เมโทคาร์บามอล (Methocarbamol)
- โดย เภสัชกร อภัย ราษฎรวิจิตร
- 10 เมษายน 2561
- Tweet
- บทนำ
- เมโทคาร์บามอลมีสรรพคุณ(คุณสมบัติ)อย่างไร?
- เมโทคาร์บามอลมีกลไกการออกฤทธิ์อย่างไร?
- เมโทคาร์บามอลมีรูปแบบการจัดจำหน่ายอย่างไร?
- เมโทคาร์บามอลมีขนาดการบริหารยาอย่างไร?
- เมื่อมีการสั่งยา ควรแจ้งแพทย์/พยาบาล และเภสัชกรอย่างไร?
- หากลืมรับประทานยาควรทำอย่างไร?
- เมโทคาร์บามอลมีผลไม่พึงประสงค์อย่างไร?
- มีข้อควรระวังการใช้เมโทคาร์บามอลอย่างไร?
- เมโทคาร์บามอลมีปฏิกิริยาระหว่างยากับยาตัวอื่นอย่างไร?
- ควรเก็บรักษาเมโทคาร์บามอลอย่างไร?
- เมโทคาร์บามอลมีชื่ออื่นอีกไหม?ผลิตจากบริษัทอะไรบ้าง?
- บรรณานุกรม
- ยารักษาโรค (Pharmaceutical drug)
- ข้อปฏิบัติพื้นฐานในการใช้ยาทุกชนิด
- ยาคลายกล้ามเนื้อ (Muscle relaxants drugs)
- โรคกล้ามเนื้อ โรคระบบกล้ามเนื้อ (Muscle disease)
- กลุ่มยาแก้ปวดและยาพาราเซตามอล (Analgesics and Paracetamol)
- บาดทะยัก (Tetanus)
- ตะคริว (Muscle cramp)
บทนำ
ยาเมโทคาร์บามอล(Methocarbamol) เป็นยาที่มีฤทธิ์เป็นยาคลายกล้ามเนื้อ ทางคลินิกใช้บำบัดรักษาอาการหดเกร็งตัวของกล้ามเนื้อลาย และวางจำหน่ายภายใต้ยาชื่อการค้าว่า “Robaxin” เป็นครั้งแรก ยานี้มีฤทธิ์ปิดกั้นการนำกระแสประสาทหรือนำความรู้สึกเจ็บ/ปวดไปยังสมองของผู้ป่วย การใช้ยานี้ได้สัมฤทธิ์ผลจะต้องอาศัยการพักผ่อนอย่างเพียงพอพร้อมกับทำกายภาพบำบัดอย่างถูกต้องเหมาะสมจึงจะช่วยให้กล้ามเนื้อผ่อนคลายและฟื้นสภาพได้เร็วยิ่งขึ้น ขนาดรับประทานโดยทั่วไปของยานี้อยู่ที่ 3–6 กรัม/วัน แต่สำหรับการช่วยเหลือบำบัดรักษาอาการกล้ามเนื้อหดเกร็งในผู้ป่วยโรคบาดทะยัก แพทย์อาจใช้ขนาดยานี้สูงสุดถึง 24 กรัม/วัน
ในตลาดยา ยังพบว่า ยาเมโทคาร์บามอลสามารถนำไปผสมกับยาAcetaminophen หรือ Paracetamol และจำหน่ายภายใต้ชื่อการค้าว่า “Robaxacet และ Tylenol Body Pain Night” ขณะที่ “Robax platinum” เป็นชื่อการค้าของยาเมโทคาร์บามอลกับยาIbuprofen และ “Robaxisal” เป็นชื่อการค้าของสูตรผสมระหว่างเมโทคาร์บามอลกับยาAspirin
รูปแบบเภสัชภัณฑ์ของยาเมโทคาร์บามอล มีทั้งแบบรับประทานและยาฉีด ซึ่งมีวัตถุประสงค์การใช้แตกต่างกัน โดยแบบรับประทานจะใช้คลายกล้ามเนื้อเพื่อระงับอาการปวด ผู้ป่วยสามารถนำกลับมารับประทานที่บ้านได้ แต่รูปแบบยาฉีดมักใช้กับกรณีอาการหดเกร็งตัวของกล้ามเนื้อในผู้ป่วยโรคบาดทะยักซึ่งต้องอาศัยความรวดเร็วเพื่อบำบัดรักษาและช่วยชีวิตผู้ป่วย
ตัวยาเมโทคาร์บามอลสามารถอยู่ในร่างกายได้ยาวนานประมาณ 1.14–1.24 ชั่วโมงก่อนที่จะถูกตับทำลายโครงสร้างของตัวยาและขับทิ้งไปกับปัสสาวะ
ข้อจำกัดของยาเมโทคาร์บามอลในการใช้กับผู้ป่วยนั้นมีเงื่อนไขดังต่อไปนี้ เช่น
- ห้ามใช้ยานี้กับผู้ป่วยโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง ผู้ป่วยในภาวะโคม่า ผู้ป่วยโรคไต ผู้ที่มีบาดแผลที่สมอง ผู้ป่วยโรคลมชักหรือมีประวัติเป็นลมชัก
- ห้ามใช้กับผู้ที่แพ้ยาชนิดนี้
- ยาเมโทคาร์บามอลสามารถรบกวน สมาธิ ความคิดของผู้ป่วย ขณะได้รับยานี้ จึงควรเลี่ยงการขับขี่ยวดยานพาหนะใดๆ และ/หรือการทำงานกับเครื่องจักร ด้วยจะส่งผลให้เกิดอุบัติเหตุได้ง่าย
- ห้ามรับประทานยานี้พร้อมสุรา ด้วยจะเกิดอาการวิงเวียนมากขึ้น
- หลีกเลี่ยงการใช้ยานี้กับสตรีมีครรภ์/ตั้งครรภ์ และสตรีในภาวะให้นมบุตร
- ห้ามใช้ยาชนิดอื่นร่วมกับยาเมโทคาร์บามอลโดยไม่มีคำสั่งจากแพทย์ ทั้งนี้เพื่อหลีกเลี่ยงภาวะยาตีกัน/ปฏิกิริยาระหว่างยา
ในประเทศไทยโดยคณะกรรมการอาหารและยา ได้กำหนดให้ยาเมโทคาร์บามอลเป็นยาอันตรายที่ต้องใช้ภายใต้การดูแลของแพทย์ ทั้งนี้เราสามารถพบเห็นการใช้ยาเมโทคาร์บามอลได้ตามสถานพยาบาลทั้งของรัฐ-เอกชน และมีจำหน่ายตามร้านขายยาทั่วไป
เมโทคาร์บามอลมีสรรพคุณ(คุณสมบัติ)อย่างไร?
ยาเมโทคาร์บามอล มีสรรพคุณ/ข้อบ่งใช้ เช่น
- เป็นยาคลายกล้ามเนื้อ บรรเทาอาการปวดจากการหดเกร็งของกล้ามเนื้อลาย
- รักษาการอักเสบที่ข้อไหล่ และและกระดูกสันหลังอักเสบ
- บำบัดการเป็นตะคริว
เมโทคาร์บามอลมีกลไกการออกฤทธิ์อย่างไร?
กลไกการออกฤทธิ์ของยาเมโทคาร์บามอล ยังไม่เป็นที่ทราบแน่ชัด แต่ทางคลินิกได้มีข้อสรุปว่า ยาเมโทคาร์บามอลจะออกฤทธิ์กดการทำงานของสมอง โดยปิดกั้นการรับสัญญาณความรู้สึกที่ส่งมายังสมอง แต่มิได้ออกฤทธิ์ต่อกล้ามเนื้อลายโดยตรง
เมโทคาร์บามอลมีรูปแบบการจัดจำหน่ายอย่างไร?
เมโทคาร์บามอลมีรูปแบบการจัดจำหน่าย เช่น
- ยาเม็ดชนิดรับประทาน ที่ประกอบด้วย Methocarbamol 500 และ 750 มิลลิกรัม/เม็ด
- ยาฉีดที่ประกอบด้วย Methocarbamol 100 มิลลิกรัม/มิลลิลิตร และมีขนาดบรรจุ 10 มิลลิลิตร/ขวด
เมโทคาร์บามอลมีขนาดการบริหารยาอย่างไร?
ยาเมโทคาร์บามอลมีขนาดการบริหารยา/ใช้ยา เช่น
ก. สำหรับบรรเทาอาการปวดเกร็งกล้ามเนื้อ:
- ผู้ใหญ่: รับประทานยาครั้งละ 1,500 มิลลิกรัม วันละ 4 ครั้ง เป็นเวลา 2–3 วัน
กรณีมีอาการรุนแรง แพทย์อาจปรับเพิ่มเป็นรับประทานยา 8 กรัม/วัน จากนั้น แพทย์อาจปรับลดขนาดการใช้ยาลงมาเป็น 4,000–4,500 มิลลิกรัม/วัน โดยแบ่งรับประทาน ทุก6-8 ชัวโมง ทั้งนี้ควรรับประทานยานี้พร้อมอาหาร หรือหลังอาหารทันที
กรณียาฉีด: ฉีดยา 1,000 มิลลิกรัม เข้าหลอดเลือดดำ หรือฉีดทุก 8 ชั่วโมง แต่ห้ามใช้ยาเกิน 3 กรัม/วัน กรณีบาดทะยักเท่านั้นที่แพทย์จะใช้ยาฉีดเกิน 3 วันต่อเนื่อง
- เด็ก: การใช้ยา และขนาดยา ขึ้นกับดุลพินิจของแพทย์ เป็นกรณีๆไป
ข. สำหรับรักษาอาการโรคบาดทะยัก:
- ผู้ใหญ่: ฉีดยาขนาด 1–2 กรัม ในลักษณะแบบ IV/Intravenous tubing จากนั้นหยดยาเข้าทางหลอดเลือดดำขนาด 1–2 กรัม เพื่อให้ผู้ป่วยได้รับยา 3 กรัมในช่วงเริ่มต้น การให้ยาลักษณะนี้ แพทย์อาจต้องกระทำทุกๆ 6 ชั่วโมง จนกว่าผู้ป่วยจะสามารถใส่ท่อให้อาหารทางสายยางผ่านทางจมูก(Nasogastric tube)ได้ จึงจะเปลี่ยนการให้ยาเป็นยากิน โดยบดยานี้ที่เป็นเม็ดให้เป็นผงละเอียดแล้วกระจายตัวยาในน้ำหรือในน้ำเกลือแล้วส่งผ่านยาเข้าทางท่อให้อาหาร
- เด็ก: เริ่มต้นฉีดยาเข้าทางหลอดเลือดดำครั้งละ 15 มิลลิกรัม/น้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม หรือ 500 มิลลิกรัม/พื้นที่ผิวของร่างกาย 1 ตารางเมตร และอาจต้องฉีดยาให้ผู้ป่วยทุก6 ชั่วโมง โดยขนาดการให้ยาสูงสุด 1.8 กรัม/พื้นที่ผิวของร่างกาย 1 ตารางเมตร เป็นเวลาต่อเนื่อง3 วัน
อนึ่ง:
- ห้ามใช้ยานี้กับผู้ป่วยโรคไต
- ระวังการใช้ยานี้กับผู้ป่วยโรคลมชัก ด้วยตัวยาสามารถกระตุ้นอาการลมชักให้กำเริบขึ้นได้
*****หมายเหตุ: ขนาดและระยะเวลาในการใช้ยาที่ระบุในบทความนี้ เป็นเพียงตัวอย่างหนึ่งเท่านั้น ไม่สามารถใช้ทดแทนคำสั่งใช้ยาของแพทย์ได้ การใช้ยาที่เหมาะสม ควรต้องปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรก่อนเสมอ
เมื่อมีการสั่งยาควรแจ้งแพทย์/พยาบาลและเภสัชกรอย่างไร?
เมื่อมีการสั่งยาทุกชนิด รวมยาเมโทคาร์บามอล ผู้ป่วยควรแจ้งแพทย์/พยาบาล และเภสัชกร ดังนี้
- ประวัติแพ้ยาทุกชนิด เช่น กินยา/ใช้ยาแล้ว คลื่นไส้มาก ขึ้นผื่น หรือแน่นหายใจติดขัด/หายใจขัด/หายใจลำบาก
- มีโรคประจำตัวต่างๆ รวมทั้งกำลังกินยา/ใช้ยาอะไรอยู่ เพราะยาเมโทคาร์บามอลอาจส่งผลให้อาการของโรคเหล่านั้นรุนแรงขึ้น หรืออาจเกิดปฏิกิริยาระหว่างยากับยาอื่นๆ ที่กิน/ที่ใช้อยู่ก่อน
- หากเป็นสุภาพสตรีควรแจ้งว่าอยู่ในภาวะตั้งครรภ์ หรือ กำลังให้นมบุตร เพราะยาหลายประเภทสามารถผ่านทางน้ำนมหรือรก และเข้าสู่ทารกจนก่อให้เกิดผลข้างเคียงได้
หากลืมรับประทานยาควรทำอย่างไร?
หากลืมรับประทานยาเมโทคาร์บามอล สามารถรับประทานทันทีเมื่อนึกขึ้นได้ ถ้าเวลาใกล้เคียงกับการรับประทานยาในมื้อถัดไป ไม่จำเป็นต้องเพิ่มปริมาณยาเป็น 2 เท่า ให้รับประทานยาที่ขนาดปกติ
เมโทคาร์บามอลมีผลไม่พึงประสงค์อย่างไร?
ยาเมโทคาร์บามอล สามารถก่อให้เกิดผลไม่พึงประสงค์จากยา (ผลข้างเคียง/อาการข้างเคียง)ต่อระบบอวัยวะต่างๆของร่างกายดังนี้ เช่น
- ผลต่อระบบหัวใจและหลอดเลือด: เช่น ความดันโลหิตต่ำ และหัวใจเต้นช้า
- ผลต่อระบบประสาท: เช่น วิงเวียน ปวดศีรษะ ง่วงนอน เป็นลม กล้ามเนื้อของร่างกายทำงานไม่ประสานกัน เกิดอาการชักซึ่งมักเป็นกรณีของการให้ยานี้ทางหลอดเลือด
- ผลต่อผิวหนัง: เช่น เกิดลมพิษ ผื่นคัน ปวดบริเวณที่ฉีดยา
- ผลต่อตา: เช่น ตาพร่า เยื่อตาอักเสบ หนังตากระตุก
- ผลต่อระบบทางเดินหายใจ: เช่น คัดจมูก หลอดลมหดเกร็งตัว/หายใจลำบาก
- ผลต่อระบบทางเดินอาหาร: เช่น รู้สึกไม่สบายในทางเดินอาหาร เบื่ออาหาร ท้องอืด
- ผลต่อไต: เช่น ส่วนประกอบของยาเมโทคาร์บามอลชนิดฉีดจะมี PEG 300(Polyethylene glycol 300, สารเพิ่มประสิทธิภาพการคงตัวของยา) สารประกอบชนิดนี้สามารถเพิ่มสภาวะความเป็นกรดของเลือด(เลือดเป็นกรด) และทำให้เกิดการคั่งของสารยูเรียในร่างกายตามมา
มีข้อควรระวังการใช้เมโทคาร์บามอลอย่างไร?
มีข้อควรระวังการใช้ยาเมโทคาร์บามอล เช่น
- ห้ามใช้กับผู้ที่แพ้ยานี้
- ห้ามปรับขนาดรับประทานด้วยตนเอง
- ห้ามรับประทานยาอื่นใดร่วมกับยาเมโทคาร์บามอลโดยไม่มีคำสั่งจากแพทย์ ทั้งนี้เพื่อป้องกันภาวะยาตีกัน
- การใช้ยานี้กับสตรีมีครรภ์ สตรีในช่วงให้นมบุตร และเด็ก ต้องเป็นไปตามคำสั่งของแพทย์เท่านั้น
- ห้ามรับประทานยานี้นานเกินจากคำสั่งแพทย์
- กรณีพบอาการแพ้ยา เช่น มีผื่นคัน ผิวหนังบวมแดง ผิวหนังลอก แน่นหน้าอก หายใจขัด ใบหน้า-ปาก-คอมีอาการบวม ซึ่งเป็นอาการแพ้ยานี้ ต้องหยุดใช้ยานี้ทันที แล้วรีบนำผู้ป่วยส่งโรงพยาบาลทันที/ฉุกเฉิน
- *ผู้ที่ได้รับยานี้เกินขนาด จะมีอาการของสมองที่โดนกดการทำงาน(กดสมอง) ทำให้เกิดภาวะ คลื่นไส้ ง่วงนอน ตาพร่า ความดันโลหิตต่ำ มีอาการชัก และเกิดอาการโคม่า กรณีพบเห็นอาการดังกล่าว ต้องรีบนำผู้ป่วยส่งโรงพยาบาลทันที/ฉุกเฉิน
- ห้ามแบ่งยาให้ผู้อื่นใช้
- ห้ามใช้ยาหมดอายุ
- ห้ามเก็บยาหมดอายุ
***** อนึ่ง ทุกคนต้องตระหนักถึงความปลอดภัยจากการใช้ ”ยา”ที่รวมถึง ยาแผนปัจจุบันทุกชนิด(รวมยาเมโทคาร์บามอลด้วย) ยาแผนโบราณ อาหารเสริม ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ทุกชนิด และสมุนไพรต่างๆ เพราะยามีทั้งให้คุณและให้โทษ ดังนั้นเมื่อมีการใช้ยาทุกครั้ง ควรต้องปฏิบัติตามข้อปฏิบัติพื้นฐานในการใช้ยาทุกชนิด(อ่านเพิ่มเติมได้ในเว็บ haamor.com บทความเรื่อง ข้อปฏิบัติพื้นฐานในการใช้ยาทุกชนิด) รวมทั้งควรต้องปรึกษาเภสัชกรประจำร้านขายยาก่อนซื้อยาใช้เองเสมอ
เมโทคาร์บามอลมีปฏิกิริยาระหว่างยากับยาตัวอื่นอย่างไร?
ยาเมโทคาร์บามอลมีปฏิกิริยาระหว่างยากับยาตัวอื่น เช่น
- หลีกเลี่ยงการใช้ยาเมโทคาร์บามอลร่วมกับ ยาPyridostigmine เพราะอาจทำให้ประสิทธิผลการรักษาของยา Pyridostigmine ด้อยลงไป
- ห้ามรับประทานยาเมโทคาร์บามอลร่วมกับเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์เป็นองค์ประกอบ เพราะจะทำให้ผู้ป่วยได้รับผลข้างเคียงรุนแรงมากยิ่งขึ้น
- ห้ามใช้ยาเมโทคาร์บามอลร่วมกับยา Hydrocodone , Codeine เพราะจะเพิ่มฤทธิ์กดการทำงานของสมองของยาดังกล่าวที่ใช้ร่วมกันมากขึ้น และตามมาด้วยอาการหายใจขัด เข้าขั้นโคม่าและเสียชีวิตในที่สุด
- หลีกเลี่ยงการใช้ยาเมโทคาร์บามอลร่วมกับ ยาTriprolidine เพราะจะทำให้มีอาการวิงเวียนมากขึ้น เกิดภาวะง่วงนอน รู้สึกสับสน การครองสติทำได้ลำบาก
ควรเก็บรักษาเมโทคาร์บามอลอย่างไร?
ควรเก็บยาเมโทคาร์บามอลภายใต้อุณหภูมิ 20-25 องศาเซลเซียส (Celsius) ห้ามเก็บยาในช่องแช่แข็งตู้เย็น เก็บยาในภาชนะที่ปิดมิดชิด พ้นแสง/แสงแดด ความร้อนและความชื้น ไม่เก็บยาในห้องน้ำหรือในรถยนต์ และเก็บยาให้พ้นมือเด็กและสัตว์เลี้ยง
เมโทคาร์บามอลมีชื่ออื่นอีกไหม? ผลิตจากบริษัทอะไรบ้าง?
ยาเมโทคาร์บามอล มียาชื่อการค้า และบริษัทผู้ผลิต/ผู้จำหน่าย เช่น
ชื่อการค้า | บริษัทผู้ผลิต |
---|---|
Manobaxine (มาโนแบ็กซีน) | March Pharma |
Robaxin (โรแบ็กซิน) | Auxilium Pharmaceuticals, Inc. |
อนึ่ง ยาชื่อการค้าอื่นของยานี้ที่ผสมรวมกับยาแก้ปวดชนิดอื่นๆ เช่น Skelex, Carbacot, Flexinol, Methoprofen, Mylax, Robinaxol, Unifen MR
บรรณานุกรม
- https://en.wikipedia.org/wiki/Methocarbamol [2018,March24]
- http://www.mims.com/thailand/drug/info/methocarbamol/?type=brief&mtype=generic [2018,March24]
- http://www.mims.com/thailand/drug/info/manobaxine/?type=brief [2018,March24]
- https://www.drugs.com/dosage/methocarbamol.html [2018,March24]
- https://www.drugs.com/sfx/methocarbamol-side-effects.html [2018,March24]
- https://www.accessdata.fda.gov/drugsatfda_docs/label/2004/11790slr046_robaxin_lbl.pdf [2018,March24]
- http://www.medindia.net/drug-price/methocarbamol-combination.html [2018,March24]