู่ในช่องคลอด (Vagina) หรือทวารหนัก (Rectum) ซึ่งกลายเป็นการเพิ่มความเสี่ยงในการติดเชื้อโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์
- ยาฆ่าอสุจิไม่สามารถป้องกันการติดเชื้อเฮชไอวี เชื้อเอดส์ หรือการติดเชื้อโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์
- ยาฆ่าอสุจิมีราคาแพงและมีอายุการใช้งานที่สั้นกว่าถุงยางอนามัยอื่น
สำหรับสาเหตุที่ถุงยางอนามัยเลื่อนหลุดหรือแตก เช่น
- ใส่ถุงยางอนามัยไม่ถูกต้อง
- ฉีกขาดเพราะโดนเล็บหรือเครื่องประดับเกี่ยว
- ไม่มีความชุ่มชื้นพอระหว่างการมีเพศสัมพันธ์
- ยางขาดความยืดหยุ่นเพราะเก็บในที่อุ่น เช่น กระเป๋ากางเกง
- ใช้ถุงยางอนามัยที่หมดอายุ
- อยู่ระหว่างการใช้ยารักษาเชื้อรา เช่น ยา Clotrimazole ที่มีผลทำลายยางธรรมชาติ
แหล่งข้อมูล:
- Male condoms. https://www.mayoclinic.org/tests-procedures/condoms/about/pac-20385063 [2018, November 18].
- Condoms. http://www.familyplanning.org.nz/advice/contraception/condoms [2018, November 18].
- Condoms. https://www.nhs.uk/conditions/contraception/male-condoms/ [2018, November 18].